
หูฟังหรือเฮดโฟนคุณภาพเสียงยิ่งดีเท่าไร อรรถรสในการฟังเพลงหรือดูหนังของเราก็ยิ่งจุใจมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งข้อนี้เหล่านักฟังเพลงทุกคนน่าจะรู้กันดีอยู่แล้ว และสำหรับใครที่กำลังมองหาเฮดโฟนเจ๋ง ๆ คุณภาพเสียงเป็นเลิศยิ่งกว่าคุณภาพเสียงในโรงภาพยนตร์ พร้อมด้วยดีไซน์ที่สวยเท่น่าจับจอง เว็บไซต์ askmen ก็แนะนำ 10 อันดับเฮดโฟนตัวท็อปที่ถือว่าคุณภาพเสียงคับแน่น ดีไซน์เฉี่ยวเท่ที่สุดในเวลานี้มาให้ชมแล้วครับ
1. V-MODA Crossfade M-100
เฮดโฟนกระแสดีที่มาแรงสุด ๆ ต้องยกให้ V-MODA Crossfade M-100 ด้วยความที่โมดิฟายด์มาจากข้อดีของเฮดโฟนหลาย ๆ รุ่น จึงทำให้ V-MODA Crossfade M-100 ออกมาเป็นเฮดโฟนคุณภาพเยี่ยม ให้เสียงสม่ำเสมอ ทั้งยังแยกแยะเสียงด้านซ้าย-ขวาได้อย่างแม่นยำในจังหวะมากขึ้น
ประสิทธิภาพของเฮดโฟนตัวนี้บอกได้คำเดียวว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ ครับ หากได้ลองฟังเพลงจะได้ยินเสียงเบสหนัก ๆ แบบเคลียร์ใส ไม่มีละอองเสียงแตกพร่าระคายหูเลยสักนิดเดียว บ่งบอกถึงประสิทธิภาพที่เจ๋งพอตัว พร้อมกันนั้นยังผลิตด้วยวัสดุคุณภาพดี ดีไซน์ส่วนครอบหูออกมาได้เหมาะกับสรีระหูของเราพอสมควร ใส่แล้วกระชับ สามารถปรับระดับได้ แถมดีไซน์ยังหรูหราผสมความเท่จับใจ มีทั้งสีดำคาดแดง สีเทา และสีขาว โดยทุกสีทุกแบบสามารถเปลี่ยนและตกแต่งได้ภายหลัง ส่วนสนนราคาอยู่ที่ 310 เหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 11,000 บาท) ซึ่งถ้าใครสนใจเฮดโฟน V-MODA Crossfade M-100 ตัวนี้สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ v-moda
2. Audio Technica ATH M50xBL
สุดยอดเฮดโฟนที่ครองใจสาวกคนชอบดูหนัง-ฟังเพลงก็น่าจะถูกใจ Audio Technica ATH M50xBL รุ่นนี้ได้ไม่ยาก โดยจุดเด่นของเฮดโฟนตัวนี้จะอยู่ที่ความทนทานของวัสดุ พร้อมกับประสิทธิภาพการกระจายเสียงที่ค่อนข้างครบถ้วน เคลียร์ใส ไม่หนักเบสลึกอย่างเฮดโฟนตระกูลบีททั่วไป แต่จะให้เสียงแบบห้องอัดดิบ ๆ เหมือนเราได้ฟังดนตรีสดที่เล่นอย่างเมามันอยู่ตรงหน้ายังไงยังงั้น อีกทั้งส่วนครอบหูยังแน่นกระชับ ตัดเสียงรอบข้างไม่ให้มารบกวนได้เป็นอย่างดี แถมส่วนหูฟังยังหมุนได้ 90 องศา หมดกังวลเรื่องเฮดโฟนหักงอเสียรูปไปได้เลย โดยตัว Audio Technica ATH M50xBL มีจำหน่ายในสีดำ สีขาว และรุ่นพิเศษสีฟ้า สามารถพับเก็บแล้วพกพา ไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก พร้อมกับสายเคเบิลอีก 3 สายให้ใช้งานได้หลากรูปแบบ สนนราคาของหูฟังรุ่นนี้จะอยู่ที่ 259 เหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 8,500 บาท) สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ เว็บไซต์ Audio Technica
