6 สิ่งที่นาฬิกา Android Wear ทำได้ แต่ Apple Watch ทำไม่ได้ มีอะไรบ้างมาดูกัน
เรียกได้ว่าออกมาประชันสงคราม Smartwatch กันเลยทีเดียว ระหว่าง Android Wear กับ Apple Watch ด้านผู้ใช้ต่างก็ลังเลกันว่าจะใช้แบบไหนดี บางคนก็บอก Android Wear ดีกว่า แต่บางคนก็บอก Apple Watch แหล่มกว่า วันนี้ทางเว็บไซต์ Mashable จึงได้นำ 6 สิ่งที่นาฬิกา Android Wear ทำได้ แต่ Apple Watch ทำไม่ได้ มาเป็นอีกตัวช่วยในการตัดสินใจกัน
1. ปรุับแต่งหน้าปัด
ในขณะที่กูเกิลเปิดให้นักออกแบบสามารถออกแบบหน้าปัด Android Wear ให้ผู้ใช้ซื้อหรือดาวน์โหลดมาใช้กันได้ไม่จำกัด แต่ Apple Watch กลับมีหน้าปัดให้เลือกใช้ได้เพียง 11 ลายเท่านั้น และยังดูไม่มีทีท่าว่าแอปเปิลจะเปิดให้นักออกแบบสามารถออกแบบหน้าปัดมาขายได้แบบ Android Wear เลย
2. หน้าปัดแสดงภาพตลอดเวลา
Android Wear หลายรุ่นนั้นรองรับฟีเจอร์ Always-on ที่ทำให้หน้าปัดแสดงภาพหรือเวลาค้างไว้ตลอดเวลา สามารถดูเวลาได้โดยไม่จำเป็นต้องขยับแขนเพื่อให้หน้าจอแสดงภาพขึ้นมา ทำให้ดูเวลาหรือใช้งานอย่างอื่นได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยในอนาคตจะมีแอพฯ ที่อัพเดทให้รองรับฟีเจอร์ Always-on มากขึ้น
3. ไม่ต้องมีสมาร์ทโฟนอยู่ใกล้ ๆ ก็ใช้ได้
Smartwatch นั้นจะต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ รวมทั้งรับการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟน โดยเชื่อมต่อผ่านสัญญาณ Bluetooth ซึ่ง Apple Watch นั้นสามารถเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi แทนได้ในกรณีที่อุปกรณ์ทั้งสองอยู่ห่างเกินระยะ Bluetooth แต่ก็ยังต้องอยู่ใน Wi-Fi ของเครือข่ายเดียวกันอยู่ดี แตกต่างกับ Android Wear ที่สามารถเชื่อมต่อกันได้แม้อยู่กันคนละสถานที่ก็ตาม เช่น สมาร์ทโฟนเชื่อมต่อกับ Wi-Fi ที่บ้าน ส่วน Android Wear เชื่อมต่อกับ Wi-Fi ที่ทำงาน
4. วาดรูปเพื่อค้นหาอีโมจิได้
ถึงแม้ว่า Apple Watch จะมีอีโมจิที่ขยับตุ๊กติ๊กได้ แต่ Android Wear เวอร์ชั่น 5.1.1 นั้นสามารถใช้นิ้ววาดรูปหน้าอีโมจิบนหน้าปัดเพื่อค้นหาอีโมจิที่คล้ายกันได้ ช่วยให้ค้นหาอีโมจิที่ต้องการใช้ได้รวดเร็วทันใจขึ้นมาก
5. สั่งการแอพฯ ได้เพียงแค่ขยับแขน
มันคงจะน่าหงุดหงิดไม่น้อยเลย ถ้าในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งไม่ว่าง แต่จะต้องใช้มือมาแตะหน้าจอ Smartwatch เพื่อใช้งานแอพฯ ต่าง ๆ แต่ Android Wear 5.1.1 นั้นมีฟีเจอร์ Wrist-gesture ทำให้สามารถใช้งานบางฟีเจอร์ของแอพฯ ได้ด้วยการขยับแขนหรือข้อมูล ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถสั่งการทำงานของแอพฯ ได้ทั้งหมด แต่ก็ถือว่าใช้แก้ขัดในขณะที่มืออีกข้างไม่ว่างได้ดีเลยทีเดียว
6. ระบบปลดล็อกหน้าจอที่ดีกว่า
Apple Watch นั้นสามารถตั้งรหัสผ่านสำหรับใช้ปลดล็อกหน้าจอได้ แต่ Android Wear 5.1.1 นั้นสามารถตั้งรูปแบบการปลดล็อกหน้าจอแบบ Pattern ได้ เช่น ใช้นิ้วลากบนหน้าจอตามทิศทางที่ถูกตั้งไว้ คล้ายกับที่มีบนแอนดรอยด์โฟนนั่นเอง
แถม : ประหยัดเงิน
Apple Watch มีราคาเริ่มต้นที่ $349 หรือประมาณ 12,000 บาท แต่ Android Wear นั้นจะมีราคาแตกต่างกันไปตามแบรนด์และดีไซน์ แต่ส่วนใหญ่จะมีราคาประมาณ $299 หรือประมาณ 10,000 บาทเท่านั้น นอกจากนี้ Android Wear ยังหาซื้อได้ง่ายตามร้านค้าทั่วไปอีกด้วย ต่างกับ Apple Watch ที่ต้องสั่งจองผ่าน Apple Online Store เท่านั้น (สำหรับตอนนี้)
อย่างไรก็ตาม Apple Watch ก็อาจมีข้อดีอื่น ๆ ที่ดีกว่า Android Wear บ้างเหมือนกัน ทั้งนี้และทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวและการตัดสินใจของแต่ละคนล่ะครับ :)
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Mashable
