พอกันทีกับอาการเจ็ท แล็ค ที่แสนทรมาน มาดูวิธีแก้กันดีกว่า

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          สำหรับคนที่เดินทางข้ามประเทศบ่อย ๆ คงจะคุ้นเคยกับคำว่าอาการ "เจ็ท แล็ค" (Jet Lag) กันเป็นอย่างดี เพราะมักจะเกิดกับคนที่เดินทางไปต่างประเทศแบบข้ามทวีป บวกกับเวลาที่ไม่เท่ากันของแต่ละประเทศ ทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน จึงเกิดอาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะ หรือง่วงนอนจนไม่เป็นอันทำอะไรนั่นเอง ดังนั้น ลองมาศึกษาวิธีเตรียมรับมือกับอาการเจ็ท แล็คกันดีกว่านะ จะได้ไม่รู้สึกแย่มากนักเมื่อถึงเวลาที่ต้องเดินทางจริง ๆ

1. ปรับเวลาตัวเองไว้ล่วงหน้า

          จะเดินทางไกลทั้งที นอกจากการเตรียมของแพ็คกระเป๋าให้เรียบร้อยแล้ว ก็ต้องเตรียมร่างกายของตัวเองเพื่อช่วยในการปรับตัวด้วย ซึ่งก่อนอื่นก็ต้องเช็คความต่างของเวลาเอาไว้ แล้วลองดูสิว่าจะต้องตื่น กิน และเข้านอนกี่โมง จากนั้นก็ปรับเปลี่ยนตารางเวลาในชีวิตประจำวันของตัวเองซะตั้งแต่ตอนนี้ จะได้คุ้นเคยกับเวลาสถานที่นั้น ๆ ได้เร็วขึ้น แต่ก็ไม่ถึงกับต้องทำล่วงหน้าหลาย ๆ วันหรอกนะ ไม่งั้นคุณจะเพลียตั้งแต่อยู่ที่เมืองไทยนี่แหละ

2. นอนให้เต็มอิ่ม

          การนอนหลับเป็นอะไรที่สำคัญมาก ๆ เพราะหากคุณนอนหลับไม่เพียงพอ อาการเจ็ท แล็คก็อาจจะถามหาเอาได้ง่าย ๆ ดังนั้นก่อนเดินทางคุณควรพักผ่อนให้เพียงพอจะเป็นการดีที่สุด หรืออีกหนึ่งวิธีคือ พยายามเลือกไฟล์ทเที่ยวกลางคืน (หากเป็นไปได้) ก็จะช่วยให้คุณนอนหลับได้ง่ายขึ้น และเมื่อถึงจุดหมายก็สามารถออกเดินทางต่อด้วยอารมณ์สดชื่นแจ่มใส

3. ดื่มน้ำมาก ๆ

          เพราะอากาศบนเครื่องบินจะแห้งกว่าอากาศบนพื้นดินปกติ ดังนั้นคุณควรจะดื่มน้ำเปล่าเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะขาดน้ำ ซึ่งอาจทำให้ร่างกายของคุณรู้สึกอ่อนเพลีย อีกทั้งยังช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นขึ้นอีกด้วย ฉะนั้นหากมีแอร์โฮสเตสสาวสวยเดินมาบริการชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ถึงที่นั่ง ก็อย่าใจอ่อนยื่นมือไปรับมาดื่มนะ แต่ให้ขอเป็นน้ำเปล่าแทน แล้วหากอยากดื่มเครื่องดื่มชนิดอื่นก็รอให้ถึงจุดหมายก่อนแล้วค่อยดื่มจะดีกว่า

