นาฬิกาวิ่ง ยี่ห้อไหนดี ปี 2019 แนะนำนาฬิกาออกกําลังกาย สำหรับนักวิ่งทุกเลเวลที่กำลังมองหานาฬิกาวิ่ง เพื่อใช้งานในการฝึกซ้อมวิ่ง เลือกนาฬิกาวิ่ง รุ่นไหนดี
เทรนด์การออกกำลังกายด้วยการวิ่งในปีนี้ ยังคงได้รับความนิยมและกระแสแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดูจากกิจกรรมการวิ่งที่มีการจัดขึ้นทุกอาทิตย์ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด และแน่นอนเมื่อกระแสแรงแบบนี้ ทำให้หลาย ๆ คนเริ่มหันมาออกกำลังกายด้วยการวิ่ง และสิ่งสำคัญสำหรับคนที่เริ่มต้นวิ่งนอกจาก
รองเท้าวิ่งดี ๆ สักคู่
"นาฬิกาวิ่ง" ก็ถือเป็นอุปกรณ์อีกชิ้นที่ได้กลายเป็นของคู่กายนักวิ่งที่ต้องการจริงจังกับการวิ่ง หรือวิ่งด้วยโปรแกรมฝึกซ้อม เพื่อพัฒนาศักยภาพการวิ่งของตัวเอง
การเลือก
นาฬิกาวิ่งจึงเป็นอีกเรื่องที่สำคัญสำหรับนักวิ่ง ในปัจจุบันนาฬิกาวิ่ง หรือนาฬิกาออกกำลังกาย ทั้ง
นาฬิกาผู้ชาย หรือสำหรับผู้หญิง มีให้เลือกมากมายหลายยี่ห้อ หลายระดับราคา โดยฟังก์ชันการใช้งานในบางยี่ห้อก็อาจจะเหมือนกัน และแตกต่างกันออกไปตามที่ผู้ผลิตจะใช้เป็นจุดเด่น สำหรับใครที่กำลังมองหานาฬิกาวิ่ง นาฬิกาออกกำลังกาย ไม่รู้ว่าจะเลือกยี่ห้อไหนดี
วันนี้กระปุกดอทคอมมี 5 นาฬิกาวิ่ง ปี 2019 มาแนะนำ มาดูกันว่า มีรุ่นไหนให้เลือกบ้าง
1. Garmin Forerunner 245 | Forerunner 245 Music
หลังจากทิ้งช่วงให้รุ่น Forerunner 235 กลายเป็นนาฬิกาวิ่งยอดนิยมอยู่หลายปี ล่าสุด Garmin ก็ออก Forerunner 245 และ Forerunner 245 Music มาสานต่อรุ่น 235 แล้ว โดยรุ่นนี้ได้มีการปรับโฉมและปรับปรุงในหลาย ๆ ส่วน ให้ตอบโจทย์นักวิ่งที่ต้องการนาฬิกาวิ่งที่มีฟีเจอร์คุ้มค่ากับราคาประหยัด สำหรับ Forerunner 245 และ Forerunner 245 Music ยังคงเป็นนาฬิกาวิ่งระบบ GPS มีฟีเจอร์ที่เด่น ๆ เช่น
- ซิงก์เพลงกับบริการสตรีมมิ่งเพลงต่าง ๆ เช่น Spotify, สามารถจัดเก็บเพลงได้ถึง 500 เพลง และเล่นเพลงได้จากตัวนาฬิกา
- สามารถประเมินสถานะการฝึกปัจจุบันของคุณเพื่อบ่งบอกว่าคุณกำลังฝึกน้อยเกินไปหรือมากเกินไป และยังมีคุณสมบัติการตรวจสอบสมรรถภาพอื่น ๆ เพิ่มเข้ามาอีกมากมาย
- มี Running Dynamics ขั้นสูง ซึ่งประกอบด้วยเวลาที่เท้าเหยียบพื้นขณะวิ่ง สมดุลเวลาที่เท้าเหยียบพื้นขณะวิ่ง ช่วงก้าวยาวและอื่น ๆ
- ประเมินการฝึกซ้อมด้วย VO2 Max, Recovery Time, Training Effect และ Training Load
- สร้างแผนการฝึกซ้อมด้วยโปรแกรมการฝึกซ้อมจาก Garmin Coach
- ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่เคลมว่า ใช้ได้นานถึง 7 วันในโหมดสมาร์ตวอตช์ และนานถึง 6 ชั่วโมงในโหมด GPS กับเล่นเพลง
ราคา 11,990 บาท (Forerunner 245) และ 13,990 บาท (Forerunner 245 Music)
2. Suunto 5
