แนะนำแท็บเล็ต 2023 รุ่นไหนดี เรารวบรวมมาให้แล้ว มีให้เลือกตั้งแต่แท็บเล็ตราคาหลักพันยันหลักหมื่น ใช้บันเทิงก็ได้ ใช้ทำงานก็ดี
ใครที่กำลังมองหาแท็บเล็ตสักเครื่องสำหรับไว้ใช้ทำงานต่าง ๆ เพราะสามารถใช้ได้สะดวก ด้วยหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ จะใช้แต่งรูป ตัดต่อวิดีโอ ทำงานกราฟิก หรือดูหนัง เล่นเกม ก็ภาพชัดเต็มตา แต่อาจจะไม่รู้ว่ามีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง วันนี้เราจึงได้รวบรวมแท็บเล็ต 2023 ยี่ห้อต่าง ๆ ที่กำลังจำหน่ายในช่วงปีนี้มาแนะนำกัน ส่วนจะมีรุ่นไหนบ้างนั้นขอชวนเพื่อน ๆ ตามไปดูกันเลย
แท็บเล็ต 2023 รุ่นไหนดี
1. Samsung Galaxy Tab S9 FE Series
แท็บเล็ตสเปกระดับเรือธงที่เป็นรุ่นรองจาก Galaxy Tab S9 Series โดยตัวท็อปอย่าง Galaxy Tab S9 FE+ จะมีหน้าจอขนาด 12.4 นิ้ว ความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล รองรับ Refresh Rate 90Hz แสดงภาพได้ลื่นไหล ใช้ชิปประมวลผล Exynos 1380 แรม 8GB ความจุ 128GB กล้องหลังคู่ 8MP กล้องหน้า 12MP แบตเตอรี่ 10090mAh รองรับชาร์จเร็ว 45W มีคุณสมบัติกันน้ำ IP68 และมีปากกา S-Pen ให้มาพร้อมเครื่อง
- Galaxy Tab S9 FE Wi-Fi ราคา 16,990 บาท
- Galaxy Tab S9 FE 5G ราคา 19,990 บาท
- Galaxy Tab S9 FE+ Wi-Fi ราคา 23,900 บาท
- Galaxy Tab S9 FE+ 5G ราคา 27,900 บาท
2. Lenovo Tab P12
แท็บเล็ต Lenovo หน้าจอขนาด 12.7 นิ้ว ความละเอียดระดับ 3K 2944 x 1840 พิกเซล แสดงภาพได้ละเอียดคมชัด ใช้ชิปประมวลผล Dimensity 7050 แรม 8GB ความจุ 256GB สามารถใส่ microSD เพิ่มความจุได้สูงสุด 1TB กล้องหลัง 8MP กล้องหน้า 13MP แบตเตอรี่ 10200mAh รองรับชาร์จเร็ว 30W และรันระบบปฏิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย ZUI 15 โดยจะมีคีย์บอร์ดและปากกาให้มาพร้อมกับตัวเครื่อง
- ราคา 15,990 บาท
3. Redmi Pad SE
แท็บเล็ตราคาประหยัดที่ตัวเครื่องเป็นยูนิบอดี้อะลูมิเนียมอัลลอย มาพร้อมหน้าจอถนอมสายตาขนาด 11 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับ Refresh Rate 90Hz แสดงภาพได้ลื่นไหล ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 680 แรม 6GB ความจุ 128GB รองรับการใส่ microSD เพิ่มได้สูงสุด 1TB กล้องหลัง 8MP กล้องหน้า 5MP แบตเตอรี่ 8000mAh มีลำโพง 4 ตัว ระบบเสียง Dolby Atmos และรันระบบปฏิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย MIUI Pad 14
- ราคา 5,999 บาท
4. Xiaomi Pad 6
แท็บเล็ต Xiaomi ที่มีหน้าจอแบบถนอมสายตาขนาด 11 นิ้ว ความละเอียด WQHD+ รองรับ Refresh Rate 144Hz ทำให้สามารถแสดงผลภาพเคลื่อนไหวขณะใช้งานหรือเล่นเกมได้ลื่นไหล ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 870 เร็วแรง แรม 8GB ความจุ 128GB/256GB กล้องหลัง 13MP กล้องหน้า 8MP แบตเตอรี่ 8840mAh เล่นวิดีโอได้นานสูงสุด 16 ชั่วโมง รองรับชาร์จเร็ว 33W (แต่ต้องซื้อที่ชาร์จแยก) มีลำโพง 4 ตัว ระบบเสียงสเตอริโอ รองรับ Dolby Vision และ Dolby Atmos รองรับ Wi-Fi 6 และรันระบบปฏิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย MIUI 14
