
น้ำหอมผู้ชายกลิ่นไหนมาแรงในปี 2025
- กลิ่นวู้ดดี้อบอุ่นและหอมหวาน
กลิ่นแนวไม้หอมอย่าง ไม้จันทน์หอม (Sandalwood) และ ไม้สนซีดาร์ (Cedarwood) ยังคงได้รับความนิยม แต่เพิ่มความอบอุ่นและหอมหวานขึ้นด้วยส่วนผสม เช่น วานิลลา ถั่วตองกา และอำพัน ทำให้ได้ความรู้สึกที่น่าดึงดูด อบอุ่น และผ่อนคลาย
- กลิ่นสดชื่นมีชีวิตชีวา
กลิ่นแนวอมตะอย่าง ซิตรัส, มะกรูด, เกรปฟรุต และ ส้มเขียวหวาน (Mandarin Orange) ที่ให้ความสดชื่น ผสมผสานกับกลิ่นบรรยากาศของทะเล (Marine Notes) หรือกลิ่นเขียว (Green Notes) เพื่อเพิ่มความซับซ้อนน่าสนใจ
- กลิ่นเครื่องเทศและหนัง
เป็นแนวกลิ่น Spicy อย่าง กระวาน (Cardamom) และ พริกไทยชมพู (Pink Pepper) เพิ่มความน่าสนใจ มีเสน่ห์ น่าค้นหา ในขณะที่กลิ่นหนัง (Leather) จะเสริมความเข้มแบบผู้ชายติดหรู
- กลิ่นเลียนแบบของหวาน (Gourmand)
กลิ่นหอมหวานแนวขนมอย่าง คาราเมล (Caramel) หรือ เกาลัด (Chestnut) ยังคงมีให้เห็น แต่จะถูกปรับให้ซับซ้อนและไม่หวานเลี่ยนเกินไป โดยอาจจะผสมกลิ่นแนวแอลกอฮอล์ (Boozy Notes) อย่าง เหล้ารัม (Rum) หรือ วิสกี้ (Whiskey) เป็นต้น
10 น้ำหอมผู้ชายยอดนิยม 2025 ยี่ห้อไหนดี
1. Bleu de Chanel
Bleu de Chanel ของ Chanel เป็นน้ำหอมสำหรับผู้ชายที่ให้กลิ่นอายของไม้หอมและอะโรมาติก ผู้ที่อยู่เบื้องหลังน้ำหอมนี้คือ Jacques Polge แม้จะเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2010 แต่ปัจจุบัน Bleu de Chanel ก็ยังได้รับความนิยมอยู่มาก
- Top Note : เกรปฟรุต, มะนาว, มินต์ และพริกไทยชมพู
- Middle Note : ขิง, ลูกจันทน์เทศ, มะลิ และสารสังเคราะห์ Iso E Super
- Base Note : ธูป, ไม้, มอสส์, วาติเวอร์, ซีดาร์, ไม้จันทน์หอม, พิมเสน, แล็บดานัม และมัสก์ขาว

ภาพจาก : chanel.com
2. Creed Aventus
น้ำหอมแบรนด์เก่าแก่ กับแนวกลิ่นที่แสดงออกถึงความแข็งแกร่ง มีวิสัยทัศน์ และชัยชนะหรือการประสบความสำเร็จ บนขวดจะมีสัญลักษณ์ม้าและคนขี่สีเงิน โดยเอกลักษณ์คือจะคัดเลือกส่วนผสมที่ดีที่สุดด้วยมือเพื่อปรุงกลิ่นหอมเร้าใจ มีความเป็นชาย และมองโลกในแง่ดี
- Top Note : แบล็กเคอแรนต์, เบอร์กาม็อต, แอปเปิล, เลมอน และพริกไทยสีชมพู
- Middle Note : สับปะรด, พิมเสน และมะลิโมร็อกโก
- Base Note : ไม้เบิร์ช, มัสก์, โอ๊คมอส, อำพัน, แอมบรอกแซน และไม้สนซีดาร์

ภาพจาก : creedboutique.com
3. Dior Sauvage Eau Forte
น้ำหอมแนวสดชื่นแต่แฝงความเผ็ดร้อน และเป็นสูตรใหม่แบบปราศจากแอลกอฮอล์ แต่จะผสมผสานเครื่องเทศเย็น ลาเวนเดอร์ฟอกสี และไม้หอมมัสกี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากพลังธรรมชาติอย่างมวลของน้ำ สร้างสรรค์เป็นน้ำหอมที่มีความเข้มข้นสูงและเป็นสีน้ำนม
- Top Note : เรซินสกัดจากไม้, Manila Elemi และเครื่องเทศ
- Middle Note : ลาเวนเดอร์
- Base Note : มัสก์และไม้

ภาพจาก : dior.com
4. Acqua di Giò Profondo
น้ำหอมจากแบรนด์ Giorgio Armani ให้กลิ่นหอมแบบอะโรมาของเฟิร์น กลิ่นนี้เปิดตัวในปี 2020 เหมาะสำหรับหน้าร้อน และเป็นกลิ่นที่เหมาะใช้ระหว่างวันเป็นหลัก
- Top Note : Sea Notes, Aquozone, มะกรูด และส้มแมนดารินเขียว
- Middle Note : โรสแมรี, ลาเวนเดอร์, สนไซเปรส และใบเลนทิสค์
- Base Note : Mineral Note, มัสก์, พิมเสน และอำพัน