4. ออกกำลังกายกันหน่อย

          เราไม่ได้หมายความว่าให้คุณยืนขึ้นเต้นออกกำลังกายบนเครื่องบินนะครับ เพราะหากทำแบบนั้นคุณอาจจะไม่ได้ขึ้นเครื่องบินอีกเลยก็เป็นได้ แต่ก็ไม่ควรนั่งท่าใดท่าหนึ่งนาน ๆ เนื่องจากอาจทำให้ร่างกายของคุณปวดเมื่อยและรู้สึกเหนื่อยล้ามากกว่าเดิม คุณควรพยายามปรับเปลี่ยนท่านั่งบ้าง เดินไปรอบ ๆ หรือลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายสักนิด เพื่อให้ร่างกายของคุณได้ขยับสักนิดสักหน่อยก็ดีนะ


5. เปิดม่านบังแดดริมหน้าต่างรับแสงแดดจากภายนอกบ้าง

          ในกรณีที่คุณเดินทางตอนกลางวัน แนะนำให้ลองเปิดม่านบังแดดริมหน้าต่างขึ้นบ้าง (หากคุณได้นั่งริมหน้าต่าง) เพราะอย่างที่รู้ ๆ กันว่าแสงแดดอ่อน ๆ นั้นจะให้วิตามินดี 3 กับร่างกายคุณ และยังทำให้ร่างกายของรู้สึกตื่นตัวได้อีกด้วย ฉะนั้นไม่ควรเอาแต่เก็บตัวอยู่ในมุมมืดหรือปิดตานอนอย่างเดียว เปิดม่านไปรับแสงแดดสักหน่อยก็ช่วยลดอาการเจ็ท แล็คได้นะ

6. ลดอาการด้วยยา

          สำหรับคนที่ทำทุกวิถีทางแล้ว แต่ยังไม่สามารถสลัดอาการเจ็ท แล็คออกไปได้ ก็อาจจะรักษาด้วยยาที่มีสารเมลาโทนินเป็นส่วนประกอบ เพื่อปรับระบบการทำงานในร่างกายของคุณ ซึ่งช่วยให้คุณนอนหลับได้ง่ายขึ้น แต่ทั้งนี้ก่อนซื้อก็ควรปรึกษาเภสัชกรดูก่อน เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง

7. พกอุปกรณ์เสริม

          อุปกรณ์หรือเครื่องเล่นอะไรก็ตามที่ทำให้คุณรู้สึกสบายใจ เช่น หมอนรองคอ ไอโฟน แท็บเล็ต หาหนังสือดี ๆ สักเล่มเอาไว้อ่าน หรือทำอะไรก็ได้ที่สามารถดึงดูดความสนใจของคุณออกไปจากการเดินทางได้ เพื่อช่วยให้คุณรู้สึกสบายใจ ซึ่งสามารถลดอาการเจ็ท แล็คได้เป็นอย่างดี

8. งีบหลับเป็นพัก ๆ

          ใครที่คิดว่าจะนอนหลับยาวไปตลอดการเดินทางเพื่อเป็นการหลีกหนีอาการเจ็ท แล็คนั้น คิดใหม่ตอนนี้ยังทัน เพราะหากคุณตื่นขึ้นมาหลังจากการนอนหลับระยะยาว อาจทำให้คุณเกิดอาการมึนงง และเพลียมากกว่าเดิม ฉะนั้นเปลี่ยนเป็นงีบหลับเป็นช่วง ๆ ไปจะเหมาะกว่า

          พูดกันมาขนาดนี้ก็อย่าเพิ่งกลัวอาการเจ็ท แล็ค ยามต้องเดินทางด้วยเครื่องบินกันไปซะก่อนนะ เพียงแค่จำทริคที่เรานำมาฝากคุณเอาไปใช้แค่นั้นเอง ก็สามารถบรรเทาอาการที่ว่านี้ได้แล้วล่ะ ซึ่งนอกจากจะเตรียมตัวรับมือกับเจ็ท แล็คแล้ว ก่อนออกเดินทางทุกครั้งคุณควรเตรียมตัวและศึกษาข้อมูลของสถานที่ที่จะเดินทางไปให้ดี ทั้งเรื่องความเป็นอยู่ อาหารการกิน สภาพอากาศ และวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อช่วยให้คุณเรียนรู้ที่จะปรับตัวได้รวดเร็วยิ่งขึ้นนะครับ