นาฬิกา GPS มัลติสปอร์ตดีไซน์พรีเมียมที่ว่ากันว่าเป็นของคู่กายนักวิ่ง เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มวิ่งออกกำลังกาย หรืออยากจะจริงจังกับการวิ่งมากขึ้นด้วยฟังก์ชันต่าง ๆ ที่มีให้เลือกใช้งานมากมาย เช่น โหมดกีฬาและฟิตเนสแบบมัลติสปอร์ต ที่มีให้เลือกกว่า 80 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นวิ่ง, ปั่น หรือว่ายน้ำ เป็นต้น รวมถึงสร้างแผนการออกกําลังกายอัตโนมัติเพื่อความต่อเนื่องของสุขภาพ สามารถดู Fitnees Level ระดับความแข็งแรงด้วยค่า VO2max ระบบความเครียด และระยะเวลาการฟื้นตัว (Stress & Recovery) นอกจากนี้ยังปรับปรุงระบบแบตเตอรี่อึดขึ้นกว่าเดิม
ราคา 11,900 บาท
3. Xiaomi Amazfit Stratos 2 หรือ Amazfit 2
สำหรับใครที่มีงบจำกัด อยากได้นาฬิกาอัจฉริยะที่เป็นทั้งนาฬิกาวิ่งและมีฟีเจอร์อื่น ๆ ให้ใช้งานเพื่อความคุ้มค่า Amazfit Stratos 2 ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือก มาพร้อมแท่นชาร์จแบตเตอรี่ในตัว ดีไซน์ดูสวยงามทันสมัย เรียบง่าย มีความทนทานและแข็งแรง ตัวสายนาฬิกาผลิตจากวัสดุซิลิโคน และตัวเรือนนาฬิกาเป็นสเตนเลส หน้าจอนาฬิกาแบบ OLED มีระบบ GPS ในตัว กันนํ้าในระดับ 5ATM สามารถดำนํ้าได้ไม่เกิน 50 เมตร และใส่ว่ายนํ้าได้ รองรับการใช้งานทั้ง iOS และ Android ส่วนอายุการใช้งานแบตเตอรี่ สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 5 วัน และใช้งาน 35 ชั่วโมง เมื่อเปิด GPS
ราคา 6,990 บาท
4. Polar Vantage M
นาฬิกา GPS มัลติสปอร์ตอีกรุ่นที่มีความน่าสนใจไม่น้อย ด้วยฟังก์ชันที่จัดเต็มกับราคาที่ไม่แพงมากจนเกินไป จุดเด่นของรุ่นนี้เป็นทั้งนาฬิกาไตรกีฬาและมัลติสปอร์ต เหมาะสำหรับคนที่เริ่มต้นออกกำลังกายหรือระดับนักกีฬา มีน้ำหนักบางเบา และสามารถสวมใส่ได้ทุกโอกาส รวมถึงมาพร้อมนวัตกรรมใหม่ Precision Prime ที่สามารถติดตามอัตราการเต้นของหัวใจได้อย่างแม่นยำ, รองรับกีฬากว่า 130 ชนิด, สามารถประเมินค่า VO2max เพื่อประสิทธิภาพการออกกำลังกาย, มี Traning Load Pro วัดความเครียดของการฝึกซ้อม, ใส่ว่ายน้ำได้ และติดตามระยะเวลาคุณภาพการนอนหลับอัตโนมัติ
ราคา 11,590 บาท
5. Garmin Instinct
ปิดท้ายด้วย Garmin Instinct นาฬิกาสำหรับคนที่มีไลฟ์สไตล์รักการผจญภัยและชอบออกกำลังกาย มาพร้อมฟีเจอร์พื้นฐานแบบครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการวัดชีพจร, ติดตามกิจกรรมในชีวิตประจำวัน, ระบบ GPS และอื่น ๆ อีกมากมาย รูปทรงดีไซน์ตัวนาฬิกาดูแข็งแรงทนทานด้วยมาตรฐาน U.S. military standard 810G สามารถทนความร้อน และกันน้ำ 100 เมตร ใช้เข็มทิศ 3 แบบแกน สามารถวัดความกดอากาศ ติดตามเส้นทางด้วยระบบ GPS, GLONASS และ Galileo รวมถึง TraceBack ระบบนำทางกลับไปยังจุดเส้นทางเริ่มต้น หรือวางแผนการเดินทางล่วงหน้าได้ ส่วนอายุแบตเตอรี่ในโหมดสมาร์ตวอตช์ ทาง Garmin เคลมว่าชาร์จ 1 ครั้ง ใช้งานได้สูงสุด 14 วัน, โหมดฝึกซ้อม/GPS ชาร์จ 1 ครั้ง ใช้งานได้สูงสุด 16 ชั่วโมง และโหมดประหยัดแบตเตอรี่ UltraTrac ใช้งานได้สูงสุด 40 ชั่วโมง
ราคา 11,500 บาท