3. Sennheiser Momentum
หูฟังสัญชาติเยอรมันที่มีชื่อเสียงมายาวนานตัวนี้คุณภาพก็คงไม่ด้อยไปกว่าหูฟังตัวอื่น ๆ แน่นอน โดยจุดเด่นของ Sennheiser Momentum อยู่ที่ดีไซน์เรียบหรู ดูเท่แบบมีคลาส แถบคาดศีรษะเป็นสเตนเลส ทนทาน น้ำหนักเบา สามารถปรับระดับได้ตามความต้องการ ทั้งในส่วนที่ครอบหูยังทำมาจากหนังแท้สีน้ำตาล ดีไซน์แบบครอบปิดหูทั้งหมดเพื่อป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก
สำหรับคุณภาพเสียงที่ได้จากหูฟัง Sennheiser Momentum ตัวนี้จะออกมาในโทนนุ่มนวล ครบถ้วนทุกเสียงดนตรี ความคมชัดของเสียงอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ออกแนวเคลียร์มากกว่าจะเน้นเสียงหนักของเสียงเบส เรนจ์เสียงที่ได้ฟังจะค่อนข้างกว้าง กังวานนิด ๆ เหมาะฟังเพลงแนวป๊อป โซลมากกว่าเพลงร็อค ใครสนใจหูฟังแนวเรโทรคลาสสิกแบบนี้สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ SENNHEISER หรือหาซื้อได้ในราคา 539 เหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 8,750 บาท)
4. Yamaha PRO 500

Yamaha PRO 500 จัดว่าเป็นหูฟังตัวท็อปในไลน์หูฟังของยามาฮ่าก็ว่าได้ โดยหูฟังตัวนี้ไม่เพียงแต่มีดีไซน์หรูหราเท่านั้น ทว่าในเรื่องของคุณภาพเสียงยังถูกออกแบบมาให้กระจายเสียงได้รอบทิศทาง เน้นเสียงเบสหนัก ๆ ได้ถึงใจ โดยที่ยังคงคุณภาพเสียงร้องและเครื่องดนตรีแต่ละชนิดจากไฟล์ต้นตำรับได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน เป็นอีกหนึ่งหูฟังที่มีคุณสมบัติในการแยกแยะประเภทเสียงและส่งผ่านเข้าหูเราได้แม่นยำที่สุดตัวหนึ่ง พร้อมกันนั้น ด้วยดีไซน์ที่ดูหนักแน่นจึงทำให้รูปลักษณ์เฮดโฟน Yamaha PRO 500 น่าดึงดูดใจไม่น้อย โดยรุ่นนี้จะมีให้เลือก 2 สี คือ สีดำล้วนกับสีฟ้า อีกทั้งในส่วนสายต่อยังมีปุ่มปรับระดับเสียงสำหรับใช้กับไอโฟนและไอพอดติดมาให้ด้วย สนนราคาอยู่ที่ 399.95 เหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 13,000 บาท) รายละเอียดของสินค้าสามารถคลิกเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ YAMAHA
5. Marshall Monitor
แม้ดีไซน์จะดูเรียบแต่ก็แอบคลาสสิกไม่เบา ส่วนคุณภาพของเสียงต้องบอกตรงนี้เลยว่าแจ่มมาก ! โดยเฉพาะคนที่ชอบเสียงเบสชัดคม หนักแน่น หูฟัง Marshall Monitor ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน ทั้งยังให้เสียงดังรอบทิศทาง ประสิทธิภาพในการแยกแยะเสียงก็ตรงจังหวะและแม่นยำพอตัว พร้อมกันนั้นยังมีลำโพงเสียงทุ้มอยู่ในตัว ซึ่งก็ช่วยในเรื่องควบคุมเสียงหนัก ๆ ไม่ให้แหลมบาดแก้วหูจนเกินไป
