เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก youtube.com โพสต์โดย LadyBimbettes
หลายคนคงจะคุ้นชื่อช่างภาพคนสำคัญ “ธาดา วาริช” ผู้อยู่เบื้องหลังภาพแฟชั่นสวย ๆ จากนิตยสารหลายฉบับ ที่ก้าวย่างเข้ามาเปิดมุมมองใหม่ ๆ ให้กับวงการช่างภาพแฟชั่นของเมืองไทย แต่คงมีน้อยคนที่จะได้รู้จักกับตัวตนที่แท้จริงของเขา “รายการ The Idol คนบันดาลใจ” (12 มิถุนายน) จึงขออาสาพาไปรู้จักกับตัวตนของช่างภาพมือโปรคนนี้กัน ..
ธาดา วาริช หรือ จอร์จ เริ่มต้นหลงใหลในศิลปะตั้งแต่เด็ก ๆ พอระดับปริญญาตรีเขาจึงเลือกเรียนคณะนิเทศศิลป์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ โดยมีโอกาสได้เรียนวิชาสายศิลปะทุกแขนง แต่เพราะเป็นคนไม่ชอบแข่งขันกับใคร สายโฆษณาที่กำลังเฟื่องฟูในยุคนั้นจึงไม่อยู่ในความสนใจของจอร์จ เขาเลือกเรียนในสายที่ยังไม่เป็นที่นิยมมากนักอย่างการถ่ายภาพแทน ด้วยเหตุผลง่าย ๆ ว่า ไม่อยากแย่งงานกับใคร อีกทั้งการถ่ายภาพสำหรับเขา คือศิลปะที่ช่างง่ายดายและรวดเร็วกว่าการจรดปากกาวาดรูปเป็นไหน ๆ
ผลงานชิ้นแรกของ จอร์จ ธาดา วาริช คืองานช่างภาพให้กับนิตยสารอิมเมจ ที่เขาได้รับโอกาสดี ๆ แบบคาดไม่ถึง เหตุเกิดจากเพื่อนที่อยากเป็นสไตลิสต์นำผลงานการถ่ายภาพแฟชั่นของเขาไปเป็นพอร์ตโฟลิโอสมัครเข้าทำงาน และผลงานการถ่ายแฟชั่นของเขาก็ไปเตะตาต้องใจบรรณาธิการของนิตยสารอิมเมจเข้า จนถูกเอ่ยปากชวนให้มาร่วมงานกัน
ธาดา วาริช เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากช่างภาพรุ่นพี่จนคล่องขึ้นเรื่อย ๆ และจะได้รับโอกาสใหม่ให้เรียนรู้อีกครั้ง ด้วยการลงมือแชะภาพปกอัลบั้มให้กับศิลปินดัง ๆ มากมาย ทั้ง มอส ปฏิภาณ, ไบรโอนี่, นาวินต้าร์ เป็นต้น เขาเชื่อว่าการประสบความสำเร็จทุกวันนี้ของเขา เป็นเพราะการได้รับโอกาสดี ๆ และรีบคว้าไว้โดยไม่เคยปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปสักครั้ง
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตของ ธาดา วาริช คือวันที่เขาตัดสินใจไปเรียนภาษาที่อเมริกากับเพื่อน เนื่องจากฝีมือการถ่ายภาพของเขาเริ่มหยุดอยู่กับที่ การออกไปหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ คือสิ่งที่เขาเลือกทำในวันนั้น จากกำหนดการ 3 เดือน ล่วงเลยไปเป็นปี เขาค่อย ๆ เก็บเกี่ยวรูปสวย ๆ จากมุมมองของเขา ไปพร้อม ๆ กับการเรียนถ่ายภาพที่มหานครนิวยอร์ก เมืองแห่งแฟชั่นขนานแท้
