
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณวัชระ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
จากผู้ชายร่างใหญ่ที่เคยหนักเกือบ 100 กิโลกรัม ตัดสินใจลดน้ำหนักเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ที่ดีกว่า หลังช้ำรัก โดนสาวหักอก แต่ไม่ยอมจมอยู่กับความทุกข์ เรื่องจริงจากประสบการณ์ตรงของช่างภาพฟรีแลนซ์หนุ่ม คุณวัชระ กัมปนาวราวรรณ หรือ คุณต้า
จุดเปลี่ยนในการลดน้ำหนักของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน แต่สำหรับคุณต้าแล้ว ความเสียใจและหยดน้ำตาที่สูญเสียให้กับอดีตแฟนสาว กลับเป็นแรงฮึดที่ทำให้เขาลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองใหม่ จากที่เคยมีน้ำหนักตัวเฉียดร้อยกิโลกรัม แต่เขาสามารถรีดน้ำหนัก ควบคุมอาหาร และฟิตร่างกายให้เฟิร์ม จนปัจจุบันมีน้ำหนักอยู่ราว 66 กิโลกรัม หลังจากนั้นเขาจึงนำเคล็ดลับของตัวเองมาแชร์ในเว็บไซต์พันทิปดอทคอม โดยตั้งกระทู้ชื่อว่า "เสียเหงื่อให้การออกกำลังกาย ดีกว่าเสียน้ำตาให้เธอ 20 กว่ากิโลที่หายไป ภายใน 2 เดือนครึ่ง!!!!" เป็นไง...เห็นชื่อกระทู้แล้วชวนคลิกเลยใช่มั้ยครับ ถ้างั้นมาดูเรื่องราวของชายผู้ยอมเสียหยาดเหงื่อเพื่อออกกำลังกาย ดีกว่าผลาญน้ำตาไปกับความรักดีกว่าคร้าบบบบ

[ตอนน้ำหนัก 70 กิโลกรัม เมื่อ 3 ปีก่อน]
ต้องบอกก่อนว่าผมเคยผอมมาก่อนนะครับ แต่การอยู่กับคนที่เรารักมันทำให้เรากินได้อย่างสบายใจ ไม่ว่าเราจะอ้วนแค่ไหน เราก็รักเขาและเขาก็รักเรา ซึ่งตอนคบกันใหม่ ๆ ผมหนัก 70 กิโลกรัม ผ่านไป 3 ปี ผมหนักขึ้นอีกประมาณ 90-95 กิโลกรัม แต่ก็เป็น 3 ปีที่มีความสุขมากจริงๆ

[ตอนน้ำหนัก 95 กิโลกรัม เมื่อ 5 เดือนก่อน]
จุดเริ่มต้นของการลดน้ำหนักจริง ๆ จัง ๆ ของผมเริ่มวันที่ 4 เมษายน 2557 ตอนนั้นมีงานแต่งต้องไปถ่ายพอดี ผมก็โทรไปขอกำลังใจจากแฟน แต่ไป ๆ มา ๆ กลายเป็นว่าผมโดนบอกเลิกวันนั้น ทำงานไปก็จุกไปเพราะว่าต้องทนดูคนเขามีความสุขกันแต่เรากลับเป็นทุกข์ ...
กลับมาบ้านวันนั้นนอนไม่หลับทั้งคืน พยายามไม่คิดอะไรโง่ ๆ ทำยังไงก็ได้ที่ตัวเองไม่ต้องเสียใจกับเรื่องนี้ ผมนั่งอ่านพันทิพย์แล้วก็ไปเจอกระทู้เกี่ยวกับการลดน้ำหนัก แล้วก็ได้เห็นเหตุผลในการลดของเขา คืออ้วน ไม่มีใครคบ ตอนนั้นล่ะผมตัดสินใจ จะเริ่มลดอย่างจริงจังตั้งแต่วันนั้น
ทุกวันผมจะอ่านบทความเกี่ยวกับการลดน้ำหนักเป็นชั่วโมง ๆ หาวิธีที่เห็นผลเร็วที่สุด อะไรที่คิดว่าดีผมลองมาหมด กินน้อย ๆ คำนวณแคลอรี่ ออกกำลังกาย พยายามทุกวิถีทาง เพื่อกลบความเสียใจ ความผิดหวัง ให้มันเบาบางลง วันไหนคิดมากจนนอนไม่หลับก็จะออกกำลังกายให้มันเหนื่อย ให้มันหมดแรง จะได้ไม่เสียเวลาเปล่าไปกับความทุกข์ใจ
เผลอแป๊บเดียวก็ผ่านไป 1 เดือน น้ำหนักลงไปเยอะมากเกือบ 8-10 กิโลกรัม พอเริ่มเห็นผล ผมเริ่มมีกำลังใจที่ดีขึ้น และเริ่มมองหากิจกรรมออกกำลังกายอื่น ๆ จนมาเจอการปั่นจักรยานเสือหมอบที่เขาบอกว่าเป็นคาร์ดิโอที่ดีที่สุด ทำงานเก็บเงินได้สองอาทิตย์กว่า ๆ วันที่ 20 พฤษภาคม ผมก็ตัดสินใจซื้อจักรยานเสือหมอบมาปั่น

