x close

3 กัปตันทีม กับความมุ่งมั่น ทุ่มเทสู่ทุกจุดหมาย

ทีมกัปตัน

          กว่าที่คนๆ หนึ่งจะมาเป็นกัปตันทีมได้นั้น คงไม่ใช่แค่ความสามารถและความเก่งเพียงอย่างเดียว หากแต่ต้องมีความพร้อมทางด้านการวิเคราะห์ การคิดวางแผน ที่สำคัญต้องบริหารจัดการคนในทีมได้เป็นอย่างดี ต้องเป็นหลักของทีม และต้องสร้างกำลังใจ รวมถึงกระตุ้นทุกคนในทีมให้มุ่งมั่นก้าวไปถึงจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้ เช่นเดียวกับ 3 กัปตันทีมฟุตบอลอย่าง ซิโก้-เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เจ-ชนาธิป  สรงประสินธ์ และตัง-สารัช  อยู่เย็น ที่กว่าแต่ละคนจะไปสู่ความสำเร็จได้นั้น ล้วนแล้วแต่เกิดจากความมุ่งมั่น ทุ่มเทอย่างมากตั้งแต่เริ่มเป็นนักกีฬาจนกระทั่งถึงตำแหน่งกัปตันทีม  และไม่ใช่แค่ช่วงของการแข่งขันเท่านั้น แต่ต้องมุ่งมั่นทุ่มเททุกวัน

          เริ่มจากหัวหน้าทีมกัปตัน ซิโก้-เกียรติศักดิ์ อดีตกัปตันทีม ที่นำพาทีมชนะการแข่งขันหลายนัด และยังเป็นโค้ชที่ทำให้ฟุตบอลเข้ามาอยู่ในใจคนไทยทั้งประเทศ กัปตันสารัช และกัปตันชนาธิป จะเห็นว่าแต่ละคนต่างมุ่งมั่น เททุ่มเทที่ไม่ได้มีแต่ความพร้อมด้านสุขภาพร่างกายเท่านั้น แต่ยังมีความพร้อมทางความคิดอีกด้วย

ทีมกัปตัน

          ซิโก้-เกียรติศักดิ์ : การที่คนเราจะมาถึงจุดๆ หนึ่งได้มันก็ต้องผ่านอุปสรรคมากมายด้วยกันทั้งนั้น ผมเองก็เจออุปสรรคเยอะมาก แต่ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไร ใจเราต้องนิ่ง เราต้องมีสติ ในที่สุดเราต้องผ่านมันไปได้เพื่อจะได้เป็นบทพิสูจน์และนำเราไปสู่ความสำเร็จ ผมจึงมุ่งมั่น ทุ่มเทและทำทุกอย่างเต็มที่ ตั้งแต่ผมเป็นนักเตะ เป็นกัปตันนำทีม หรือแม้แต่การก้าวขึ้นมาเป็นโค้ช เพราะผมเชื่อเสมอว่า ถ้าเรารักและมีความมุ่งมั่นที่จะทำจริงๆ เราก็จะประสบความสำเร็จได้

          สำหรับการเป็นกัปตันทีมในความหมายของผมคือ คนที่คอยช่วยงานโค้ช และคอยเป็นตัวแทนระหว่างโค้ชกับผู้เล่น ฉะนั้นคนเป็นกัปตันต้องมีภาวะความเป็นผู้นำ ซึ่งจะต้องเป็นคนที่สามารถเล่นเกมภายใต้ความกดดันได้ เพราะโค้ชไม่สามารถที่จะลงไปในสนามได้ ดังนั้นกัปตันต้องแสดงออกให้เห็นว่า เราต้องไม่ยอมแพ้ จะต้องมีความกล้า และสามารถดึงลูกทีมกลับเข้ามาอยู่ในเกมได้ และไม่ใช่แค่ร่างกายเท่านั้นที่ต้องพร้อม บางคนอาจจะคิดว่านักกีฬาใช้แต่กำลังอย่างเดียว จริงๆ แล้วทุกอย่างมันประกอบกันไม่ว่าจะร่างกายและจิตใจ รวมถึงเรื่องของสุขภาพซึ่งถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ของนักกีฬา ผมจึงต้องดูแลตัวเองโดยจะให้เวลาในการออกกำลังกายวันละ 1 ชั่วโมงทุกวันไม่ขาด และจะต้องกินอาหารตรงเวลาและครบ 3 มื้อ ลดอาหารประเภทไขมัน จะเน้นพวกปลา ผัก ผลไม้ และที่ขาดไม่ได้ก็แบรนด์ซุปไก่สกัดนี่ล่ะครับ ผมดื่มมาตลอดตั้งแต่สมัยเป็นนักกีฬากระทั่งทุกวันนี้ และเมื่อมาเป็นโค้ช ผมจะแนะนำให้น้องๆ ในทีมดื่มทุกเช้า เพราะการเล่นที่หนัก ร่างกายก็ควรจะต้องได้รับสารอาหารเข้าไปทดแทนด้วย”

