ใครว่ากลิ่นตัวนั้นไม่สำคัญ... วิธีแก้ปัญหากลิ่นตัว สำหรับผู้ชายที่กลิ่นตัวแรง เพื่อกลิ่นกายที่สะอาดหอมสดชื่น เรื่องง่าย ๆ ที่ผู้ชายควรใส่ใจ
กลิ่นตัว... หนึ่งในปัญหายอดฮิตของผู้ชายที่หลายคนอาจจะไม่ค่อยได้ใส่ใจกัน แต่ความจริงแล้วกลิ่นตัวนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันส่งผลต่อความประทับใจเมื่อเจอกันครั้งแรก โดยเฉพาะกับสาว ๆ ซึ่งถ้าหากเรามีกลิ่นกายที่สะอาดหอมสดชื่น มันก็จะช่วยเสริมภาพลักษณ์ของเราให้เป็นผู้ชายที่ดูดีมีสเน่ห์มากขึ้น แต่จะสามารถทำยังไงได้บ้างนั้น วันนี้เราจะมาแชร์เคล็ดลับที่ไม่ลับให้ได้ลองไปทำตามกัน
ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า กลิ่นตัวนั้นมักเกิดจากเหงื่อและแบคทีเรียที่หมักหมมอยู่ตามจุดซ่อนเร้นของร่างกาย เช่น รักแร้ เท้า ขาหนีบ โดยสาเหตุที่ผู้ชายมักมีปัญหากลิ่นตัวมากกว่าผู้หญิงนั้นก็เพราะว่าผู้ชายมีต่อมเหงื่อที่มากกว่าและใหญ่กว่า ส่งผลให้มีเหงื่อออกมากกว่าจนกลายเป็นปัญหากลิ่นตัว สำหรับวิธีการแก้ปัญหากลิ่นตัวของผู้ชายนั้นก็ไม่ยาก แค่ทำตามวิธี 9 ข้อ ดังนี้
1. อาบน้ำทุกวัน
ควรอาบน้ำเป็นประจำทุกวันอย่างน้อยวันละ 1-2 ครั้ง และสำหรับบางคนอาจจะต้องหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่มีส่วนผสมของสบู่ (Soap Free) เนื่องจากสบู่นั้นมีส่วนประกอบที่ทำให้ผิวหนังมีค่า pH สูงขึ้น ทำให้ผิวหนังมีสภาพเป็นด่างและเกิดแบคทีเรียมากขึ้นกว่าเดิม การใช้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่ปราศจากส่วนผสมสบู่จึงช่วยลดแบคทีเรียบนผิวหนังซึ่งเป็นต้นเหตุของกลิ่นตัวได้ดีกว่า
2. อย่าโกนขน แค่เล็มก็พอ
การโกนขนตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายนั้นไม่ใช่เรื่องดี เนื่องจากขนจะช่วยดูดซับความชื้น ทำให้บริเวณนั้นไม่เหม็นอับจนแบคทีเรียหมักหมม ถ้าหากรู้สึกว่าขนยาวมากเกินไปจนดูไม่งามก็ให้ใช้วิธีเล็มออกแทน แค่อย่าโกนจนเกลี้ยงก็พอแล้ว
3. หมั่นสระผมทุกวัน
ควรหมั่นสระผมเป็นประจำทุกวันเพราะจะช่วยลดกลิ่นที่หมักหมมอยุ่ในเส้นผมได้ แต่ถ้าหากเป็นคนผมมันควรใช้เป็นยาสระผมชนิดแห้งแทน นอกจากนี้ถ้าหากคุณเป็นคนที่ทำงานอยู่ในที่มีควันหรือกลิ่นเยอะ ๆ เช่น ในครัวทำอาหาร หรือเป็นคนสูบบุหรี่ ก็ควรตัดผมให้สั้น เพราะถ้าไว้ผมยาวจะทำให้มีกลิ่นติดในเส้นผมมากขึ้น
4. ดับกลิ่นใต้วงแขน
วิธีที่ดีที่สุดสำหรับดับกลิ่นใต้วงแขนก็คือการใช้น้ำยาระงับกลิ่นเหงื่อ ซึ่งจะช่วยลดการเกิดเหงื่อ ลดการเกิดแบคทีเรียหมักหมม โดยให้ใช้ทุกวันตอนเช้า หรืออาจใช้ซ้ำอีกครั้งหลังผ่านกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก สำหรับใครที่ต้องการผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นเหงื่อที่เป็นธรรมดาก็สามารถหาซื้อได้เช่นกัน แต่อาจมีราคาที่สูงกว่าปกติ
5. กลื่นน้ำหอมก็สำคัญ
ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับอาบน้ำและระงับกลื่นกายให้ไปทางเดียวกับกลิ่นน้ำหอมที่ให้ อย่าให้กลิ่นตีกันจนมั่ว เพราะนอกจากจะไม่หอมแล้วยังทำให้คนรอบข้างเวียนหัวอีกด้วย หรือถ้าอยากเน้นง่ายก็อาจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์แบบไร้กลิ่นไปเลยก็ได้เช่นกัน
6. แก้ปัญหากลิ่นปาก
7. เลือกรับประทานอาหารและดื่มน้ำมาก ๆ
อาหารที่รับประทานเข้าไปก็ส่งผลต่อกลิ่นปากถึง 12 ชั่วโมง และส่งผลต่อกลิ่นกายอีก 48 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงอาหารบางประเภทที่ทำให้กลิ่นตัวแรงในช่วงกินกิจกรรมสำคัญ อย่างเช่น หัวหอม กระเทียม เนื้อแพะ รวมทั้งอาหารแปรรูปต่าง ๆ นอกจากนี้การดื่มน้ำมาก ๆ รวมทั้งลดเครื่องแอลกอฮอล์ก็สามารถช่วยได้เช่นกัน
8. กลิ่นเท้าก็อย่าได้มองข้าม
กลิ่นเท้าก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะถ้าหากมีสถานการณ์ที่จำเป็นต้องถอดรองเท้า โดยสามารถใช้ครีมหรือสเปรย์ระงับกลิ่นเท้าได้ รวมทั้งอาจใช้แป้งข้าวโพดผสมเบกกิ้งโซดาก็ได้เช่นกัน (สามารถใช้ได้ทั้งกับเท้าและใต้วงแขน) นอกจากนี้การเลือกสวมรองเท้าที่เป็นหนังหรือผ้าก็ช่วยลดกลิ่นเท้าได้เช่นกัน และอย่าลืมเปลี่ยนถุงเท้าอย่างน้อยวันละ 1 คู่ด้วยนะ
9. เสื้อผ้าก็ต้องใส่ใจ
นอกจากร่างกายเราแล้ว เสื้อผ้าที่เราใส่ก็ต้องให้ความใส่ใจเช่นกัน โดยเฉพาะชิ้นที่สัมผัสกับร่างกายเราโดยตรง เช่น กางเกงใน ควรจะซักทุกครั้งหลังใส่ เพราะเหงื่อและแบคทีเรียจากร่างกายเราจะติดอยู่ในเนื้อผ้า ถ้าหากไม่ซักก็จะเกิดการหมักหมมจนส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ รวมทั้งคนที่สูบบุหรี่หรืออยู่ในที่มีควันเยอะ กลิ่นพวกนี้ก็จะติดเสื้อผ้าได้เช่นกัน แต่ถ้าหากเป็นผ้าที่ไม่สามารถซักบ่อย ๆ ได้ก้อาจใช้วิธีนำไปผึ่งตากอากาศแทน
ข้อมูลจาก bellatory.com, menshealth.com