คีย์บอร์ดมีกี่ประเภท ต่างกันยังไง
คีย์บอร์ดจะแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
-
คีย์บอร์ดแบบมีสาย เชื่อมต่อผ่านสาย USB ของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่มีพอร์ต USB มีราคาถูก เหมาะสำหรับใช้งานทั่วไป
-
คีย์บอร์ดไร้สาย แบบเชื่อมต่อผ่านสัญญาณ Wireless 2.4GHz กับตัวรับสัญญาณ USB ที่เสียบกับคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊ก
-
คีย์บอร์ดบลูทูธ ใช้ได้กับอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่สามารถเชื่อมต่อบลูทูธได้ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก ทีวี หรือเครื่องเล่นเกม และอื่น ๆ อีกมากมาย
-
คีย์บอร์ดเกมมิ่ง เป็นคีย์บอร์ดที่ถูกออกแบบมาสำหรับคอเกมโดยเฉพาะ ซึ่งในหลาย ๆ รุ่นจะเป็นคีย์บอร์ดแบบ Mechanical มีความแม่นยำในการตอบสนองสูง อาจมีลูกเล่นเสริม เช่น ปุ่มพิเศษ หรือไฟสีต่าง ๆ
คีย์บอร์ดยี่ห้อไหนดี 2023
1. MD-tech USB Keyboard KB-888
คีย์บอร์ดราคาประหยัด วัสดุทำจากพลาสติก ABS ดีไซน์ปุ่ม A/S/D/W และปุ่มลูกศรสีแดง ตัวอักษรบนแป้นพิมพ์เคลือบป้องกันการหลุดลอก มีช่องระบายน้ำ 10 ช่อง เพื่อลดความเสียหายเมื่อทำน้ำหกใส่ พร้อมขาตั้งปรับระดับความสูง-ต่ำได้ ปุ่มยางรองรับการกดได้มากกว่า 20 ล้านครั้ง
- ราคา 130 บาท
2. OKER WIRELESS DESKTGT K-199
คีย์บอร์ดไร้สายราคาประหยัด ดีไซน์เรียบ ๆ เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป เชื่อมต่อผ่านตัวรับสัญญาณ USB เสียบแล้วใช้ได้ทันที ตัวคีย์บอร์ดมีความบางกะทัดรัด น้ำหนักเบา สามารถพกพาได้สะดวก ปุ่มกดเงียบ ไม่ส่งเสียงดังรบกวน
- ราคา 250 บาท
3. Logitech K120 CORDED KEYBOARD
คีย์บอร์ด USB แบบมีสาย เป็นรุ่นมาตรฐานราคาประหยัดสุดของ Logitech เหมาะสำหรับใช้งานทั่วไป มีแป้นตัวเลข (Numpad) ให้ในตัว ใช้งานง่าย เสียบแล้วใช้ได้ทันที ปุ่มทนทานใช้งานได้ยาวนาน อีกทั้งยังสามารถกันน้ำหกใส่ได้อีกด้วย
- ราคา 290 บาท
4. Microsoft Wired Keyboard 600
คีย์บอร์ดรุ่นมาตรฐานของ Microsoft พร้อม Numpad ในตัว แป้นกดเป็นแบบไร้เสียง ทำงานได้เงียบ สามารถกันน้ำหกใส่ได้ ใช้งานง่าย เสียบแล้วใช้งานได้ทันที นอกจากนี้ยังมีปุ่มลัดสำหรับใช้ควบคุมการเล่นสื่อบันเทิงอีกด้วย มีให้เลือกทั้งสีดำและสีขาว
- ราคา 490 บาท
5. OKER MULTI-DEVICE BLUETOOTH WIRELESS KEYBOARD iK3280
คีย์บอร์ดไร้สายแบบ 2 ระบบ เลือกใช้ได้ทั้งการเชื่อมต่อแบบบลูทูธและ 2.4GHz ในระยะ 10 เมตร สำหรับคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และมือถือ ไม่ว่าจะเป็น Windows, macOS หรือ Android มีช่องสำหรับวางอุปกรณ์แท็บเล็ตหรือมือถือได้
- ราคา 590 บาท
6. NUBWO NK-34 FLICKER
คีย์บอร์ด Mechanical ราคาประหยัดแบบ Blue Swtich พร้อมไฟ LED 13 สีใต้ปุ่ม และปุ่มควบคุมการเล่นเพลงกับปุ่มหมุนสำหรับปรับระดับเสียง นอกจากนี้ก็ยังมีฟังก์ชัน Anti-Ghosting ที่สามารถกดพร้อมกันได้หลายปุ่ม จึงเหมาะสำหรับใช้ในการเล่นเกม
- ราคา 690 บาท
