พาชมวิวัฒนาการของ iPad แท็บเล็ตของแอปเปิล จากรุ่นสู่รุ่น ตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นปัจจุบัน
![วิวัฒนาการของ iPad วิวัฒนาการของ iPad]()
iPad (2010)
![วิวัฒนาการของ iPad วิวัฒนาการของ iPad]()
iPad
แท็บเล็ตรุ่นแรกของแอปเปิล มาพร้อมหน้าจอ LCD ขนาด 9.7 นิ้ว ความละเอียด
1024x768 พิกเซล ความจุ 16GB/32GB/64GB กรอบจอด้านหน้าสีดำ
ด้านหลังตัวเครื่องเป็นสีเงิน มีทั้งรุ่น Wi-Fi และรุ่น 3G ใช้พอร์ตแบบ 30
พิน
iPad 2 (2011)
มีการอัปเกรดสเปกจากรุ่นแรก ดีไซน์คล้ายเดิมแต่ขอบโค้งมนน้อยลง มีความจุ 16GB/32GB/64GB มีทั้งสีขาวและสีดำ พร้อมกล้อง FaceTime และกล้องหลัง มีแบ่งออกเป็นรุ่น Wi-Fi, รุ่น GSM (ใช้ micro-SIM) และรุ่น CDMA
iPad รุ่นที่ 3 (ต้นปี 2012)
ยุคที่ 3 ของ iPad ที่ยังคงมีความจุให้เลือกเท่าเดิมคือ 16GB/32GB/64GB มีทั้งสีขาวและสีดำ รุ่น Wi-Fi และรุ่น Cellular ดีไซน์เหมือนรุ่นก่อนหน้าทุกประการ ส่วนกล้องหลังได้ถูกอัปเกรดเป็นกล้อง iSight
iPad รุ่นที่ 4 (ปลายปี 2012)
ยังคงมีดีไซน์เหมือนเดิม เพิ่มความจุสูงสุดเป็น 128GB มีสีขาวและสีดำเหมือนเดิม หน้าจออัปเกรดเป็นจอ Retina ขนาด 9.7 นิ้ว และเปลี่ยนจากพอร์ต 30 พิน เป็นพอร์ต Lightning กล้องหน้า FaceTime HD และกล้องหลัง iSight
iPad mini (ปลายปี 2012)
iPad
ตระกูลใหม่ไซส์มินิ หน้าจอขนาด 7.9 นิ้ว บางและเบากว่า iPad รุ่นปกติ
มีให้เลือกความจุ 16GB/32GB/64GB มีดีไซน์ต่างจากรุ่นปกติ
ขอบข้างเล็กจอกว่าเดิม ใช้พอร์ต Lightning มีสีขาวและสีดำ พร้อมกล้อง
FaceTime HD และกล้อง iSight รุ่น Cellular ใช้ nano-SIM
บอดี้เป็นอะลูมิเนียม
iPad mini 2 (ปลายปี 2013 และต้นปี 2014)
![วิวัฒนาการของ iPad วิวัฒนาการของ iPad]()
รุ่นเล็กอัปเกรดสเปก
หลัก ๆ คือใช้หน้าจอเป็น Retina ขนาด 7.9 นิ้ว พร้อมเพิ่มความจุสูงสุดเป็น
128GB ดีไซน์เหมือนเดิม ใช้พอร์ต Lightning
iPad Air (ปลายปี 2013 และต้นปี 2014)
iPad ตระกูลใหม่ เน้นความบางและเบา มาพร้อมหน้าจอ Retina ขนาด 9.7 นิ้ว ความจุ 16GB/32GB/64GB/128GB ดีไซน์สไตล์เดียวกับ iPad mini รุ่นกรอบจอสีขาวด้านหลังจะเป็นสีเงิน รุ่นกรอบจอสีดำด้านหลังเป็นสีเทาสเปซเกรย์ บอดี้เป็นอะลูมิเนียม ใช้พอร์ต Lightning มีกล้อง FaceTime HD และกล้อง iSight
iPad mini 3 (ปลายปี 2014)
รุ่นใหม่พร้อมสีใหม่ มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีเงิน สีเทาสเปซเกรย์ และสีทอง พร้อมทั้งเพิ่ม Touch ID สามารถสแกนลายนิ้วมือได้ที่ปุ่มโฮม หน้าจอ ดีไซน์ และความจุเหมือนรุ่นก่อนหน้า
iPad Air 2 (ปลายปี 2014)
![วิวัฒนาการของ iPad วิวัฒนาการของ iPad]()
รุ่นอัปเกรดสเปก
ใช้ชิป A8X เพิ่มสีใหม่เช่นเดียวกับ iPad mini 3 ที่เปิดตัวในปีเดียวกัน
สีเงิน สีเทาสเปซเกรย์ และสีทอง พร้องทั้งรองรับ Touch ID หน้าจอ ดีไซน์
และความจุเหมือนรุ่นก่อนหน้า
iPad Pro 12.9 นิ้ว (2015)
iPad ตระกูลใหม่ เน้นสเปกแรงสำหรับใช้งานระดับมืออาชีพ มาพร้อมหน้าจอ Retina ขนาด 12.9 นิ้ว ความจุ 32GB/128GB/256GB ใช้ชิป A9X บอดี้อะลูมิเนียมสีเงิน สีเทาสเปซเกรย์ หรือสีทอง มีพอร์ต Smart Connector และ Lightning พร้อมกล้อง FaceTime HD และกล้อง iSight รองรับ Touch ID มีลำโพง 4 ตัว พร้อมอุปกรณ์เสริม Apple Pencil และ Smart Keyboard
iPad mini 4 (ปลายปี 2015)
รุ่นอัปเกรดสเปก ใช้ชิป A8 แบบ 64-bit มีความจุให้เลือกหลายหลายทั้ง 16GB/32GB/64GB/128GB ส่วนคุณสมบัติอื่น ๆ โดยรวมเหมือนรุ่นก่อนหน้า
iPad Pro 9.7 นิ้ว (2016)
iPad Pro รุ่นจอเล็กขนาด 9.7 นิ้วเท่ารุ่นปกติ พร้อมเทคโนโลยีจอภาพ True Tone และสีใหม่ Rose Gold และกล้อง iSight พร้อมแฟลชในตัว
iPad รุ่นที่ 5 (2017)
มาพร้อมหน้าจอ Retina ขนาด 9.7 นิ้ว มี 2 ความจุคือ 32GB/128GB ตัวเครื่องอะลูมิเนียมเลือกได้สีเงิน สีทอง หรือสีเทาสเปซเกรย์ มีกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และกล้อง FaceTime HD พร้อมรองรับ Touch ID
iPad Pro 2017
รุ่นใหม่ดีไซน์ หน้าจอ Retina ขนาด 10.5 นิ้ว และ 12.9 นิ้ว ใช้ชิปรุ่นใหม่ A10X แรงกว่าเดิม พร้อมเทคโนโลยี ProMotion ความสามารถใหม่ที่จะทำให้หน้าจอแสดงผลด้วย Refresh Rate ที่ 120Hz เพิ่มความจุสูงสุดเป็น 512GB มีให้เลือกสีเทาสเปซเกรย์, สีโรสโกลด์, สีทอง และสีเงิน
iPad รุ่นที่ 6 (2018)
รุ่นอัปเกรด ใช้ชิป A10 ดีไซน์โดยรวมเหมือนเดิม หน้าจอและความจุเท่าเดิม เพิ่มการรองรับ Apple Pencil ให้เหมือนกับ iPad Pro
iPad Pro 2018
iPad Pro รุ่นยกเครื่องดีไซน์ใหม่ สไตล์เดียวกับ iPhone X หน้าจอ Liquid Retina ขนาด 11 นิ้ว และ 12.9 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยี ProMotion และ True Tone ใช้ชิป A12X Bionic ตัวเครื่องมีสีเงินและสีเทาสเปซเกรย์ เปลี่ยนจากพอร์ต Lightning เป็นพอร์ต USB-C ความจุสูงสุด 512GB มีกล้อง TrueDepth และกล้องด้านหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมรองรับ Face ID และ Apple Pencil 2
ภาพจาก apple

