เคล็ดลับการเลือกหมวกกันน็อกจักรยานให้เหมาะกับการใช้งาน

เคล็ดลับการเลือกหมวกกันน็อกจักรยาน

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก bellhelmets

           อุปกรณ์สำคัญสำหรับการปั่นจักรยาน นอกจากการเลือกจักรยานคู่ใจแล้ว อุปกรณ์อีกชิ้นหนึ่งที่จำเป็นก็คือ หมวกกันน็อก นั่นเอง โดยจากผลการสำรวจของหน่วยงานประกันภัยของกรมทางหลวงสหรัฐฯ รายงานว่า หมวกจักรยานมีส่วนลดอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจนถึงขั้นเสียชีวิตได้มากถึง 85 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว รู้แบบนี้ นักปั่นทั้งหลายก็คงต้องหาหมวกมาใช้งานกันแล้ว แต่ถ้ายังไม่รู้จะเริ่มอย่างไร กระปุกดอทคอมก็นำเคล็ดลับในการเลือกหมวกจักรยานมาฝากกันแล้วครับ

เลือกประเภทของหมวกตามการใช้งาน

          หมวกจักรยานเองได้รับการออกแบบมาให้ใช้ตามประเภทการใช้งานด้วย ซึ่งหลัก ๆ จะแบ่งออกเป็น 3 แบบ ดังนี้

หมวกแบบสปอร์ต

หมวกแบบสปอร์ต

          1. หมวกแบบสปอร์ต เป็นหมวกจักรยานที่พบเห็นได้ทั่วไป มีรูปทรงที่หลากหลายและมีราคาไม่สูงนัก เน้นการปกป้องทั่ว ๆ ไป เหมาะสำหรับคนที่ใช้เดินทางในเมืองหรือขี่ออกกำลังกายเป็นระยะทางสั้น ๆ หมวกชนิดนี้ยังได้รับความนิยมจากบรรดาผู้เล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีมด้วย

Road Bike

          2. หมวกสำหรับ Road Bike ออกแบบเพื่อนักปั่นทำความเร็วโดยเฉพาะ มีราคาค่อนข้างสูง ตัวหมวกจะมีลักษณะลู่ลมเป็นพิเศษ ทั้งยังใช้วัสดุน้ำหนักเบา เหมาะสำหรับใช้ขี่แข่งขันทำความเร็ว หรือปั่นในระยะทางไกลบนถนน

Mountain Bike

          3. หมวกสำหรับ Mountain Bike เน้นการปกป้องจากการล้มมากกว่าเสริมประสิทธิภาพด้านการขี่ ด้านหน้าหมวกมีปีกหน้าป้องกันใบหน้าจากการล้มอย่างดี บางรุ่นจะครอบลงมาถึงใบหูและบริเวณคาง รวมทั้งมีแว่นสำหรับปิดหน้าเพื่อป้องกันโคลนด้วย

ขนาดนั้นสำคัญมาก

          หลังจากเลือกประเภทได้ตามรูปแบบการใช้งานแล้ว ประเด็นต่อมาที่ควรดูก็คือเรื่องขนาดของหมวกที่ควรเลือกให้เหมาะ ควรวัดขนาดศีรษะด้วยสายวัดในตำแหน่งหน้าผากเหนือคิ้วขึ้นไปประมาณ 2 เซนติเมตร เมื่อได้ตัวเลขแล้วก็สามารถเลือกไซส์ซึ่งผู้ผลิตส่วนใหญ่มักจะยึดค่ามาตรฐานตามนี้เลยครับ

          XS: เล็กกว่า 51 เซนติเมตร

          S: 51-55 เซนติเมตร

          M: 55-59 เซนติเมตร

          L: 59-63 เซนติเมตร

          XL: มากกว่า 63 เซนติเมตร

          Free Size ผู้ชาย: 54-61 เซนติเมตร

          Free Size ผู้หญิง: 50-57 เซนติเมตร


          ทั้งนี้ แม้ว่าจะเลือกไซส์จากตัวเลขที่เหมาะสมแล้ว คุณก็ควรลองสวมดูจริง ๆ พร้อมกับใช้นิ้วคลำสำรวจรอบ ๆ หมวก ซึ่งถ้าหมวกพอดี มันก็แนบชิดติดหัวตลอดทั้งใบและไม่ขยับไปไม่แม้จะโยกศีรษะ

สิ่งที่ต้องคำนึงในการเลือกหมวก

          หมวกจักรยานไม่ได้มีหน้าที่เพียงแค่ปกป้องศีรษะของเราจากการกระแทกเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการขี่จักรยานของเราด้วย ซึ่งคุณสมบัติของหมวกที่นักปั่นจำเป็นต้องรู้เพื่อให้เลือกหมวกได้อย่างเหมาะกับที่ต้องการทั้งคุณภาพและราคาก็มีดังนี้

