
มาริโอ บาโลเตลลี่
แม้ว่าสเปนจะคว้าแชมป์ฟุตบอลยูโรได้เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน แต่ดูเหมือนว่า ยูโร 2012 ที่ผ่านมา แฟนบอลจะให้ความสนใจกับ "มาริโอ บาโลเตลลี่" ศูนย์หน้าเชื้อสายกาน่า จากทีมอิตาลีเสียมากกว่า เพราะนอกจากผลงานการยิงประตูในทัวร์นาเมนต์ 3 ประตูแล้ว เขายังมีประวัติพฤติกรรมสุดห่ามทั้งในสนามและนอกสนาม ที่ทำให้แฟนบอลได้ลุ้นกันว่าในยูโรหนนี้ เขาจะทำอะไรแปลก ๆ อีกหรือไม่ และวันนี้เราจะพาไปรู้จักนักเตะสุดฮอตจากยูโร 2012 คนนี้กัน
สำหรับ มาริโอ บาโลเตลลี่ เกิดเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ.1990 ที่เมืองปาแลร์โม ประเทศอิตาลี โดยพื้นเพครอบครัวเป็นชาวคริสเตียนที่อพยพมาจากกาน่า มีพ่อชื่อ โธมัส แม่ชื่อ โรส บาร์วูอาห์ เมื่อบาโลเตลลี่ อายุได้ 2 ขวบ ก็มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้ จนถึงขั้นต้องผ่าตัด หลังจากผ่าตัด ด้วยความที่ครอบครัวบาร์วูอาห์ มีฐานะที่ยากจน จนไม่สามารถรักษามาริโอได้ ทางพ่อกับแม่จึงได้ขอความช่วยเหลือจากทางนักสังคมสงเคราะห์ สุดท้ายมีครอบครัวบาโลเตลลี่ มารับอุปการะมาริโอ ตอนอายุ 3 ขวบ และเมื่อบาโลเตลลี่ อายุ 18 ปี เขาก็ได้สัญชาติอิตาลีโดยสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม สัญญาในการเลี้ยงดูของพ่อแม่บุญธรรมมีเพียงแค่ 12 เดือนเท่านั้น ทว่ามันก็ขยาย ๆ ไปเรื่อย ๆ จนทางครอบครัวบาร์วูอาห์ ไม่สามารถนำมาริโอมาสู่ครอบครัวได้ตามเดิม จนกลายเป็นปัญหาตามมาที่มาริโอจวกครอบครัวเก่าว่า ถ้าหากเขาไม่ใช่นักเตะอินเตอร์ มิลาน ทางครอบครัวบาร์วูอาห์ ก็คงไม่คิดนำเขาคืนสู่ครอบครัวใช่หรือไม่ เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องคาราคาซังที่ยังไม่มีข้อสรุปว่าใครถูกใครผิดกันแน่ แต่ที่แน่ ๆ ล่าสุด บาโลเตลลี่กำลังจะเป็นพ่อคนแล้ว หลังจาก ราฟาเอลล่า แฟนเก่า ตั้งท้องได้ 8 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม บาโลเตลลี่ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นแฟนตั้งท้องว่า ขอพิสูจน์ดีเอ็นเอก่อน เพราะเขาและราฟาเอลล่าได้เลิกกันมาประมาณ 2 เดือนแล้ว ซึ่งถ้าหากเด็กในท้องเป็นลูกเขาจริง เขาพร้อมรับผิดชอบ
ตั้งแต่วัยเด็กของบาโลเตลลี่ เขาต้องพบกับปัญหามากมาย โดยเฉพาะเรื่องการเหยียดสีผิว จนถึงขั้นเคยถามครูว่า หัวใจผมไม่ได้เป็นสีแดงหรือครับ แม้กระทั่งการลงเล่นฟุตบอลในช่วงแรก ๆ ก็มักโดนโห่ เหยียดผิว ปาเปลือกกล้วยใส่ ...สุดท้าย บาโลเตลลี่ ก็ผ่านมันมาได้ โดยมีครอบครัวบุญธรรมให้การสนับสนุนอย่างดีมาโดยตลอด


