
หนุ่ม ๆ ที่กำลังมองหาวิธีลดน้ำหนักและกำลังใจดี ๆ เพราะท้อจากการออกกำลังกายที่ไม่เห็นผลแล้วละก็ มาดูเรื่องราวการลดน้ำหนักของหนุ่มคนหนึ่งที่หันมาเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างจริงจัง เพื่อให้มีหุ่นที่ดีและสร้างความมั่นใจให้ตัวเองในวันรับปริญญา ซึ่งเขาได้แชร์ประสบการณ์ที่ว่านี้ผ่านกระทู้ชื่อว่า "[REVIEW] การลดน้ำหนักแบบวัยรุ่นผู้ชายที่ใช้ชีวิตอยู่หอพักมีเตาแก๊สไฟฟ้าโง่ ๆ 1 ชิ้นจนผลสุดท้ายน้ำหนักหายไป 27 กิโลกรัมใน 9 เดือน " บนเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เอาเป็นว่าตอนนี้เราไปดูเคล็ดลับของหนุ่มคนนี้เลยดีกว่าครับ
สวัสดีครับ ตอนนี้ผมอายุ 24 ปี ทำงานมาได้ 1 ปี โดยเริ่มอ้วนตอนเข้ามหาวิทยาลัย จำได้ว่าตอนเข้าปี 1 ใหม่ ๆ ก็หนักประมาณ 70 กิโลกรัม แต่พอจบปี 4 น้ำหนักก็ขึ้นมาอยู่ที่ 97 กิโลกรัมเลยล่ะ นั่นก็อาจเป็นเพราะว่าผมเป็นคนขี้เกียจ มีคนชวนไปลดน้ำหนัก ก็ไม่สนใจ โดยสาเหตุที่ทำให้ผมหันมาลดน้ำหนักจริงจัง เพราะว่าเริ่มรับสภาพตัวเองไม่ไหว ทำอะไรก็เหนื่อย ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง อีกทั้งยังใส่เสื้อผ้าลำบาก แถมอีก 1 ปี ผมจะรับปริญญาแล้ว จึงอยากได้ภาพใส่ชุดครุยเท่ ๆ ซึ่งตอนเริ่มลดใหม่ ๆ ไม่รู้ว่าจะมีซิกแพคเหมือนคนอื่นได้รึเปล่า แต่ตอนนี้เริ่มเห็นลาง ๆ แล้วครับ

ทั้งนี้ ผมจะไม่พูดถึงการนับแคลอรีนะครับ เพราะผมจะกะด้วยสายตาคร่าว ๆ มื้อหนึ่งต้องไม่เกิน 500 แคลอรีแน่นอน แต่จริง ๆ แล้ว บางคนไม่เข้าใจ แล้วเอาไปเป็นข้ออ้างของความขี้เกียจในการลดน้ำหนักมากกว่า ซึ่งถ้าทำจริง ๆ ประมาณ 2-3 เดือนขึ้นไปก็เห็นผล แต่ไม่ใช่ทำสัปดาห์เดียว พอน้ำหนักไม่ลด ดันถอดใจซะก่อน อย่างไรก็ดี การลดน้ำหนักให้เห็นผลจะมาจากการออกกำลังกาย 30 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 70 เปอร์เซ็นต์ เป็นเรื่องของอาหารและโภชนาการล้วน ๆ
นี่คือสภาพก่อนลดน้ำหนักของผมครับ



และอาหารที่ผมกินสมัยก่อน ทั้งทอด ทั้งน้ำมันเยอะ




อุปกรณ์เหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญของผมเลยครับ


ผมเริ่มลดน้ำหนักจริงจังในวันที่ 1 กันยายน 2557 กับน้ำหนัก 93.4 กิโลกรัม ซึ่งรูปช่วงอ้วน ๆ ไม่ค่อยมี เพราะด้วยความอ้วนเลยไม่ชอบถ่ายรูปตัวเองเท่าไร พอถึงช่วงที่จะลดน้ำหนัก ผมก็ซื้อของมาเตรียมไว้มากมาย ทั้งมีดใหม่ น้ำมันมะกอก เครื่องชั่งน้ำหนักแบบดิจิตอล และของจำเป็นอื่น ๆ