- รุ่นความจุ 128GB ราคา 10,990 บาท
- รุ่นความจุ 256GB ราคา 12,990 บาท
5. Samsung Galaxy Tab S9 Series
แท็บเล็ตเรือธงจาก Samsung โดยรุ่นท็อปอย่าง Galaxy Tab S9 Ultra จะมาพร้อมหน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ขนาดใหญ่ถึง 14.6 นิ้ว รองรับ HDR10+ และ Refresh Rate 120Hz เพื่อการแสดงผลที่สีสดและไหลลื่น ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 8 Gen 2 รองรับ 5G ทำให้เล่นเกมได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยประหยัดพลังงาน กล้องหลังคู่ Main 13MP + Ultrawide 8MP กล้องหน้าคู่ Main 12MP + Ultrawide 12MP มีคุณสมบัติกันน้ำ-กันฝุ่น IP68 แบตเตอรี่ 11,200mAh โดยจะมีปากกา S Pen ให้มาในกล่องด้วย
- Galaxy Tab S9 ราคาเริ่มต้น 28,900 บาท
- Galaxy Tab S9+ ราคาเริ่มต้น 35,900 บาท
- Galaxy Tab S9 Ultra 5G ราคาเริ่มต้น 49,900 บาท
6. HUAWEI MatePad 11.5-inch
แท็บเล็ต HUAWEI ที่มาพร้อมหน้าจอ IPS ขนาด 11.45 นิ้ว ความละเอียด 2200x1440 พิกเซล รองรับ Refresh Rate 120Hz ที่ทำให้แสดงภาพเคลื่อนไหวได้ลื่นไหล ใช้ชิปประมวลผลรุ่นใหม่อย่าง Snapdragon 7 Gen 1 แรม 6GB ความจุ 128GB กล้องหลัง 13MP กล้องหน้า 8MP มุมกว้าง 105° พร้อมฟีเจอร์ FollowCam ช่วยโฟกัสเมื่อเคลื่อนไหวไป-มาระหว่างวิดีโอคอล แบตเตอรี่ 7700mAh มีลําโพง 4 ตัว ระบบเสียง HUAWEI Histen 8.1 รองรับการใช้งานร่วมกับปากกา HUAWEI M-Pencil และรันระบบปฏิบัติการ HarmonyOS 3.1
- ราคา 9,990 บาท
7. HONOR Pad X8
แท็บเล็ต HONOR หน้าจอขนาด 10.1 นิ้ว ความละเอียด FHD ใช้ชิปประมวลผล MediaTek MT8786 แรม 4GB ความจุ 64GB กล้องหลัง 5MP กล้องหน้า 2MP แบตเตอรี่ 5100mAh ลำโพงระบบเสียงสเตอริโอ มีเทคโนโลยี Eye Protection เพื่อช่วยในการถนอมสายตาขณะใช้งาน ตัวเครื่องบางเพียง 7.55 มม. เบาเพียง 460 กรัม และรันระบบปฏิบัติการ Android S ครอบทับด้วย MagicUI 6.1
- ราคา 6,999 บาท
8. HUAWEI MatePad Pro 12.6-inch (2022)
แท็บเล็ต HUAWEI หน้าจอ OLED ขนาดใหญ่ 12.6 นิ้ว ความละเอียด 2560x1600 พิกเซล รองรับ Refresh Rate 120Hz เพื่อการแสดงภาพที่ลื่นไหล ใช้ชิปประมวลผล HUAWEI Kirin 9000E แรม 8GB ความจุ 256GB กล้องหลังคู่ 13MP + 8MP พร้อมกล้องตรวจจับความลึก 3D กล้องหน้า 8MP แบตเตอรี่ 10,050mAh รองรับ 40W HUAWEI SuperCharge และชาร์จไร้สาย 27W มีลำโพง 8 ตัว รองรับการใช้งานร่วมกับปากกา HUAWEI M-Pencil (รุ่นที่ 2) รันระบบปฏิบัติการ HarmonyOS 3
- ราคา 28,990 บาท
9. iPad (Gen 10)
iPad รุ่นที่ 10 ปี 2022 มาพร้อมหน้าจอ Liquid Retina ขนาด 10.9 นิ้ว ความละเอียด 264ppi ความจุสูงสุด 256GB ใช้ชิปประมวลผล A14 Bionic กล้องหลัง 12MP กล้องหน้า Ultrawide 12MP ลำโพงสเตอริโอ รองรับ Wi-Fi 6 และ 5G (เฉพาะรุ่น Cellular) แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้นานสูงสุด 9-10 ชั่วโมง และรันระบบปฏิบัติการ iPadOS 16