7. SIGNO KB-791 MARRAZE
คีย์บอร์ดเกมมิ่งแบบ Mechanical ที่มีให้เลือกทั้งแบบ Blue Switch (ปุ่มเสียงคลิก) และ Red Switch (ปุ่มเงียบ) มาพร้อมไฟใต้ปุ่ม 20 โหมด และปุ่มฟังก์ชัน 14 ปุ่ม สามารถตั้งโปรแกรมได้ บวกกับฟังก์ชัน Anti-Ghosting ให้กดพร้อมกันได้หลายปุ่ม
- ราคา 1,490 บาท
8. Anitech Ergonomic Keyboard EK-01
คีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ (Ergonomic) มาพร้อมแป้นรองข้อมือแบบหนังที่มีความหนานุ่ม และแป้นพิมพ์แบบแยกซ้าย-ขวายกระดับ เพื่อช่วยแก้ปัญหาอาการปวดข้อมือ ตัวคีย์บอร์ดเป็นแบบปุ่มมาตรฐาน 116 ปุ่ม โดยมีปุ่มมัลติมีเดียในตัวด้วย
- ราคา 1,690 บาท
9. HyperX Alloy Origins
คีย์บอร์ดเกมมิ่งวัสดุอะลูมิเนียมเกรดเครื่องบิน มีให้เลือกทั้งแบบคีย์สวิตช์ CHERRY MX Blue และ Red มีขนาดกะทัดรัด และสาย USB-C แบบถอดได้ พกพาสะดวก พร้อมไฟ RGB และเอฟเฟกต์ไดนามิก มี Game Mode, ฟังก์ชัน Anti-Ghosting 100% ร่วมกับ N-Key Rollover
- ราคา 2,790 บาท
10. Logitech POP Keys
คีย์บอร์ด Machanical แบบไร้สายสไตล์เครื่องพิมพ์ดีด มาพร้อมปุ่มอีโมจิปรับแต่งได้ 8 ปุ่ม เหมาะสำหรับสายแชตให้กดส่งอีโมจิรัว ๆ ได้ดั่งใจ บวกกับปุ่มฟังก์ชันลัด FN อีก 12 ปุ่ม เชื่อมต่อได้ทั้งแบบบลูทูธหรือผ่านตัวรับสัญญาณ USB Logi Bolt อายุแบตเตอรี่นานถึง 3 ปี และปุ่มที่ทนการกดถึง 50 ล้านครั้ง รองรับทั้ง Windows, macOS, ChromeOS, Android และ iPadOS
- ราคา 3,590 บาท
วิธีเลือกซื้อคีย์บอร์ด
ในการเลือกซื้อคีย์บอร์ดให้เหมาะกับความต้องการและลักษณะการใช้งานนั้น มีหลักเบื้องต้นที่ควรพิจารณาดังนี้
1. ประเภทของคีย์บอร์ด
หากต้องการคีย์บอร์ดสำหรับใช้ทำงานทั่วไป หรือใช้เล่นเกมบ้าง อาจเลือกซื้อเป็นคีย์บอร์ดมาตรฐานที่มีราคาแค่ไม่กี่ร้อยก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว แต่ถ้าหากเป็นคนชอบเล่นเกมจริงจัง ลองพิจารณาคีย์บอร์ดเกมมิ่งหรือ Mechanical Keybord ที่จะมีลูกเล่นเพิ่มเติมอย่างเช่น ไฟ ปุ่มที่ตั้งค่าได้ หรือการตอบสนองที่รวดเร็วกว่า
2. แบบมีสายหรือไร้สาย
กรณีที่ใช้งานกับคอมพิวเตอร์ทั่วไป อาจไม่จำเป็นต้องใช้คีย์บอร์ดไร้สายก็ได้ แต่ถ้าหากไม่ชอบสายเกะกะ หรือต้องการนำไปใช้กับอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต หรือใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่อยู่ไกล น่าจะเหมาะกับคีย์บอร์ดไร้สายมากกว่า แต่ก็ต้องดูด้วยนะว่าอุปกรณ์ดังกล่าวรองรับ Bluetooth หรือไม่ ถ้าหากไม่รองรับอาจต้องใช้แบบไร้สาย 2.4GHz ที่ต้องเสียบตัวรับสัญญาณ USB แทน
3. ขนาดของคีย์บอร์ด
นอกจากคีย์บอร์ดขนาดมาตรฐานที่หลายคนเคยใช้กันเป็นส่วนใหญ่แล้ว ยังมีคีย์บอร์ดขนาดเล็ก โดยจะไม่มีแป้นตัวเลข (Num Pad) หรือปุ่มฟังก์ชันต่าง ๆ รวมทั้งการจัดวางปุ่มก็อาจเรียงชิดติดกันมากกว่าปกติ ซึ่งมีข้อดีคือ ดูเล็กกะทัดรัด ประหยัดพื้นที่ และพกพาสะดวก แต่สำหรับบางคนอาจจะรู้สึกว่าพิมพ์และใช้งานได้ไม่ค่อยถนัดเท่ากับคีย์บอร์ดขนาดมาตรฐาน จึงควรเลือกในแบบที่เหมาะกับตัวเอง