โลกเปลี่ยนไปสูงวัยไม่ใช่สาเหตุ คนหนุ่ม-สาวสมัยใหม่มีเซ็กส์น้อยลง

          เซ็กส์ เป็นเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับการใช้ชีวิตคู่ เพราะนอกจากจะเป็นการแสดงออกถึงความรักทางหนึ่งแล้ว การมีเพศสัมพันธ์กันยังช่วยป้องกันความเสี่ยงโรคหัวใจ และหลอดเลือดหัวใจตีบได้อีกด้วย แต่ปัจจุบัน เซ็กส์ กลับกลายเป็นสิ่งที่อาจจะไม่สำคัญอีกต่อไปเพราะมีสิ่งอื่นที่น่าสนใจกว่า
          ล่าสุดได้มีการเผยผลการวิจัยจากกลุ่มตัวอย่างกว่า 10,000 คน จากทั้ง สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร และ ประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก พบว่า แนวโน้มการมีเพศสัมพันธ์นั้นลดลงอย่างมาก และที่สำคัญค่าเฉลี่ยของอายุของกลุ่มคนที่มีเซ็กส์ลดลงเป็นช่วงวัยของคนหนุ่ม-สาว ไม่ใช่ ผู้ใหญ่ที่อยู่ในวัยใกล้เสื่อมสมรรถภาพแต่อย่างใด


          หากย้อนกลับไปเมื่อปี 2018 สัดส่วนของผู้ชายที่มีอายุระหว่าง 18-24 ที่ไม่มีเพศสัมพันธ์เลยตลอดทั้งปีเพิ่มเป็นร้อยละ 31 หากเทียบกับเมื่อปี 2000 ที่มีเพียงร้อยละ 19 เท่านั้น และในหมู่ผู้หญิงก็เพิ่มขึ้นจาก 15% เป็น 19% อีกด้วย และเมื่อเจาะลึกไปที่ชาย-หญิงอายุระหว่าง 25 ถึง 34 ปี ก็มีอัตราการมีเพศสัมพันธ์ที่ลดลงเช่นกัน แต่สำหรับผู้ที่มีอายุ 35 ถึง 44 ปี มีอัตราที่คงที่เช่นเดิม

          นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มตัวอย่างที่เคยมีเซ็กส์เป็นประจำนั้นก็ลดลงอย่างมากด้วยเช่นกันโดยเฉพาะผู้ชาย ในกลุ่มคนอายุ 18 ถึง 24 ปี ที่มีอัตราการมีเซ็กส์อยู่ที่ 52% ปัจจุบันลดลงเหลือเพียง 37% และในกลุ่มคนอายุ 25 ถึง 34 ก็มีอัตราการมีเซ็กส์ที่ลดลงจากเดิม 65% เหลือเพียง 50% สำหรับผู้หญิงนั้นมีรายงานแค่ในช่วงอายุ 25 ถึง 34 ปีที่ลดลงด้วยเช่นกันจาก 66% เหลือเพียง 54% เท่านั้น

          ทั้งนี้ ศาสตราจารย์ จีนส์ ทวีนกี้ส์ นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยซานติอาโก้ยังบอกอีกด้วยว่าแนวโน้มการมีกิจกรรมทางเพศที่ลดลงนั้นไม่ได้เกิดขึ้นอย่างไม่มีที่มาที่ไป แต่มันเกิดขึ้นพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมอื่น ๆ เช่นการใช้เวลากับสื่อโซเชียลต่าง ๆ บนสมาร์ทโฟน การใช้เวลากับสิ่งบันเทิงอื่น ๆ ทั้งเกมออนไลน์ การถ่ายทอดสดกีฬา หรือบริการสตรีมมิ่งออนไลน์ต่าง ๆ นั่นเอง

ขอบคุณข้อมูลจาก mirror.co.uk, edition.cnn.com