- รุ่นความจุ 64GB ราคา 17,900 บาท
- รุ่นความจุ 256GB ราคา 23,900 บาท
10. iPad Pro (2022)
iPad Pro รุ่นปี 2022 ที่มีให้เลือกทั้งรุ่นหน้าจอ Liquid Retina ขนาด 11 นิ้ว และหน้าจอ Liquid Retina XDR ขนาด 12.9 นิ้ว ความละเอียด 264ppi ความจุสูงสุด 2TB ใช้ชิปประมวลผล Apple M2 กล้องหลังคู่ Main 12MP + Ultrawide 10MP กล้องหน้า TrueDepth Ultrawide 12MP ระบบเสียง 4 ลำโพง รองรับ Wi‑Fi 6E และ 5G (เฉพาะรุ่น Cellular) แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้นานสูงสุด 9-10 ชั่วโมง และรันระบบปฏิบัติการ iPadOS 16
- รุ่น 11 นิ้ว ราคาเริ่มต้น 32,900 บาท
- รุ่น 12.9 นิ้ว ราคาเริ่มต้น 44,900 บาท
วิธีเลือกซื้อแท็บเล็ต
ในการจะเลือกซื้อแท็บเล็ตมาใช้งานสักเครื่องนั้นก็มีสิ่งที่ควรพิจารณาหลายอย่างด้วยกัน เพื่อให้ได้รุ่นและยี่ห้อที่ดีมีคุณภาพ เหมาะสมกับลักษณะการใช้งาน โดยมีหลักวิธีเลือกซื้อดังต่อไปนี้
1. ยี่ห้อ
บางคนอาจจะมียี่ห้อแท็บเล็ตในใจที่ชื่นชอบเป็นการส่วนตัวอยู่แล้วไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ก็สามารถเจาะจงเลือกซื้อรุ่นของแบรนด์นั้น ๆ ได้เลย หรือถ้าใครยังไม่มี อาจพิจารณาจากชื่อเสียงของแต่ละแบรนด์ รวมถึงการรับประกันและบริการหลังการขายร่วมด้วย หรือถ้าคุณเป็นผู้ใช้ iOS ก็คงต้องเลือกซื้อแต่เฉพาะ iPad เท่านั้น
2. สเปก
ให้พิจารณาดูว่าต้องการซื้อมาใช้งานอะไรบ้าง ถ้าใช้งานทั่วไปก็อาจไม่จำเป็นต้องซื้อรุ่นแพง สเปกแรงมาก โดยเลือกรุ่นประหยัดราคาหลักพันก็เพียงพอแล้ว แต่หากจะเน้นเล่นเกมหรือทำงานด้านกราฟิกก็อาจเลือกรุ่นที่มีซีพียูแรง ๆ แรมเยอะ ๆ แบตเตอรี่อึด ๆ หน่อย นอกจากนี้สเปกอื่น ๆ ก็เลือกตามที่ชอบเลย เช่น หน้าจอใหญ่ กล้องหน้า-กล้องหลัง รวมทั้งฟีเจอร์เสริมอย่างการสแกนลายนิ้วมือ-ใบหน้า รองรับปากกาสไตลัส และลูกเล่นอื่น ๆ
3. ดีไซน์
ถัดจากสเปกก็มาดูที่ดีไซน์หน้าตาตัวเครื่องกันต่อว่าสวยถูกใจแค่ไหน ขนาดและรูปทรงตัวเครื่องเป็นแบบที่ชอบหรือไม่ รวมทั้งสีสันตัวเครื่องที่แต่ละรุ่นจะมีให้เลือกแตกต่างกันไป แต่หากเป็นรุ่นที่มีหน้าจอขนาดใหญ่จะทำให้ตัวเครื่องใหญ่ตามไปด้วย ซึ่งอาจทำให้พกพาได้ลำบากกว่ารุ่นที่มีหน้าจอเล็กกะทัดรัด
4. ราคา
แท็บเล็ตรุ่นที่สเปกสูง ๆ ก็มักจะมีราคาที่สูงตามไปด้วย ซึ่งถ้าหากคุณมีงบที่ค่อนข้างจำกัดก็คงเลือกรุ่นที่มีสเปกและคุณสมบัติเพียงพอกับลักษณะการใช้งาน หรืออาจตัดสินใจเพิ่มเงินอีกหน่อยถ้ารุ่นที่มีสเปกตามต้องการแพงเกินกว่างบที่ตั้งไว้ แต่ยังอยู่ในระดับที่รับไหว นอกจากนี้ยังสามารถหาซื้อเครื่องมือสองเป็นอีกทางเลือกหนึ่งได้
อย่างไรก็ตาม ราคาของแท็บเล็ตแต่ละรุ่นอาจแตกต่างจากราคาที่ได้ระบุไว้ ขึ้นอยู่กับแต่ละร้านค้าตัวแทนจำหน่ายและโปรโมชั่นต่าง ๆ เพราะฉะนั้นอย่าลืมตรวจสอบราคากันอีกครั้งก่อนตัดสินใจซื้อด้วยนะครับ
บทความเกี่ยวข้องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : samsung.com, huawei.com, lenovo.com, hihonor.com, apple.com, realme.com, mi.com