ภาพจาก : giorgioarmanibeauty-usa.com
5. Tom Ford Oud Wood
น้ำหอมกลิ่น Unisex แนว Private Blend คอลเล็กชั่นพิเศษของ Tom Ford จะใช้แบบเดี่ยว ๆ หรือฉีดร่วมกับน้ำหอมอื่นในคอลเล็กชั่นก็ได้ ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงผู้ชื่นชอบกลิ่นอย่างแท้จริง เหมาะใช้ในฤดูหนาวหรือฤดูฝน และกลิ่นนี้ยิ่งเหมาะมากโดยเฉพาะงานกลางคืนแบบผู้ชายสายเซ็กซี่มีระดับ
- ส่วนผสมหลัก : ไม้, ไม้หอม, Agarwood (OUD), เครื่องเทศน์กลิ่นร้อน, อะโรมา, วานิลลา, น้ำส้มสายชู, เครื่องเทศกลิ่นสดชื่น, อำพัน, กลิ่นแป้ง และกลิ่นหอมหวาน

ภาพจาก : tomford.com
6. Jean Paul Gaultier Scandal Pour Homme
น้ำหอมกลิ่นพรรณไม้ตะวันออก โดยเริ่มต้นด้วยกลิ่นสดชื่นของเซจและส้มแมนดาริน ต่อด้วยกลิ่นถั่วตองกา เพื่อสร้างกลิ่นที่น่าลิ้มลอง ตามด้วยกลิ่นหญ้าแฝก ใช้นำเสนอถึงความมีชีวิตชีวาของต้นหญ้าที่เพิ่งตัดใหม่ ๆ น้ำหอมตัวนี้จัดอยู่ในกลุ่มที่สามารถใช้ได้ทุกโอกาส
- Top Note : ส้มแมนดารินและคลารีเสจ (Clary Sage)
- Middle Note : คาราเมลและถั่วตองกา
- Base Note : หญ้าแฝก

ภาพจาก : jeanpaulgaultier.com
7. Yves Saint Laurent Y Le Parfum
น้ำหอมกลิ่นแนวอโรมาติก-วู้ดดี้ ที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ เริ่มจากกลิ่นมะกรูดที่สดชื่น และความเผ็ดร้อนของขิงให้ความรู้สึกมีพลัง ตามด้วยกลิ่นเข้มข้นของสน (Balsam Fir) น้ำส้มสายชู ผลไม้ ผสมผสานกับการบูร รวมถึงใบสนที่ให้กลิ่นเย็น และดอกเจอเรเนียม Ourika ซึ่งปลูกในโมร็อกโก กลิ่นดิน พิมเสน และอำพันที่อบอุ่น เป็นจุดเด่นของส่วนผสมนี้
- Top Note : ขิงและมะกรูด
- Middle Note : สน Balsam Fir, สน Pine Needle และดอกเจอเรเนียม
- Base Note : อำพันและพิมเสน

ภาพจาก : yslbeautyth.com
8. Montblanc Explorer
น้ำหอมผู้ชายที่บอกเล่าเรื่องราวของการผจญภัย การแสวงหาความเป็นเลิศ การท้าทายขนบธรรมเนียม และการสำรวจโลก ด้วยการออกเดินทางสุดมหัศจรรย์ด้วยกลิ่นซึ่งมีส่วนผสมที่หายากและวิธีการผลิตที่ผสมผสานงานฝีมือเข้ากับเทคโนโลยี มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของไม้หอมและหนังที่ผสมผสานกับกลิ่นมะกรูดและหญ้าแฝกจากเฮติ รวมถึงแพทชูลี่จากอินโดนีเซีย
- Top Note : มะกรูด, พริกไทยสีชมพู และคลารีเสจ (Clary Sage)
- Middle Note : หญ้าแฝกและหนัง
- Base Note : แอมบรอกแซน, ไม้กฤษณา, แพทชูลี่ (พิมเสนอินโดนีเซีย) และโกโก้

ภาพจาก : montblanc.com
9. Paco Rabanne 1 Million Royal
น้ำหอมผู้ชายที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจ ด้วยความหอมอันเป็นเอกลักษณ์จากกลิ่นไม้สดชื่นหรูหรา ผสมผสานกับความเย้ายวนเฉพาะตัว ซึ่งให้กลิ่นที่โดดเด่นโดยไม่ต้องตามกระแสหรือเหมือนใคร
- Top Note : กระวาน, ส้มเขียวหวาน และมะกรูด
- Middle Note : ลาเวนเดอร์, ดอกสวีตไวโอเล็ต และเสจ (Sage)
- Base Note : กำยาน, สนซีดาร์ และแพทชูลี่

ภาพจาก : rabanne.com
10. Prada Luna Rossa Carbon
น้ำหอมผู้ชายที่ให้กลิ่นหอมแนว Aromatic Fougere ถึงแม้ว่าเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2017 แต่ก็ยังคงเป็นที่นิยมในปัจจุบัน ให้กลิ่นละมุน มีความสปอร์ต สดชื่น ทันสมัย ใช้ได้เกือบทุกฤดู โดยเฉพาะหน้าร้อนและหน้าฝน รวมถึงเป็นกลิ่นกลางวันที่สามารถใช้ตอนกลางคืนได้ เหมาะสำหรับหลายโอกาสด้วย
- Top Note : มะกรูดและพริกไทย
- Middle Note : ลาเวนเดอร์, โลหะ, Watery Notes (กลิ่นธรรมชาติผสมกลิ่นสังเคราะห์ระหว่างไม้น้ำ หญ้า และน้ำ เป็นต้น), ถ่าน และ Earth Tincture (น้ำมันหอมระเหยที่ผู้ปรุงน้ำหอมใช้เพื่อให้กลิ่นหอมของดิน เช่น กลิ่นจากการทำสวนหรือฝุ่นละออง)
- Base Note : แอมบรอกแซนและแพทชูลี่

ภาพจาก : prada-beauty.com