หากพูดถึงสินค้าของแอปเปิลที่ได้รับความนิยมสุด ๆ นอกจาก iPhone แล้ว รองลงมาก็คงจะเป็น iPad แท็บเล็ตที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS เช่นเดียวกับ iPhone ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 2010 และมาออกมาอีกสารพัดรุ่นจนถึงปัจจุบัน โดยในวันนี้เราจะพาย้อนไปชมวิวัฒนาการของ iPad แต่ละรุ่นตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นล่าสุดกัน

iPad 2 (2011)

มีการอัปเกรดสเปกจากรุ่นแรก ดีไซน์คล้ายเดิมแต่ขอบโค้งมนน้อยลง มีความจุ 16GB/32GB/64GB มีทั้งสีขาวและสีดำ พร้อมกล้อง FaceTime และกล้องหลัง มีแบ่งออกเป็นรุ่น Wi-Fi, รุ่น GSM (ใช้ micro-SIM) และรุ่น CDMA
iPad รุ่นที่ 3 (ต้นปี 2012)

ยุคที่ 3 ของ iPad ที่ยังคงมีความจุให้เลือกเท่าเดิมคือ 16GB/32GB/64GB มีทั้งสีขาวและสีดำ รุ่น Wi-Fi และรุ่น Cellular ดีไซน์เหมือนรุ่นก่อนหน้าทุกประการ ส่วนกล้องหลังได้ถูกอัปเกรดเป็นกล้อง iSight
iPad รุ่นที่ 4 (ปลายปี 2012)