บาโลเตลลี่ เริ่มต้นการค้าแข้งกับสโมสรลูเมซซาเน่ ทีมจากกัลโช่ เซเรีย ซี1 ในปี 2005 ก่อนจะเซ็นสัญญาเป็นนักเตะของอินเตอร์ มิลาน ทีมดังในกัลโช เซเรีย อา อิตาลี เมื่อปี 2006 หลังจากพลาดหวังจากการทดสอบฝีเท้ากับบาร์เซโลน่า เมื่อตอนอายุ 15 ปี เขาลงเล่นเกมแรกในกัลโช่ เซเรีย อา เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2007 ในเกมพบกับ กายารี่ นอกจากนี้ บาโลเตลลี่ ยังเป็นเจ้าของสถิติ นักเตะของอินเตอร์ ที่ยิงประตูน้อยที่สุดในยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก อีกด้วย ด้วยวัย 18 ปี 85 วัน ในปี 2008
บาโลเตลลี่ อยู่อินเตอร์จนถึงปี 2010 ก็ได้ย้ายไปร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ด้วยค่าตัว 22 ล้านปอนด์ และเป็นการร่วมงานกับโรแบร์โต มันชินี่ กุนซือชาวอิตาเลียนอีกครั้ง หลังจากที่มันชินี่เคยคุมอินเตอร์ ในปี 2004 - 2008 ซึ่งชีวิตการค้าแข้งของบาโลเตลลี่ ที่แมนฯ ซิตี้ ก็สามารถคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ และพรีเมียร์ ลีก ได้อย่างละ 1 สมัย
ด้านผลงานทีมชาติ บาโลเตลลี่ก็เคยได้รับข้อเสนอให้ติดทีมชาติกาน่าชุดใหญ่ แต่บาโลเตลลี่ปฎิเสธไป และเลือกติดทีมชาติอิตาลีชุดอายุต่ำกว่า 21 ปี แทนในปี 2008 และติดทีมชาติอิตาลีชุดใหญ่ เป็นครั้งแรกในปี 2010 ในเกมอุ่นเครื่องที่อิตาลี พบกับ ไอวอรี่ โคสต์


บาโลเตลลี่ ขึ้นชื่อว่า เป็นนักเตะที่เก่งคนหนึ่ง แต่ไร้วินัย และอารมณ์ร้อน ไม่สามารถคาดเดาอารมณ์เขาได้ ซึ่งชาวเน็ตชาวไทยต่างพากันเรียกเขาว่า "เกรียนโอ้" โดยวีรกรรมของ บาโลเตลลี่ ก็สามารถเล่าได้คร่าว ๆ ดังนี้









บาโลเตลลี่ ก็ยังมีอีกมุมหนึ่งที่น่าค้นหา ทำให้คนสงสัยว่า ตกลงเป็นคนเช่นไรกันแน่? เมื่อพบว่า ได้ทำบุญอุปถัมป์โรงเรียนในซูดานใต้ หลังโรงเรียนประสบปัญหาทางด้านการเงินอยู่
นอกจากนี้ บาโลเตลลี่ยังให้การสนับสนุนองค์กร NYPAW (Network of Young People Affected by War) ในการช่วยเหลือเด็กที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม และองค์การการกุศลอื่น ๆ อีกมากมายก่ายกองในถิ่นทุรกันดาร