ในส่วนของหูฟังทำด้วยหนังอย่างดี สามารถปรับระดับ ถอดออกมาทำความสะอาด และพับเก็บก็ได้ ส่วนแถบคาดศีรษะก็หุ้มด้วยหนังชั้นดีบุนวมอย่างหนา ซึ่งในจุดนี้ก็มีปุ่มปรับระดับและควบคุมเสียงติดอยู่ด้วย พร้อมทั้งยังมีไมค์รวมทั้งปุ่มปรับระดับเสียงมากับสายพ่วงต่ออุปกรณ์อีกต่างหาก โดยหูฟัง Marshall Monitor ตัวนี้มีราคาอยู่ที่ 250 เหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 8,150 บาท) สามารถคลิกเข้าดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ Marshall Headphone
6. Griffin WoodTones
หูฟังทำจากไม้แท้ ๆ มาในทรงรูปสี่เหลี่ยมแปลกตา ให้รูปลักษณ์ที่เท่แบบอินดี้สุด ๆ มีความโดดเด่นในดีไซน์ อีกทั้งด้วยส่วนครอบหูที่ทำมาจากวัสดุไม้แท้ ๆ จึงการันตีความแข็งแรงทนทานได้อย่างเต็มที่ มีให้เลือกระหว่างสีน้ำตาลอ่อนและสีน้ำตาลเข้ม
สำหรับเรื่องคุณภาพเสียงก็จัดว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ให้เสียงคมชัดที่ถึงแม้จะไม่เน้นหนักในเสียงเบส แต่ก็สามารถให้โทนเสียงที่หลากหลายไม่น้อย แถมยังมีสายเคเบิลที่ถอดแยกชิ้นส่วนออกมาได้ พร้อมกับไมโครโฟนในตัว ใครสนใจสามารถสั่งหาซื้อได้ในราคาเบา ๆ เพียง 99.99 เหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 3,300 บาท) หรือจะเข้าไปดูรายละเอียดที่เว็บไซต์ Griffin ก่อนก็ได้ครับ
7. Bose QuietComfort15
จุดเด่นของ Bose QuietComfort15 อยู่ที่ความสามารถในการตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้อย่างดีเยี่ยม แม้จะฟังเพลงในที่ที่มีเสียงอึกทึกครึกโครมแค่ไหนก็ไม่กระทบกับเสียงเพลงที่เรากำลังฟังอยู่ ซึ่งคุณสมบัติในข้อนี้ก็เจ๋งจนได้รับรางวัล Gold หรือรางวัลสุดยอดหูฟังที่ตัดเสียงรบกวนได้ดีที่สุดมาครอง ทั้งนี้ Bose QuietComfort15 รุ่นล่าสุดก็เป็นรุ่นที่ถูกปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องมาจากหูฟังรุ่นเก่ามาได้เกือบครบถ้วน ผลที่ได้ออกมาจึงเป็นคุณภาพเสียงที่ดีกว่าเดิม วัสดุที่ทนทานและตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานหูฟังได้มากขึ้น โดยในส่วนของหูครอบยังให้สัมผัสที่นุ่ม น้ำหนักเบา พกพาง่าย และมีไมค์ติดตั้งอยู่รอบ ๆ เพื่อคอยเช็กเสียงรบกวน และคอยปรับจังหวะเสียงให้เกิดความสมดุลอย่างลงตัวที่สุด สำหรับราคาหูฟัง Bose QuietComfort15 ตัวนี้อยู่ที่ 299.95 เหรียญสหรัฐ หรือราว ๆ 9,800 บาท สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ Bose