ช่วงแรกที่ลดน้ำหนัก ผมจะกินแต่กะเพราอกไก่แบบคลีน ๆ มีฟักทองนึ่งกับผักต้มเป็นเครื่องเคียง บวกกับความที่เป็นคนกินง่าย เลยไม่ค่อยมีเมนูเยอะ จึงกินอย่างเดียววนไปวนมาเป็นเวลานาน


สูตรกะเพราอกไก่ง่าย ๆ ของผมคือ ข้าวกล้องหุงสุก 100 กรัม (ประมาณ 1 ทัพพี) ต่อมื้อ อกไก่ 150 กรัม และจะใส่ผักกับฟักทองเท่าไรก็ได้ ตามชอบ ซึ่งผมกินแบบนี้ทั้ง 3 มื้อ โดยพยายามลดแป้งแทนการ "งด" เพราะแม้ว่าร่างกายขาดแป้งจะช่วยให้ผอมไว แต่ก็ทำให้กลับมาโยโย่ได้เร็วเหมือนกัน ไม่เพียงเท่านี้ ผมยังตื่นเช้ากว่าปกติ เพื่อทำอาหารมื้อเช้าและเที่ยงไว้กินที่ทำงานด้วยครับ

ช่วงแรกผมออกกำลังกายด้วยการวิ่งและเดิน สลับกันไป ซึ่งทำได้เพียง 30 นาที และไม่ถึง 3 กิโลเมตร ก็เหนื่อยมากแล้ว

แต่ปัจจุบันทำเวลาได้ดีขึ้นครับ

ส่วนอาหารมื้อย่อยระหว่างวัน ผมจะกินผลไม้ เช่น แอปเปิลและกล้วย

หลัง ๆ เริ่มมีเมนูที่ไม่เหมือนคนอื่น เพราะผมจะกิน 100 กรัมต่อมื้อ หรือขนมปัง 2 แผ่น ตามด้วยเนื้อสัตว์ 150 กรัม และผักแบบไม่อั้น โดยใช้น้ำมันมะกอกปริมาณน้อย ๆ ในการปรุงอาหาร ซึ่งผมเอาน้ำมันมะกอกใส่ขวดฉีดน้ำ แล้วฉีดลงบนกระทะ ก็ช่วยให้น้ำมันมะกอกกระจายทั่วกระทะในปริมาณที่น้อยแล้ว

เมนูนี้มีข้าวกล้อง อกไก่ต้ม และน้ำจิ้มข้าวมันไก่ผสมน้ำนิดหน่อย

ข้าวผัดอกไก่

อกไก่ผัดซอสราดข้าว

ลาบอกไก่ ซึ่งผมใช้ผงลาบสำเร็จรูปที่ขายตามห้างทั่วไป

สลัดอกไก่ใส่ทูน่ากระป๋อง (ทูน่าในน้ำแร่)

ปลานึ่ง

อกไก่หมักเครื่องปรุงสำเร็จรูปที่มีขายตามห้างครับ


ต้มจืดผักกาดขาวใส่อกไก่

ขนมปัง ทูน่าในน้ำแร่ และน้ำเต้าหู้ เป็นอาหารที่ผมกินเมื่อต้องเดินทางไปทำงานต่างจังหวัดครับ

แซนด์วิชแฮมอกไก่งวงรมควันราดซอสบาบีคิว ผมทำไว้กินมื้อเช้า เพราะทำไม่ถึง 5 นาที แต่อยู่ท้องมาก ๆ

ข้าวกับอกไก่กระเทียมพริกไทย ช่วงหลัง ๆ ผมกินเมนูนี้แทบทุกวัน เพราะทำง่ายมาก ๆ และอร่อยด้วย