ช่วงแรกของการปั่นจักรยานผมรู้สึกเหนื่อยมาก ไม่เคยคิดว่าการปั่นจักรยานมันจะเหนื่อยแบบนี้ จากการสังเกตนักปั่นหลาย ๆ คน ผมก็ได้รู้ว่ากินน้อยเกินไป วันนึงผมกินแค่ 500 แคลอรี ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีแรงปั่นจักรยาน ผมเข้าใจผิดมาโดยตลอด จากนั้นก็เริ่มปรับเปลี่ยนวิธีกิน กินเยอะขึ้น หาข้อมูล ออกกำลังกาย คราวนี้ไม่ได้โฟกัสแค่การลดน้ำหนักอย่างเดียว แต่จะให้ร่างกายแข็งแรงด้วย
จนเข้าสู่เดือนที่สอง น้ำหนักผมลดลงช้ากว่าเดิมคือ 6-8 กิโลกรัม แต่ผมรู้สึกได้ถึงความแข็งแรงของตัวเอง ผมปั่นจักรยานได้ไกลขึ้น เหนื่อยช้าลง ทำอะไรคล่องแคล่วขึ้น หลายคนเริ่มทักว่าผอมลง จนตอนนี้จิตใจผมดีขึ้นกว่าเดิมมาก มีความมั่นใจมากขึ้น กล้าถ่ายรูปตัวเองมากขึ้น ไปไหนมาไหนคนเดียวได้ ไปเที่ยวคนเดียวได้สบาย มึความสุขกับชีวิตที่เป็นอยู่

(ช่วงน้ำหนักลงประมาณ 75-70 ครับ ไปเที่ยวพักผ่อนคลายความเครียดจากการลดน้ำหนัก)

(จิตใจดีขึ้นมากครับ Backpack ไปเที่ยวไหนคนเดียวไกลๆได้สบาย)

(ลดน้ำหนักมันเครียดนัก ก็ไปเที่ยวให้ฉ่ำปอดครับ แต่กินน้อยๆหน่อยน้า)
หลังจากอะไรต่าง ๆ ที่ผมผ่านอะไรมามากมาย ผมรู้สึกขอบคุณประสบการณ์ที่ได้เจอครั้งนี้ ความผิดหวัง ความเสียใจ ที่เกิดขึ้นมันเป็นแค่ช่วงนึงของชีวิตเท่านั้น ถ้าผ่านมันมาได้เราก็จะเข้มแข็งขึ้นและดีขึ้นกว่าเดิม เพียงแค่เราคิดให้ได้และลงมือทำ ผมหวังว่าสิ่งที่ผมพิมพ์ ๆ มามันจะเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่น ๆ ที่กำลังล้มกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้งนะ ^^
(รูปตอนผอมลงแล้วคร้าบบบบ)





(เล่นเวทด้วยครับ)

(รูปเพิ่งถ่ายสด ๆ ร้อน ๆ เลย กำลังจะออกไปปั่นจักรยาน ล่าสุดหนัก 66 กิโลกรัมแล้วครับ)