          น้ำหนัก ถือว่ามีส่วนอย่างยิ่งในการเสริมความสามารถในการขี่ ควรเลือกหมวกที่มีน้ำหนักเบาสักหน่อยซึ่งจะสวมใส่ได้สบายกว่า แต่ทั้งนี้ ราคาของหมวกก็จะเพิ่มขึ้นตามน้ำหนักที่ลดลงด้วย

           ช่องระบายอากาศ มีหน้าที่ช่วยให้ลมผ่านภายในหมวกและช่วยเรื่องอากาศพลศาสตร์ ทำให้ศีรษะไม่อับชื้นและทำความเร็วได้ดีขึ้น ควรเลือกหมวกที่มีช่องระบายอากาศเห็นเด่นชัด ไม่มีชิ้นส่วนบังช่องลม จะช่วยให้การใช้งานสะดวกมากขึ้น การออกแบบส่วนนี้ก็มีส่วนทำให้หมวกราคาสูงขึ้นเช่นกัน

           แว่นกันลม หมวกบางรุ่นมีแว่นกันลมติดมาให้ด้วย ยิ่งคุณสมบัติของแว่นยอดเยี่ยมเท่าไร ราคาของหมวกก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าหากคุณไม่ใช่นักปั่นความเร็วสูง การสวมแว่นกันแดดธรรมดาก็เพียงพอแล้ว

           สายล็อก หมวกแทบทุกรุ่นจะมีสายคล้องเพื่อรัดหมวกให้อยู่กับศีรษะของเรา ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็มีเทคโนโลยีที่แตกต่างกันไป ควรเลือกระบบล็อกที่แน่นหนา แข็งแรง ปรับระดับได้ มีครบทั้งสายรัดคางและรอบศีรษะ จะช่วยให้การสวมใส่สบายและปลอดภัยมากขึ้น

การสวมใส่หมวกจักรยานให้ถูกวิธี


คลิป How To Properly Fit a Bicycle Helmet โพสต์โดยคุณ  Art\'s Cyclery สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

          การสวมหมวกจักรยานให้ถูกวิธีจะช่วยเพิ่มลดการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุได้มากขึ้น ซึ่งมีวิธีดังนี้

          1. สวมหมวกลงไปบนศีรษะ ให้ด้านหน้าของหมวกไม่เชิดขึ้นด้านบน โดยขอบล่างของหมวกควรปิดพื้นที่หน้าผากเกือบทั้งหมดและเหนือพื้นที่เหนือคิวประมาณ 1 เซนติเมตร

          2. ล็อกสายรัดตรงคางให้เรียบร้อย แต่ไม่ควรรัดแน่นเกินไป เพราะจะทำให้หายใจลำบาก

          3. ปรับระดับของหมวกที่กลไกด้านหลังหมวก ให้รัดติดกับศีรษะพอดี จะช่วยให้การเคลื่อนไหวคล่องตัวยิ่งขึ้น

ควรเปลี่ยนหมวกจักรยานเมื่อไร ?

          หมวกจักรยานก็เหมือนของอื่น ๆ ที่ต้องเปลี่ยนเมื่อถึงเวลาอันควร ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

          1. เมื่อใช้งานหมวก 5 ปีขึ้นไป เนื่องจากโฟมกันกระแทกอาจเสื่อมสภาพจนไม่สามารถซับแรงกระแทกได้อีก

          2. เมื่อหมวกผ่านการกระแทก เพราะโฟมกันกระแทกจะหมดประสิทธิภาพในการดูดซับแรงทันที

ข้อควรระวังในการใช้หมวกจักรยาน

          1. การทำความสะอาดหมวกควรใช้เพียงแค่ฟองน้ำกับสบู่ทั่ว ๆ ไปเท่านั้น เนื่องจากสารเคมีอย่างอื่นอาจทำให้หมวกเสียหายได้

          2. ไม่ควรเก็บหมวกในที่ที่มีความร้อนสูง เช่น กลางแดดหรือภายในรถ เพราะจะทำให้โฟมเกิดการพองตัวและหมดประสิทธิภาพทันที

          เป็นอย่างไรบ้างสำหรับเคล็ดลับการเลือกและใช้งานหมวกจักรยานที่กระปุกดอทคอมนำมาฝากกันในวันนี้ หวังว่าจะช่วยให้นักปั่นทั้งหลายเลือกหมวกได้ตรงใจและใช้งานได้ปลอดภัยกันมากขึ้นแล้วนะครับ



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เคล็ดลับการเลือกหมวกกันน็อกจักรยานให้เหมาะกับการใช้งาน อัปเดตล่าสุด 3 มิถุนายน 2557 เวลา 09:50:11 23,996 อ่าน
TOP
x close