แนะนำ 10 นาฬิกาข้อมือผู้ชายสุดคลาสสิกในตำนาน นาฬิกาหรูที่ยังดูทรงคุณค่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ยุคสมัย จากแบรนด์หรูอย่าง นาฬิกา Rolex นาฬิกา Patek Philippe นาฬิกา Omega และอื่น ๆ อีกมากมาย
นาฬิกาข้อมือ หนึ่งในไอเทมเครื่องประดับ แฟชั่น ที่สามารถช่วยเสริมบุคลิกและเสน่ห์ให้กับผู้ชายได้ โดยเฉพาะนาฬิกาหรูสุดคลาสสิกที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ชายมีฐานะ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อมาใส่ออกงานต่าง ๆ ใส่ในชีวิตประจำวัน หรือบางคนก็อาจซื้อมาสะสมเป็นคอลเล็กชั่นก็มี และในวันนี้เราจะพาไปชม 10 สุดยอด นาฬิกาผู้ชาย ที่เป็นนาฬิกาคลาสสิกในตำนานซึ่งยังทรงคุณค่ามาตลอดจนถึงทุกวันนี้กัน
1. Rolex Submariner
นาฬิกาข้อมือตระกูล Submariner จากแบรนด์หรู Rolex นั้นมีอายุมาค่อนข้างยาวนาน โดยถือกำเนิดตั้งแต่ปี 1953 เป็นนาฬิกาเรือนแรกที่สามารถกันน้ำที่ระดับความลึก 100 เมตร (330 ฟุต) ซึ่งถือเป็นตัวกำหนดมาตรฐานให้กับนาฬิกาสำหรับนักดำน้ำ มีดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์คือ กรอบเซรามิก ตัวเรือนและสายโลหะแข็งแรงทนทาน ใส่และถอดสะดวก โดยนับตั้งแต่ออกรุ่นแรกก็ได้มีการผลิต Rolex Submariner รุ่นใหม่ ๆ ออกมาตลอดจนถึงปัจจุบัน มีให้เลือกทั้งรุ่นที่มีตัวเรือนเป็น Oystersteel, ทองคำ และทองคำขาว ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ประมาณ 2 แสนบาทขึ้นไปจนถึงหลักล้านบาท
2. Omega Seamaster
Omega Seamaster เคยได้ชื่อว่าเป็นนาฬิกาสำหรับ James Bond มานานถึง 25 ปี มีดีไซน์คลาสสิกเรียบหรู มีหน้าปัดให้เลือกทั้งสีน้ำเงินและสีอื่น ๆ พร้อมลวดลายเส้นตามแนวขวางเหมือนคลื่นทะเลหรือลายพื้นไม้ของดาดฟ้าเรือหรูนั่นเอง นอกจากนี้ก็ยังมีคุณสมบัติกันน้ำที่ดีเยี่ยมอีกด้วย โดยมีราคาค่าตัวประมาณ 150,000 บาทขึ้นไป
3. Patek Philippe Calatrava
นาฬิกาสุดคลาสสิกจากแบรนด์ Patek Philippe รุ่นที่ถือกำเนิดตั้งแต่ปี 1932 มีดีไซน์เรียบหรู โดยยังคงเอกลักษณ์ต่าง ๆ เอาไว้จนถึงปัจจุบัน หน้าปัดเป็นวงกลมสีทอง พร้อมด้วยเข็มและขีดแทนตัวเลขสีทอง ซึ่งแมตช์กับสายหนังจระเข้สีน้ำตาลได้อย่างลงตัว ตัวเรือนทำจาก White Gold ด้านหลังเป็น Sapphire-crystal สามารถกันน้ำได้ลึก 30 เมตร มีราคาอยู่ที่ประมาณเกือบ 1 ล้านบาท
4. TAG Heuer Monaco
TAG Heuer Monaco มีหน้าปัดหลากหลายแบบ อย่างเช่นที่โดดเด่นก็จะเป็นหน้าปัดสี่เหลี่ยม มาพร้อมเข็มเล็ก Chronograph 2 เข็มสำหรับจับเวลา พื้นหลังสีน้ำเงิน Denim ประดับด้วยสีแดงบนเข็มและจุดบอกเวลา ผสมผสานออกมาเป็นสีธีมของ Steve McQueen ได้อย่างลงตัว ซึ่งเขาได้ใส่แสดงในภาพยนตร์ Le Mans ของปี 1971 นอกจากนี้ก็ยังสามารถกันน้ำได้ลึกถึง 100 เมตร มีราคาอยู่ที่ประมาณ 2 แสนบาท
5. IWC Portugieser Chronograph
