
วิวัฒนาการของ iPod อุปกรณ์ฟังเพลงของแอปเปิลที่มีอายุมากกว่า iPhone มาดูความเปลี่ยนแปลงของ iPod จากอดีตสู่ปัจจุบันกัน
หลังจากที่ได้นำเสนอวิวัฒนาการของ iPhone จากอดีตสู่อนาคตเนื่องในโอกาส iPhone มีอายุครบ 7 ปีให้ได้อ่านกันไปแล้ว วันนี้เราจะมาดูวิวัฒนาการของ iPod ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำหรับเน้นฟังเพลงของแอปเปิลที่มีอายุมากกว่า iPhone กันบ้าง โดยจะแยกเฉพาะรุ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์มาให้ได้ชมกัน ซึ่งแบ่งออกเป็นหลายซีรีส์ ทั้ง iPod, iPod Mini, iPod Nano, iPod Shuffle, iPod Classic และ iPod Touch เรียงลำดับตั้งแต่ iPod รุ่นแรกไปจนถึง iPod Touch รุ่นล่าสุดให้ได้ชมกันจุใจเลยทีเดียว

iPod รุ่นแรกที่เปิดตัวด้วยราคา $399 มาพร้อมความจุ 5GB มีพอร์ต FireWire สำหรับ Sync ข้อมูล และปุ่ม Scroll Wheel แบบหมุน โดยมีรุ่น 2nd Generation ตามออกมา ซึ่งมีดีไซน์เหมือนกัน แต่เปลี่ยน Scroll Wheel เป็นแบบสัมผัส และรองรับ Windows
iPod 3rd Generation (2003)

เปลี่ยนดีไซน์ใหม่ มีปุ่มควบคุมแบบสัมผัส 4 ปุ่มเรียงกันเหนือ Scroll Wheel มีพอร์ต 30-pin ซึ่งเป็นพอร์ตสำหรับเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ต่าง ๆ ของแอปเปิลก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้พอร์ต Lightning ในปัจจุบัน
iPod Mini (2004)

iPod รุ่นไซส์เล็ก เบาบางกว่าเดิม พร้อมความจุที่น้อยกว่าเดิม (4/6GB) มีให้เลือกหลากหลายสีสัน และเป็นรุ่นแรกที่ใช้ปุ่มควบคุมแบบ Click Wheel และยังคงใช้มาทุกรุ่นจนถึงปัจจุบัน
iPod 4th Generation (2004)

iPod รุ่นที่มีดีไซน์ติดตาคนทั่วโลกมากที่สุด ซึ่งคนส่วนใหญ่เมื่อพูดถึง iPod ก็มักจะนึกภาพ iPod รุ่นนี้ขึ้นมาในหัว ประกอบไปด้วยตัวเครื่องพลาสติกสีขาวและ Click Wheel สีเทา มีให้เลือกสีดำและสีขาว หลังจากนั้นก็ออกรุ่น iPod Photo ตามมาซึ่งใช้หน้าจอสี
iPod U2 Edition (2004)

U2 Edition เป็นรุ่นพิเศษของ iPod 4th Generation ซึ่งหลังจากนั้นก็มีรุ่น 5th Generation ตามออกมาด้วยสีดำ-แดง สลักลายเซ็นของวง U2 เอาไว้ด้านหลัง
iPod Shuffle 1st Generation (2005)

รุ่นแรกที่ใช้ Flash Memory มีดีไซน์คล้าย Flashdrive ไม่มีหน้าจอ เป็น iPod แบบราคาประหยัดที่มีราคาถูกกว่ารุ่นอื่น ๆ
iPod Nano 1st Generation (2005)

iPod รุ่นบางที่มีความหนาเพียง 0.3 นิ้วเท่านั้น มีเฉพาะสีดำและสีขาว แต่หลังจากนั้นก็ออกรุ่น 2nd Generation ที่มีหลากหลายสีให้เลือกเหมือนกับ iPod Mini
iPod 5th Generation (2005)

ตัวเครื่องและหน้าจอใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้า เพิ่มความสามารถในการดูวิดีโอ มีทั้งสีดำและสีขาว