ถ้าผมหิวตอนดึก ๆ ก็จะกิน ขนมปัง ไข่คน และแฮมอกไก่งวง ซึ่งไข่คนก็ทำง่ายมาก แค่ใช้ไข่เต็มใบ 1 ฟอง กับไข่ขาวอีก 2-3 ฟอง ไม่ต้องตีให้เข้ากัน เทลงกระทะ แล้วก็คนนิดหน่อย เป็นอันเสร็จ

ผัดผักหน่อไม้ฝรั่งใส่กะหล่ำกับอกไก่ครับ ผักเท่าไหร่ก็ได้แล้วแต่ชอบ

ทำไข่ตุ๋นก็ใช้กระทะแดงทำอีกแล้วครับ ไข่เต็มใบ 1 ฟอง ไข่ขาว 2 ฟอง และอกไก่ 100 กรัม


เห็นอย่างนี้นี่พวกขนมหรืออาหารแบบบุฟเฟ่ต์ผมก็กินนะครับ แต่จะเน้นกินพวกซีฟู้ดกับเนื้อไม่ติดมัน ส่วนแอลกอฮอล์ ก็ดื่มบ้างแต่ไม่บ่อยเหมือนสมัยก่อน รวมทั้งงดน้ำอัดลม แต่ถ้าวันไหนมีปาร์ตี้ตอนเย็น ก็จะกินมื้อเช้ากับเที่ยงให้น้อยลงเผื่อไว้สำหรับมื้อเย็น

ผมเลือกดื่มกาแฟดำหรืออเมริกาโน่ แม้ว่ารสชาติจะขมไปนิด แต่มันช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกายได้ดีเลย แต่ไม่แนะนำให้ดื่ม 4-5 ชั่วโมงก่อนนอนนะครับ เพราะจะทำให้นอนไม่หลับได้

ผมทำแบบนี้กินแบบนี้ไปได้ 1 สัปดาห์ น้ำหนักผมลงมาเหลือเท่านี้ครับ

พอน้ำหนักเริ่มลดลง ผมก็ซื้อเครื่องออกกำลังกายมาติดห้องไว้ เพราะผมเลิกงานเย็น เลยไม่มีเวลาเข้าฟิตเนส ซึ่งกลับมาดึกแค่ไหน อย่างน้อยยังได้เล่นนิดหน่อย ก็ดีกว่าไม่ทำเลย

ท่าหลักที่ผมเล่น ก็หาตามเว็บไซต์ยูทูบ โดยใช้คำว่า Biceps, Triceps, Back, Chest, Shoulder และ Legs ตามด้วยคำว่า workout หรือworkout with dumbbell ผ่านไป 3 เดือน ลงมา 10 กิโลกรัม

ผมก็ยังกินเหมือนเดิม แต่เล่นเวทและออกกำลังแบบคาร์ดิโอ โดยการวิ่งวันละ 3-5 กิโลเมตร วันเว้นวัน ซึ่งการสับไก่ทุกวันก็ช่วยบริหารไบเซ็ปส์ได้ ;)

ตอนนี้เริ่มผอมแล้ว สิ่งแรกที่ทำคือถ่ายรูปตัวเองเก็บไว้ เพราะเริ่มมีความมั่นใจแล้วครับ



นี่คือภาพพัฒนาการของร่างกายหลังจากคุม อาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

ผมก็ทำแบบเดิม กินอาหารแบบที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นซ้ำไปซ้ำมา จนผ่านไปแล้ว 9 เดือน น้ำหนักลดเหลือ 66.6 กิโลกรัม กินเข้มบ้าง หลุดบ้าง มีความสุขกับมันครับ

เริ่มมีกล้ามเนื้อแบบคนอื่นแล้ว

ผมออกกำลังกายด้วยการเล่นเวทท่าต่าง ๆ เช่น Crunch, Push-up, Squat, Plank, Tricep Kickback, Bicep curl, Dead Lift และBench Press เป็นต้น