ร่ำเรียนไปได้สักพัก จอร์จ ธาดา และเพื่อนอีก 2 คน ก็รวมตัวกันไปติดต่อโมเดลลิ่งชื่อดัง เพื่อขอยืมนางแบบมาถ่ายแฟชั่นไว้เป็นพอร์ตโฟลิโอ เขาเก็บเกี่ยวผลงานอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนที่จะได้รับโอกาสให้เป็นช่างภาพแฟชั่นอย่างเต็มตัว แต่ทว่าเหตุการณ์กลับพลิกผันให้เขาต้องทิ้งความฝันกลับมาอยู่เมืองไทย เมื่อได้รับคำสั่งประกาศิตจากคุณแม่ให้กลับบ้านทันที หลังเกิดความไม่ปกติจากเหตุเครื่องบินชนตึกเวิลด์เทรดที่นิวยอร์ก เขาจึงต้องทิ้งทุกอย่างและแพ็คกระเป๋ากลับบ้านหลังไปใช้ชีวิตอยู่ต่างทวีปนานถึง 3 ปี
จอร์จ ธาดา บินกลับมาใช้ชีวิตอยู่เมืองไทย พร้อมกับมองหางานในสายช่างภาพที่เขารัก และมีโอกาสได้เปิดตัวในฐานะช่างภาพฝีมือดีด้วยการถ่ายปกนางแบบระดับแนวหน้า ลูกเกด เมทินี กิ่งโพยม ให้กับนิตยสารดิฉัน ที่แฟชั่นเซ็ตนั้นออกมาเซ็กซี่เรียกเสียงฮือฮาได้แบบสุด ๆ ถือเป็นการปูพรมสู่บันไดขั้นต่อไปของ จอร์จ ธาดา ในสายอาชีพช่างภาพแฟชั่นในเมืองไทย
ความแตกต่างในมุมมองผ่านเลนส์ของผู้ชายคนนี้ คือสิ่งที่ทำให้เขาก้าวกระโดดในวงการถ่ายภาพแฟชั่น เพราะเขาแหกกฏทุกอย่างที่มีในการถ่ายภาพ ภาพถ่ายของจอร์จ ธาดา คือภาพแฟชั่นแบบดิบ ๆ ที่ไม่เน้นความสมบูรณ์แบบ แต่เน้นความเป็นธรรมชาติที่สื่อความหมายได้ในตัวเอง ดังนั้นภาพที่นางแบบอยู่ตรงกลาง องค์ประกอบตรงเป๊ะ หัวไม่ขาด ตามองกล้อง ที่ดูเหมือนจับต้องไม่ได้ จึงไม่ใช่ภาพแฟชั่นในสไตล์ของจอร์จ ธาดา แต่ภาพที่ไม่สมบูรณ์แบบต่างหากคือจุดขายของเขา
ดังนั้นภาพสวย ๆ ดิบ ๆ ในนิตยสารหลายฉบับ ที่สามารถสื่อความเซ็กซี่ออกมาได้โดยไม่ต้องโชว์เนื้อหนัง จึงเป็นเอกลักษณ์ของ จอร์จ ธาดา ที่ใครเห็นเป็นต้องร้องอ๋อ ตัวอย่างเช่นภาพถ่ายย้อนแสงดิบ ๆ จากนิตยสาร in ที่มีให้เห็นเป็นเอกลักษณ์ทุกเล่ม ก็คือผลงานผ่านเลนส์ของช่างภาพมือโปรคนนี้นี่เอง
การปฏิวัติวงการช่างภาพด้วยการเปิดมุมมองที่แตกต่าง คือสิ่งที่ทำให้ผู้ชายคนนี้ก้าวไปได้อย่างมั่นคงบนถนนสายศิลปะ และเป็นบันไดไปสู่ความสำเร็จแบบที่เขาเองก็คาดไม่ถึง เรียกได้ว่า ธาดา วาริช คือช่างภาพมือโปรที่มีมุมมองไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนจริง ๆ