ทีมกัปตัน

          เจ-ชนาธิป : “พอผมเกิดมาพ่อก็ปักธงไว้เลยว่าผมจะต้องเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ท่านจึงพยายามปลูกฝังผมให้ชอบฟุตบอล ชีวิตแต่ละวันของผมก็จะมีแต่พ่อกับฟุตบอล พ่อผมชอบฟุตบอลมากแต่เล่นบอลไม่เก่ง เลยไปหาซื้อวีดีโอฝึกสอนฟุตบอลต่างๆ มาดู และนำมาสอนผม ช่วงแรกผมไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อต้องบังคับผมให้ซ้อมแต่ฟุตบอล ไม่มีเวลาไปเล่นเหมือนเด็กคนอื่นๆ  ผมไม่รู้หรอกว่าผมรักบอลตอนไหน แต่ผมไม่สามารถทิ้งฟุตบอลได้ ผมรู้สึกมีความผูกพันกับมัน มันไม่มีหัวใจ แต่เรามีหัวใจ เรารักมัน มันก็ต้องรักเรา และตอนนี้ผมต้องขอบคุณพ่อที่ทำให้ผมมีวันนี้ อีกอย่างผมมีแบรนด์ซุปไก่สกัดเป็นตัวช่วยมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วครับ และพี่ซิโก้ก็ให้ดื่มทั้งก่อนและหลังซ้อมหรือช่วงมีการแข่งตลอด เพราะด้วยผมเป็นคนตัวเล็ก เราจึงต้องเล่นบอลให้ฉลาด อย่างตอนที่อยู่ในสนามเราต้องใช้สมองเพื่อชิงไหวชิงพริบ ชิงความได้เปรียบให้ได้มากกว่า

          สำหรับการเป็นกัปตัน ผมถือเป็นเกียรติสูงมาก เพราะการได้ใส่ปลอกแขน มันเหมือนกับมีพลังซ่อนเร้นอยู่ข้างใน นอกสนามผมอาจจะเป็นกัปตันที่ไม่ได้ดีมาก แต่ในสนามผมคิดว่าเราเป็นกัปตัน เราต้องเป็นผู้นำ มีวินัย คือในสนามผมรู้สึกซีเรียสมากที่สุด เพราะว่าเราแพ้ไม่ได้ เราแบกภาระ เราเล่นเพื่อคนไทยทั้งประเทศ เราต้องวิ่งสู้ กระตุ้นเพื่อน ทั้งที่เหนื่อยสุดๆ  เราก็ต้องพยายามเป็นผู้นำที่ดีให้ได้ ผมไม่รู้ผมเป็นผู้นำที่ดีหรือเปล่า แต่ที่ผมรู้คือผมทำเต็มที่”

ทีมกัปตัน

          ตังค์-สารัช : “ผมเริ่มเล่นฟุตบอลมาตั้งแต่ 7 ขวบแล้วครับ ตอนแรกก็เตะเล่นสนุกๆ กับคุณพ่อและเพื่อนๆ แต่พอรู้สึกว่าชอบผมจึงหันมาสนใจฟุตบอลอย่างจริงจัง จนได้เข้ามาเป็นนักเตะมืออาชีพของสโมสร ผมมุ่งมั่น หมั่นฝึกฝน เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่คุณพ่ออยากเห็นให้ได้ แต่แล้วเมื่อแข่งขันในศึกฟุตบอล ที่อินโดนีเซีย ผมก็ต้องสูญเสียคุณพ่อไป” ในฐานะลูกชายคนโตตังค์จึงรับหน้าที่เป็นเสาหลักดูแลคุณแม่และน้องชายแทน

          เมื่อได้เป็นกัปตันนำทัพสู้ศึกในสนาม “ผมรู้สึกดีใจและภูมิใจที่ได้เป็นกัปตันทีม เมื่อโอกาสมาถึง ผมก็ต้องพยายามทุ่มเทอย่างเต็มที่ เพราะการกัปตันมันเหมือนแบกทีมไว้ เราเป็นคนรับผิดชอบลูกทีมทั้งหมด ถ้ามีปัญหาอะไรเราเป็นคนแรกที่จะต้องปกป้องทีม” แม้จะมีจุดอ่อนที่ร่างกายเพราะเป็นคนตัวเล็ก แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา “ผมต้องใช้ความคิด ใช้สมอง ต้องเล่นให้มันฉลาด เอาทักษะที่มีอยู่ไปใช้ในสนาม มันอยู่ที่เหลี่ยมของฟุตบอลมากกว่าว่าใครจะชิงไหวชิงพริบในสนามได้มากกว่ากัน อีกอย่างคุณแม่จะบอกผมเสมอว่าเราต้องรับประทานของดีมีประโยชน์เพื่อจะได้ช่วยบำรุงร่างกายและสมอง อย่างแบรนด์ซุปไก่สกัดผมดื่มมา10ปีแล้วตั้งแต่เด็ก คุณแม่จะซื้อมาบำรุงให้ตลอด” 

          เราเชื่อว่าไม่มีอะไรยากเกิน หากทุกคนมีความมุ่งมั่นตั้งใจ เตรียมพร้อมในทุกๆ วันและทำให้ดีที่สุด เช่นเดียวกับทีมกัปตัน เมื่อพวกเขาทำได้ คุณก็ทำได้ แล้วสักวันหนึ่งคุณก็จะประสบผลสำเร็จอย่างแน่นอน

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
3 กัปตันทีม กับความมุ่งมั่น ทุ่มเทสู่ทุกจุดหมาย อัปเดตล่าสุด 8 กันยายน 2559 เวลา 17:29:13 2,428 อ่าน
TOP