พอหุ่นเริ่มโอเคก็ถ่ายรูปไว้เป็นกำลังใจให้ตัวเอง

ตอนนี้ผมเริ่มพอใจกับหุ่นแล้ว แต่ยังอยากเพิ่มน้ำหนักอีกนิดนึง น่าจะดูดีกว่านี้

สิ่งสำคัญของการลดน้ำหนักที่ไม่แพ้การควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย ก็คือกินอะไรก็ได้ตามใจปาก 1 มื้อใน 1 สัปดาห์ หรือที่เรียกว่า Cheat Meal เพื่อให้ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งผมจะกินตามใจปาก 1 มื้อทุกวันอาทิตย์ ส่วนนี่คือ Cheat Meal ของผม เป็นเบอร์เกอร์ที่ผมจะเอาขนมปังด้านบนออกและกินที่เหลือครับ
เรื่องสำคัญอีกอย่างคืออย่าท้อครับ อย่ามองว่าการลดน้ำหนักแค่ 1-2 สัปดาห์แล้วจะต้องเห็นผล ผมอยากให้มองยาว ๆ สัก 2-3 เดือน ซึ่งมันอาจจะลดลงวันละ 1-2 ขีด แต่ผ่านไป 3 เดือน ก็หายไปหลายกิโลกรัมแล้ว และอาจมีบางครั้งที่หลุดไปบ้าง แต่ก็ไม่เป็นไร วันหน้าเอาใหม่ แต่ถ้าหลุดบ่อย ๆ ก็จะทำให้ขี้เกียจได้ ซึ่งคุณต้องเอาชนะใจตัวเองกลับมาลดน้ำหนักให้ได้ครับ

เพิ่มเติมเรื่องเวลาการออกกำลังกาย โดยปกติผมทำงานตั้งแต่ 09.00 -18.00 น. เปลี่ยนเวลาตื่นนอนจาก 8 โมงเช้า เป็น 7 โมง เพื่อเตรียมอาหารเช้าและเที่ยงไปกินที่ออฟฟิศ บวกกับเตรียมชุดกีฬามาเผื่อวิ่งทุกวัน ซึ่งหากรถติดช่วงเลิกงาน ผมก็จะวิ่งช่วง 18.00-18.45 น. แล้วก็พักถึง 19.00 น. เพื่อให้ร่างกายหายเหนื่อย แล้วขึ้นรถเมล์กลับบ้าน ตรงนี้ผมคิดว่าเป็นการวิ่งฆ่าเวลาที่มีประโยชน์มากกว่าการนั่งเสียเวลาบนรถไปเปล่า ๆ ในช่วงรถติด กลับถึงห้องประมาณ 19.30-20.00 น. ผมก็เล่นเวทต่ออีก 1 ชั่วโมง และดูทีวีไปด้วย เพื่อให้ไม่เบื่อ แล้วก็กินมื้อเย็นครับ ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ยังไงน้ำหนักก็ลดแน่นอน
สุดท้ายนี้ผมคิดว่าถ้าเรามีความตั้งใจจะทำอะไรแล้ว แม้ว่ามันจะผิด ๆ ถูก ๆ หรือเจออุปสรรคบ้าง แต่คุณก็จะถึงเส้นชัยได้เหมือนกัน อาจจะช้าหน่อยแต่ก็ถึงชัวร์ ของอย่างนี้อยู่ที่ใจเราเท่านั้น และนี่ก็ผ่านมาแล้ว 9 เดือน ผมมีความสุขมาก ๆ มีความมั่นใจมากกว่าเดิม แต่งตัวได้หลากหลายขึ้น ซึ่งผมก็ได้กำลังใจจากคนรอบข้างมากมาย ทั้งเพื่อน ๆ และครอบครัว จนทำให้ผมมีวันนี้ได้
เมื่อได้ทราบถึงเรื่องราวดี ๆ ของการลดน้ำหนักจากหนุ่มคนนี้กันไปแล้ว เพื่อน ๆ คนไหนที่อยากลดน้ำหนัก ก็ลองเอาเทคนิคต่าง ๆ ข้างต้นไปใช้กับตัวเองดูครับ รับรองว่าคุณจะเปลี่ยนตัวเองให้กลับมาผอมได้เหมือนเขาแน่นอน


ภาพจาก สมาชิกหมายเลข 2411233