.jpg)
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก freshpair.com
กางเกงชั้นใน ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ชายขาดไม่ได้เลย เพราะเป็นตัวช่วยปกป้องส่วนสำคัญของความเป็นชาย และเสริมบุคลิกของคุณให้ดูดีขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ ดังนั้นในการเลือกซื้อชั้นในจึงจำเป็นต้องคัดสรรและพิถีพิถันให้เหมาะสมกับขนาด รูปร่างของคุณ นอกจากนี้ควรคำนึงถึงเรื่องลักษณะและเนื้อผ้าของชั้นในด้วย ซึ่งในวันนี้กระปุกดอทคอมขอนำเคล็ดลับในการเลือกชั้นในสำหรับสุภาพบุรุษ เพื่อให้ทุกคนสามารถเลือกซื้อปราการด่านสุดท้ายในแบบที่เหมาะสมกับตัวเองได้


กางเกงในทรงคลาสสิกที่ผู้ชายนิยมใส่กันตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน เพราะกางเกงในสไตล์นี้จะปกปิดช่วงใต้รอบเอวและจุดสำคัญของผู้ชาย รวมถึงช่วยป้องกันการเสียดสีกับช่วงต้นขาได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นทรงที่สวมใส่สบายและทำให้เคลื่อนไหวได้คล่องตัวมากขึ้นด้วย เพราะขอบกางเกงในด้านล่างจะเว้าช่วงต้นขา ทั้งนี้กางเกงในสไตล์นี้ประกอบด้วย 2 แบบคือ Low-Cut Briefs และ Mid-Cut Briefs ทั้งสองแบบมีความแตกต่างกันที่ความสูงของขอบเอว ซึ่งขอบกางเกงในของแบบที่สองจะอยู่ต่ำกว่าแบบแรกประมาณ 2 นิ้วนับจากใต้สะดือลงไป ชั้นในสไตล์นี้ช่วยทำให้ช่วงเอวดูดีขึ้น ดังนั้นเหมาะกับชุดทำงาน และสวมใส่กับกางเกงสำหรับกีฬาทางน้ำ เพื่อโชว์ช่วงเอวของคุณ นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งแบบคือ Sports Briefs ด้านหน้าจะมีขนาดกว้างกว่า แต่ด้านข้างของขอบกางเกงเล็กและแคบกว่าสองแบบแรก


ลักษณะของบ็อกเซอร์ตรงข้ามกับสไตล์แรกโดยเฉพาะในส่วนของขากางเกง เพราะขากางเกงบ็อกเซอร์มีความยาวเหนือเข่าเล็กน้อย สามารถนำมาใส่แทนกางเกงขาสั้นได้เลย ข้อดีของกางเกงในสไตล์นี้คือสามารถหาซื้อได้ง่าย สวมใส่สบาย และใส่เวลาพักผ่อนอยู่บ้านก็ได้ ทั้งนี้บ็อกเซอร์แบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Boxer Briefs และ Full-Cut Boxers ทั้งสองแบบนี้แตกต่างกันที่ขนาด บ็อกเซอร์แบบแรกเข้ารูป มีขอบเอวต่ำ ส่วนแบบที่สองขากางเกงกว้าง เนื้อผ้าเบาสบายและรู้สึกเป็นอิสระกว่า


กางเกงในสไตล์นี้มีลักษณะดีไซน์เหมือนกับบ็อกเซอร์ทุกประการ ส่วนของความยาวพอ ๆ กับ Boxer Briefs แต่กางเกงในสไตล์ Modern Trunks แตกต่างกับสองแบบแรกคือ ลักษณะของตัวกางเกงในจะเข้ารูปมากกว่า เพราะลักษณะของตะเข็บมีความละเอียดกว่าแบบอื่น ๆ นั่นเอง


ลักษณะของกางเกงในแบบบิกินี่คือ ขอบกางเกงในจะอยู่ต่ำกว่าเอวของผู้สวมใส่ประมาณ 4 - 5 นิ้ว บางตัวอาจจะอยู่ต่ำกว่าระดับสะดือด้วย และมีขอบขาที่เว้าสูงกว่าแบบ Briefs style ทำให้ผู้สวมใส่เคลื่อนไหวได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ส่วนผ้าหุ้มด้านหน้าเป็นแบบไม่มีตะเข็บ ไร้รอยต่อ ดังนั้นหากใส่กางเกงในบิกินี่อาจทำให้สังเกตเห็นน้องชายของคุณได้ง่าย ดังนั้นไม่เหมาะกับคนเจ้าเนื้อ หรือคนที่มีรูปร่างผอมเกินไป


ขอบกางเกงในสไตล์นี้ลักษณะคล้าย ๆ กับแบบจีสตริง แต่ขอบของกางเกงในสไตล์นี้มีความกว้างอยู่ที่ 1 - 2 นิ้ว ลักษณะเด่นของกางเกงในแบบ Jock strap คือ มีเนื้อผ้าที่บางเบา ระบายอากาศได้ดี ลดความอับชื้น ผ้าที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นผ้ายืดทั้งตัว เหมาะกับผู้ที่ชอบออกกำลังกายหรือนักกีฬา


กางเกงในแบบจีสตริงของผู้ชายมีลักษณะคล้ายกับกางเกงในจีสตริงของผู้หญิง คือ ขอบกางเกงในค่อนข้างบาง มีเนื้อผ้าปิดเฉพาะส่วนสำคัญเท่านั้น เหมาะสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องใส่กางเกงรัดรูป เพื่อป้องกันรอยนูนที่เกิดขึ้นจากขอบกางเกงใน
เห็นไหมล่ะว่า จริง ๆ แล้วกางเกงชั้นในสำหรับผู้ชายมีให้เลือกหลากหลายแบบไม่แพ้ทางฝั่งสาว ๆ เลย ยังไงตอนนี้ลองพิจารณาดูว่ากางเกงในสไตล์ไหนแบบใดถึงจะเหมาะสมกับรูปร่าง และตรงความต้องการของคุณมากที่สุด ทั้งนี้เพื่อความสะดวกสบายในการเคลื่อนไหวและความมั่นใจของตัวคุณเอง