8. Panasonic HC800
นับเป็นอีกหนึ่งหูฟังที่มีขีดความสามารถในการตัดเสียงรบกวนจากภายนอกอย่างเยี่ยมยอด และด้วยดีไซน์ที่กึ่งคลาสสิกกึ่งโมเดิร์นยังทำให้ดูน่าสนใจพอสมควร ส่วนคุณภาพของเสียงก็เจ๋งใช่ย่อยนะ เพราะสามารถควบคุมเสียงในทุกโน้ตได้อย่างแม่นยำ รับรองเสียงที่ได้ยินจะไม่หลุดแหลมโด่งหรือเพี้ยนโทนเสียงอย่างแน่นอน และใครที่กังวลในเรื่องเสียงแตกพร่าหม่น ๆ ไม่ชัดแจ๋ว ขอบอกเลยว่าไม่ได้เจอใน Panasonic HC800 ตัวนี้ชัวร์ สนนราคาของหูฟังตัวนี้ก็ไม่แพงมากเพียง 227.99 เหรียญสหรัฐ (ราว ๆ 7,500 บาท) ใครอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกไปดูได้เลยที่ Panasonic
9. Bowers & Wilkins P5
หูฟังแบบเฮดโฟนสำหรับโทรศัพท์มือถือ ขนาดเล็ก พกพาง่ายแต่คุณภาพเสียงนี่แจ่มอย่าบอกใคร โดยจุดเด่นที่เขาต้องการจะสื่อคือ เหมือนยกเวทีคอนเสิร์ตเล่นสด ๆ มาให้คุณฟังคนเดียวไปเลย ซึ่งก็หมายความว่า เสียงที่ได้ยินจะเซอร์ราวด์ครบทุกทิศทาง มีคุณสมบัติในการแยกแยะเสียงก็ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว อีกทั้งยังผลิตจากวัสดุเกรดพรีเมียม มีความแข็งแรงทนทาน แต่ให้น้ำหนักเบาเพียง 195 กรัม พร้อมกับมีอุปกรณ์เชื่อมต่อสำหรับใช้งานคู่กับสมาร์ทโฟนอย่างครบครันมาให้ด้วย สนนราคาก็ที่ 299.95 เหรียญสหรัฐ (ราว ๆ 9,800 บาท) ทั้งนี้สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Bowers & Wilkins
10. Grado Prestige Series SR325
หูฟังซีรีส์ล่าสุดในไลน์ SR325 ซึ่งถูกปรับปรุงให้มีความสามารถในการกระจายเสียงที่ยอดเยี่ยมกว่า คมชัดขึ้นและคุมโทนเสียงให้อยู่ในจุดสมดุล ทั้งเสียงกลางแบบไดนามิกและเสียงสูงใส ๆ ก็จะเร้าใจกว่าที่เคย ทั้งยังให้เสียงชัดเจนในแบบสมจริง เหมือนมีวงดนตรีเต็มวงมาเล่นให้ฟังสด ๆ ไล่โน้ตทุกตัวให้แจ่มชัดทุกจังหวะ
ในส่วนของดีไซน์ก็เท่ไม่เบา เพราะในส่วนด้านนอกที่ครอบหูฟังจะทำด้วยสเตนเลสอย่างดี ดูแข็งแรงทนทาน ในขณะที่ส่วนด้านในบุหนังนิ่มหนา พร้อมทั้งแถบคาดศีรษะที่สามารถปรับระดับให้กระชับกับสรีระได้อย่างสบาย ๆ สนนราคาตกอยู่ที่ 295 เหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 9,520 บาท ทั้งนี้สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ GRADO
ใครกำลังมองหาเฮดโฟนเจ๋ง ๆ สักตัวเอาไว้ฟังเพลงหรือดูหนังให้จุใจ ลองรับเฮดโฟน 10 ตัวนี้ไว้พิจารณากันบ้างก็ได้นะครับ