ด้วยดีไซน์หน้าปัดสีเงิน ล้อมรอบด้วยตัวบอกวินาที พร้อมเข็ม Chronograph คู่ กรอบที่ค่อนข้างบาง กับตัวเลขอารบิกบนหน้าปัด โดยรวมแล้วดูเรียบง่ายและคลาสสิก เน้นความกะทัดรัดด้วยขนาด 41 มม. ที่สามารถใส่ได้เหมาะกับข้อมือของทุกคน โดยมีราคาค่าตัวอยู่ที่ประมาณ 3 แสนบาท
6. Audemars Piguet Royal Oak
นาฬิกาข้อมือหน้าปัดทรงแปดเหลี่ยมที่ดูโดดเด่นไม่เหมือนใคร รวมทั้งเม็ดมะยมก็เป็นทรงแปดเหลี่ยมด้วยเช่นกัน ทั้งตัวเรือนและสายเป็น Stainless Steel หน้าปัดเป็นสีน้ำเงินพร้อมลวดลาย Grande Tapisserie อันเป็นเอกลักษณ์ ประดับด้วยเข็มและขีดบอกเวลาสีทองขาว ทั้งคลาสสิกและดูดีมีสไตล์ ในราคาค่าตัวประมาณ 1.5 ล้านบาท
7. A. Lange & Söhne Lange 1
นาฬิกาคลาสสิกที่มีหน้าปัดดีไซน์แปลกแหวกแนวไม่เหมือนใคร เพราะหน้าปัดบอกเวลาจะไม่ได้มีขนาดเต็ม แต่ถูกย่อส่วนให้เล็กลง โดยพื้นที่ที่เหลือจะเป็นพื้นที่สำหรับเข็มบอกวินาที รวมทั้งบอกวันที่ โดย Lange 1 นั้นเป็นหนึ่งในนาฬิกาสุดคลาสสิกที่ได้รับรางวัลด้านดีไซน์มากที่สุด เป็นนาฬิกาที่ถือกำเนิดขึ้นในปี 1994 มีราคาอยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านบาท
8. Breitling Navitimer
จุดเด่นของนาฬิกา Breitling Navitimer นี้ก็คือรอบหน้าปัดจะมีตัวเลขรายละเอียดที่ดูแล้วค่อนข้างยุบยิบ ดูเหมือนจะเข้าใจยาก แต่เมื่อได้ใช้งานไปสักพักก็จะสามารถทำความคุ้นเคยกับมันได้เอง อีกทั้งยังมีเข็ม Chronograph บนหน้าปัดอีก 3 เข็ม ที่ทำให้นาฬิการุ่นนี้ดูมีรายละเอียดและโดดเด่นมากขึ้นอีก สำหรับราคาค่าตัวนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 250,000 บาท
9. Jaeger LeCoultre Reverso
อีกหนึ่งนาฬิกาดีไซน์เรียบหรูคลาสสิกที่มีหน้าปัดทรงสี่เหลี่ยม โดยรุ่นนี้จะเป็นหน้าปัดสี่เหลี่ยมผืนผ้า รวมทั้งรอบเข็มย่อยก็จะมีหน้าตาเหมือนหน้าปัดเล็กในทรงสี่เหลี่ยมเช่นกัน นอกจากนี้ Jaeger LeCoultre Reverso ยังมีส่วนในการแข่งขันโปโลของเจ้าหน้าที่กองทัพอังกฤษในอินเดียในยุค 1930s อีกด้วย ส่วนราคานั้นจะอยู่ที่ประมาณ 250,000 บาท
10. Vacheron Constantin Traditionnelle Self-Winding Ultra-Thin
นาฬิกาคลาสสิกที่เน้นความบางของตัวเรือน ซึ่งมีความบางเพียง 2.45 มม. เท่านั้น ส่วนด้านดีไซน์นั้นก็จะดูเรียบหรู ด้วยตัวเครื่องสีทองชมพู พื้นหลังหน้าปัดสีขาว ประดับด้วยเข็มและขีดบอกเวลาสีทอง และมีสายเป็นหนังสีน้ำตาลเข้ม ถือว่าเป็นดีไซน์ที่ไม่เคยดูตกยุคแม้จะผ่านไปกี่ยุคสมัยก็ตาม มีราคาอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านบาท
นอกจากนาฬิกาทั้ง 10 รุ่น 10 แบรนด์ที่ได้กล่าวไปนั้น ก็ยังมีนาฬิกาคลาสสิกอีกมากมายหลายแบบหลายสไตล์ที่ยังคงอยู่ในใจคนชอบสะสมนาฬิกามาจนถึงทุกวันนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก thegentlemansjournal.com, ablogtowatch.com