ยังคงมีดีไซน์เหมือนเดิม เพิ่มความจุสูงสุดเป็น 128GB มีสีขาวและสีดำเหมือนเดิม หน้าจออัปเกรดเป็นจอ Retina ขนาด 9.7 นิ้ว และเปลี่ยนจากพอร์ต 30 พิน เป็นพอร์ต Lightning กล้องหน้า FaceTime HD และกล้องหลัง iSight
iPad mini (ปลายปี 2012)

iPad mini 2 (ปลายปี 2013 และต้นปี 2014)

iPad Air (ปลายปี 2013 และต้นปี 2014)

iPad ตระกูลใหม่ เน้นความบางและเบา มาพร้อมหน้าจอ Retina ขนาด 9.7 นิ้ว ความจุ 16GB/32GB/64GB/128GB ดีไซน์สไตล์เดียวกับ iPad mini รุ่นกรอบจอสีขาวด้านหลังจะเป็นสีเงิน รุ่นกรอบจอสีดำด้านหลังเป็นสีเทาสเปซเกรย์ บอดี้เป็นอะลูมิเนียม ใช้พอร์ต Lightning มีกล้อง FaceTime HD และกล้อง iSight
iPad mini 3 (ปลายปี 2014)

รุ่นใหม่พร้อมสีใหม่ มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีเงิน สีเทาสเปซเกรย์ และสีทอง พร้อมทั้งเพิ่ม Touch ID สามารถสแกนลายนิ้วมือได้ที่ปุ่มโฮม หน้าจอ ดีไซน์ และความจุเหมือนรุ่นก่อนหน้า
iPad Air 2 (ปลายปี 2014)

iPad Pro 12.9 นิ้ว (2015)

iPad ตระกูลใหม่ เน้นสเปกแรงสำหรับใช้งานระดับมืออาชีพ มาพร้อมหน้าจอ Retina ขนาด 12.9 นิ้ว ความจุ 32GB/128GB/256GB ใช้ชิป A9X บอดี้อะลูมิเนียมสีเงิน สีเทาสเปซเกรย์ หรือสีทอง มีพอร์ต Smart Connector และ Lightning พร้อมกล้อง FaceTime HD และกล้อง iSight รองรับ Touch ID มีลำโพง 4 ตัว พร้อมอุปกรณ์เสริม Apple Pencil และ Smart Keyboard
iPad mini 4 (ปลายปี 2015)

รุ่นอัปเกรดสเปก ใช้ชิป A8 แบบ 64-bit มีความจุให้เลือกหลายหลายทั้ง 16GB/32GB/64GB/128GB ส่วนคุณสมบัติอื่น ๆ โดยรวมเหมือนรุ่นก่อนหน้า
iPad Pro 9.7 นิ้ว (2016)

iPad Pro รุ่นจอเล็กขนาด 9.7 นิ้วเท่ารุ่นปกติ พร้อมเทคโนโลยีจอภาพ True Tone และสีใหม่ Rose Gold และกล้อง iSight พร้อมแฟลชในตัว
iPad รุ่นที่ 5 (2017)

มาพร้อมหน้าจอ Retina ขนาด 9.7 นิ้ว มี 2 ความจุคือ 32GB/128GB ตัวเครื่องอะลูมิเนียมเลือกได้สีเงิน สีทอง หรือสีเทาสเปซเกรย์ มีกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และกล้อง FaceTime HD พร้อมรองรับ Touch ID
iPad Pro 2017

รุ่นใหม่ดีไซน์ หน้าจอ Retina ขนาด 10.5 นิ้ว และ 12.9 นิ้ว ใช้ชิปรุ่นใหม่ A10X แรงกว่าเดิม พร้อมเทคโนโลยี ProMotion ความสามารถใหม่ที่จะทำให้หน้าจอแสดงผลด้วย Refresh Rate ที่ 120Hz เพิ่มความจุสูงสุดเป็น 512GB มีให้เลือกสีเทาสเปซเกรย์, สีโรสโกลด์, สีทอง และสีเงิน
iPad รุ่นที่ 6 (2018)

รุ่นอัปเกรด ใช้ชิป A10 ดีไซน์โดยรวมเหมือนเดิม หน้าจอและความจุเท่าเดิม เพิ่มการรองรับ Apple Pencil ให้เหมือนกับ iPad Pro
iPad Pro 2018

iPad Pro รุ่นยกเครื่องดีไซน์ใหม่ สไตล์เดียวกับ iPhone X หน้าจอ Liquid Retina ขนาด 11 นิ้ว และ 12.9 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยี ProMotion และ True Tone ใช้ชิป A12X Bionic ตัวเครื่องมีสีเงินและสีเทาสเปซเกรย์ เปลี่ยนจากพอร์ต Lightning เป็นพอร์ต USB-C ความจุสูงสุด 512GB มีกล้อง TrueDepth และกล้องด้านหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมรองรับ Face ID และ Apple Pencil 2
วิวัฒนาการของ iPhone จากอดีตสู่อนาคต
วิวัฒนาการของ iPod อุปกรณ์ฟังเพลงของแอปเปิลจากอดีตสู่ปัจจุบัน
วิวัฒนาการของ iOS 1 ถึง iOS 12 จากอดีตสู่อนาคต พัฒนาไปแค่ไหน
วิวัฒนาการของ iPod อุปกรณ์ฟังเพลงของแอปเปิลจากอดีตสู่ปัจจุบัน
วิวัฒนาการของ iOS 1 ถึง iOS 12 จากอดีตสู่อนาคต พัฒนาไปแค่ไหน
ภาพจาก apple