ออกตามหลัง iPhone รุ่นแรกเพียงไม่กี่เดือน ดีไซน์เหมือน iPhone เป็นรุ่นแรกที่ใช้หน้าจอสัมผัสและใช้ระบบปฏิบัติการ iOS
iPod Classic (2007)

เป็น iPod รุ่นดีไซน์ดั้งเดิมรุ่นสุดท้าย ตัวเครื่องเปลี่ยนวัสดุจากพลาสติกเป็นอะลูมิเนียม รุ่นความจุสูงสุดอยู่ที่ 160GB ซึ่งเป็น iPod รุ่นที่มีความจุสูงสุดในขณะนั้น เลิกผลิตเมื่อเดือนกันยายน 2014
iPod Nano 5th Generation (2009)

เป็นการปรับปรุงนำจุดเด่นของรุ่น 3rd และ 4th มารวมกัน มีกล้องวิดีโอและลำโพงในตัว ตัวเครื่องมีให้เลือกหลากหลายสีสัน
iPod Touch 4th Generation (2010)

ก่อนหน้านั้น iPod Touch รุ่น 2nd และ 3rd มีการปรับปรุงดีไซน์ ลำโพง และสเปคเล็กน้อย โดยรุ่น 4th จะมีตัวเครื่องที่บางกว่าเดิม มาพร้อมกล้องหน้าและกล้องหลังสำหรับใช้งาน FaceTime และใช้หน้าจอ Retina
iPod Shuffle 4th Generation (2010)

หลังจากที่ iPod Shuffle รุ่น 3rd ได้ตัดปุ่มออกเพื่อให้ควบคุมผ่านรีโมทหูฟังแทน แต่รุ่น 4th ก็ได้นำปุ่มควบคุมกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับดีไซน์ตัวเครื่องแบบเล็กจิ๋ว พร้อมคลิปสำหรับหนีบเสื้อ
iPod Nano 7th Generation (2012)

ใช้หน้าจอสัมผัสและมีปุ่ม Home เหมือนกับ iPod Touch แต่ไม่ได้ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS ทำให้มีฟังก์ชั่นการใช้งานน้อยกว่า
iPod Touch 6th Generation (2015)

เปลี่ยนดีไซน์ใหม่ ขอบเครื่องโค้งมนคล้าย iPhone 6 มีหลากหลายสีสัน และใช้ชิป A8 เหมือนกับ iPhone 6 มีกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีความจุให้เลือกตั้งแต่ 16/32/64/128GB พร้อมเพิ่มสีใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีเงิน, สีทอง, สีเทาสเปซเกรย์, สีชมพู, สีฟ้า และสีแดง
iPod Touch 7th Generation (2019)
ใช้ดีไซน์เดิม แต่อัปเกรดสเปกภายในใหม่ ใช้ชิป A10 Fusion เทียบเท่ากับ iPhone 7 และยังเป็นครั้งแรกที่ iPod มาพร้อมประสบการณ์ความจริงเสริม (AR) อันสมจริง รวมถึงรองรับ FaceTime แบบกลุ่ม ที่จะทำให้การพูดคุยกับสมาชิกในครอบครัว เพื่อน หรือเพื่อนร่วมงานหลายคนพร้อมกัน นอกจากนี้ยังมีรุ่นความจุใหม่ 256GB ให้เลือกอีกด้วย
ภาพและข้อมูลจาก apple, theverge

ใช้ดีไซน์เดิม แต่อัปเกรดสเปกภายในใหม่ ใช้ชิป A10 Fusion เทียบเท่ากับ iPhone 7 และยังเป็นครั้งแรกที่ iPod มาพร้อมประสบการณ์ความจริงเสริม (AR) อันสมจริง รวมถึงรองรับ FaceTime แบบกลุ่ม ที่จะทำให้การพูดคุยกับสมาชิกในครอบครัว เพื่อน หรือเพื่อนร่วมงานหลายคนพร้อมกัน นอกจากนี้ยังมีรุ่นความจุใหม่ 256GB ให้เลือกอีกด้วย
ภาพและข้อมูลจาก apple, theverge