วิธีออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักในปัจจุบันที่คนส่วนใหญ่เลือกปฏิบัติกันคงหนีไม่พ้น การวิ่ง แน่นอน เพราะนี่คือหนึ่งในการทำคาร์ดิโอที่ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ดีที่สุด
ทว่าถ้าหากคุณตะบี้ตะบันวิ่งมากจนเกินไป มันก็ไม่ได้ส่งผลดีต่อสุขภาพเลยสักนิด ซ้ำร้ายกลับจะทำให้คุณมีอาการบาดเจ็บหรือมีอาการอ่อนเพลียอีกต่างหาก แต่ทีนี้จะรู้ได้ยังไงล่ะว่าเราวิ่งเกินขีดจำกัดของร่างกายหรือเปล่า ? เอ้า วันนี้เราได้นำข้อมูลดี ๆ จากเว็บไซต์ mensfitness.com มาบอกต่อด้วยครับ
- สังเกตจากสัญญาณต่อไปนี้
นอนไม่หลับหากคุณพบว่าตัวเองนอนไม่หลับ ตื่นขึ้นมาระหว่างคืน นอนกระสับกระส่าย หรือตื่นเช้ากว่าปกติ อาการเหล่านี้เป็นสัญญาญเตือนแล้วให้ทราบแล้วว่าคุณวิ่งออกกำลังหนักเกินไป จนไปรบกวนนาฬิกาของร่างกาย ผลที่ตามมาคือปัญหาเรื่องการนอนหลับนั่นเอง
ขาคุณไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงคุณจะรู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อขายังไม่ได้รับการฟื้นฟูจากการออกกำลังครั้งก่อน แล้วเมื่อเริ่มออกวิ่งก็จะรู้สึกเหนื่อยเป็นประจำ หรือออกแรงวิ่งได้ไม่เต็มที่ ขอให้เริ่มทบทวนได้แล้วว่า ก่อนหน้านี้คุณหักโหมมากเกินไป พักบ้างอะไรบ้างให้ร่างกายได้ฟื้นตัวดีกว่า
รู้สึกอ่อนเพลียตลอดเวลาเหตุผลที่ร่างกายคนเราอ่อนเพลียมีได้หลายสาเหตุ ทว่าถ้าคุณไม่ได้นอนดึกหรือทำงานหนักมากเกินไป ก็มีความเป็นได้ว่า การวิ่งออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงนี่แหละ คือต้นตอของอาการง่วงซึมตลอดเวลา อ้อ ! แต่ประเด็นเรื่องความเครียดก็มีส่วนที่ทำให้รู้สึกเพลียด้วยเช่นกันนะ
อารมณ์เสียง่าย ฟังดูแล้วไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน แต่เชื่อเถอะว่าการออกกำลังมากเกินไป ไม่ว่าจะด้วยการวิ่งหรือวิธีอื่น ๆ ทำให้กระบวนการสร้างฮอร์โมนแคทีโคลามีนลดลง ซึ่งมีผลต่อระบบประสาทซิมพาเทติก ผลคือคุณจะมีอาการหงุดหงิดและเครียดง่ายขึ้นนั่นเอง
มีอาการป่วยอยู่บ่อย ๆหนุ่ม ๆ หลายคนคงเชื่อว่าการออกกำลังเป็นประจำจะช่วยให้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ซึ่งมันก็ถูกครับ แต่หากตะบี้ตะบันวิ่งออกกำลังแบบไม่คิดชีวิตบ่อย ๆ รับรองโรคนานาชนิดมาเคาะประตูถามหาคุณแน่ ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดหรือติดเชื้อไวรัสต่าง ๆ เนื่องจากเวลาที่หักโหมออกกำลังมาก ๆ ภูมิคุ้มกันในร่างกายจะอ่อนแอลง ดังนั้น ออกกำลังแต่พอดีเวิร์กกว่าครับ
อาการบาดเจ็บหายช้ากว่าปกติอาการบาดเจ็บหรืออาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อขาเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับคนที่ออกกำลังกายทุกคน แต่หากได้พักสัก 1-2 วัน แล้วอาการกลับไม่ดีขึ้นหรือหายช้า นั่นคือสัญญาณเตือนว่าคุณวิ่งมากเกินไปแล้วล่ะ ปล่อยให้ร่างกายได้มีเวลาฟื้นตัวบ้าง อย่าใช้งานหนัก ในเมื่อร่างกายคนเราไม่ใช่เครื่องจักรนี่นา
เอาล่ะ เมื่อได้ทราบข้อสังเกตต่าง ๆ ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้แล้ว บรรดาผู้รักการวิ่งเป็นชีวิตจิตใจ ลองกลับไปสังเกตพฤติกรรมของตัวเองกันบ้างนะ ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพื่อสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ และในการวิ่งครั้งต่อ ๆ ไป คุณจะได้มีความสุขกับมันอย่างเต็มที่ยังไงล่ะครับ