ยูโร 2012 อาจจะเป็นเวทีที่ใครหลายคนอาจจะได้สัมผัส และรับรู้ตัวตนของมาริโอ บาโลเตลลี่มากขึ้น ตั้งแต่นัดแรกจนถึงนัดชิงชนะเลิศ เริ่มตั้งแต่เกมแรกที่พบกับสเปน ได้โอกาสหลุดเดี่ยวดวลกับผู้รักษาประตู ทว่าบาโลเตลลี่มัวแต่ชักช้าจนน่าหัวเสียสำหรับแฟนบอลอิตาลี เลี้ยงบอลเข้าไปแบบเอื่อย ๆ จนทำให้เซร์คิโอ รามอส กองหลังสเปน ฉกบอลไปได้
ในเกมสุดท้ายรอบแรก ที่พบกับไอร์แลนด์ เอี้ยวตัววอลเลย์หน้าประตูอย่างสวยงาม และขณะกำลังจะดีใจด้วยการตะโกนแหกปากดังลั่น กลับถูกเลโอนาร์โด โบนุชชี่ เพื่อนร่วมทีมวิ่งเข้ามาปิดปากไม่ให้บาโลเตลลี่พูดทันที แม้ว่าโบนุชชี่จะฟังภาษาอังกฤษไม่ออก แต่ก็กลัวว่าบาโลเตลลี่จะพูดอะไรไม่ดีออกมา ทำให้เป็นปัญหาในภายหลัง ซึ่งหลายฝ่ายคาดกันว่า สิ่งที่บาโลเตลลี่จะพูดออกมา คือด่าพวกที่เคยเหยียดผิวของเขา ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า ในอิตาลีมีการเหยียดผิวกันหนักมาก และคาดว่าบาโลเตลลี่คงเจอสิ่งเหล่านี้มาตั้งแต่เล็ก ๆ
รอบรองชนะเลิศ เหมาคนเดียว 2 ประตูช่วยให้อิตาลีชนะเยอรมนี 2-1 แต่สิ่งที่เป็นไฮไลท์คือ หลังจากยิงประตูลูกที่ 2 ที่สวยงาม บาโลเตลลี่กลับดีใจด้วยการถอดเสื้อ พร้อมกับโชว์กล้ามอันแข็งแรงให้ทั่วโลกเห็น จนทำให้แฟนบอลหลายคนนำท่าดีใจของบาโลเตลลี่ไปล้อเลียนต่าง ๆ นานา เช่น เป็นจอมมารบู ในการ์ตูนดรากอนบอล เป็นต้น
แม้ว่าท่าดีใจจะฮา แต่บาโลเตลลี่ก็มีอารมณ์ซึ้ง ด้วยการเข้าไปกอดคุณแม่บุญธรรมหลังจบเกมการแข่งขัน พร้อมกับร้องไห้ บอกแม่ว่า "ประตูนี้ยิงให้แม่" จากนั้นก็ให้สัมภาษณ์นักข่าวที่ถามว่า ทำไมไม่ดีใจหลังจากยิงประตูเยอรมนีได้ บาโลเตลลี่ก็ตอบแบบกวน ๆ ว่า คุณเคยเห็นบุรุษไปรษณีย์ดีใจเวลาส่งจดหมายเสร็จหรือเปล่าล่ะ

รอบชิงชนะเลิศ ที่สเปนถลุงอิตาลียับ 4-0 เราก็ได้เห็นบาโลเตลลี่ ร้องไห้ด้วยสายตาอันแดงก่ำ ทำเอาหลายคนรู้สึกเห็นใจไปตาม ๆ กัน ไม่คิดว่านักเตะที่ดูเกรียน ๆ อย่างบาโลเตลลี่ จะร้องไห้ออกมาได้ ซึ่งทางเซซาร์เร่ ปรันเดลลี่ ผู้จัดการทีมอิตาลี ก็ได้เข้ามาปลอบว่า เรื่องความพ่ายแพ้เป็นประสบการณ์ที่ต้องเจอ และต้องรับมันให้ได้ ยอมรับให้ได้ว่า คู่ต่อสู้เก่งกว่า แล้วนายต้องมั่นใจด้วยว่า ประสบการณ์เหล่านี้จะช่วยให้นายเดินหน้าต่อไป ยังมีนักเตะอีกมากที่เจอเรื่องแบบนี้ และมันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะนี่เป็นความหมายที่แท้จริงของคำว่า กีฬา
และนี่ก็คือเรื่องราวของ มาริโอ บาโลเตลลี่ แบบคร่าว ๆ ซึ่งถือว่าเป็นนักฟุตบอลที่สร้างสีสันให้แก่วงการฟุตบอลเป็นอย่างมาก และผู้อ่านคงจะได้เห็นบาโลเตลลี่ในอีกหลายมุมมากขึ้น จนทำให้หลงรักเขาได้ไม่ยาก




