สมาร์ตวอตช์วัดออกซิเจนในเลือด มีรุ่นไหนน่าใช้ ราคาเท่าไหร่บ้าง

สมาร์ตวอตช์วัดออกซิเจนในเลือด ยี่ห้อไหนดี รุ่นไหนน่าใช้ แนะนำการเลือกซื้อนาฬิกาวัดออกซิเจนในเลือด เช็กอาการป่วย Covid-19 จากค่าออกซิเจนในเลือดเบื้องต้นด้วยตัวเอง

จากสถานการณ์ โควิด 19 ระบาดในประเทศไทยที่ทำให้ผู้คนเกิดความกังวล โดยเฉพาะผู้ที่พบว่าตัวเองติดเชื้อแล้วแต่ก็ไม่สามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลได้เนื่องจากเตียงเต็ม จึงต้องสังเกตอาการอยู่ที่บ้าน ซึ่งเบื้องต้นสามารถใช้อุปกรณ์สำหรับวัดระดับออกซิเจนในเลือดเพื่อประเมินอาการด้วยตัวเองได้ เพราะถ้าหากเชื้อไวรัสเริ่มลงปอดจนหายใจลำบาก ระดับออกซิเจนในเลือดก็จะลดต่ำลงด้วย จะได้รู้ตัวและรีบพบแพทย์ทันที

นอกจากนี้ ในผู้ป่วยโควิด 19 บางคนมีภาวะ Happy Hypoxemia หรือ Silent Hypoxemia คือ เชื้อลงปอดแล้วแต่ไม่มีอาการหอบเหนื่อยใด ๆ เลย จึงไม่ทันรู้ตัว มักพบในคนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง คนกลุ่มนี้มีโอกาสที่อาการจะทรุดลงอย่างรวดเร็วและเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเนื่องจากเข้ารับการรักษาช้า ดังนั้น การตรวจวัดความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดจะเป็นสัญญาณหนึ่งที่ช่วยประเมินได้ว่าปอดอาจทำงานผิดปกติแล้ว

สำหรับการวัดค่าออกซิเจนในเลือดนั้น นอกจากจะใช้อุปกรณ์อย่าง เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว แล้ว สมาร์ตวอตช์หลาย ๆ รุ่นก็ยังมีฟังก์ชันสำหรับวัดออกซิเจนในเลือดให้ใช้ได้อีกเช่นกัน

วิธีเลือกซื้อสมาร์ตวอตช์ ต้องดูอะไรบ้าง

  • ดีไซน์ - เลือกดีไซน์ที่ชอบและขนาดที่เหมาะกับตัวเอง

  • ฟังก์ชันการใช้งาน - ตามที่ต้องการใช้งาน เช่น วัดการเต้นของหัวใจ ออกซิเจนในเลือด

  • ราคา - ตามงบที่มี ยิ่งฟังก์ชันเยอะ แบรนด์ดัง ราคายิ่งสูง

  • คุณภาพ - วัสดุ ความแข็งแรงทนทาน สวมใส่สบาย

ค่าออกซิเจนในเลือดคืออะไร บอกอะไรเราได้บ้าง

โดยปกติแล้วค่าระดับออกซิเจนในเลือดควรจะอยู่ที่ 95% ขึ้นไป แต่ถ้าหากต่ำกว่านั้นก็แปลว่าร่างกายจะได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ จนอาจเกิดภาวะพร่องออกซิเจน ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากระดับออกซิเจนในเลือดต่ำกว่า 90% อาจเกิดจากร่างกายติดเชื้อที่ปอด อย่างเช่นเชื้อไวรัส Covid-19 เนื่องจากเมื่อปอดทำงานไม่ปกติ มีเชื้ออุดกั้นถุงลมปอด จะทำให้การแลกเปลี่ยนและลำเลียงออกซิเจนไม่ดี จึงส่งออกซิเจนไปยังกระแสเลือดน้อยกว่าปกตินั่นเอง

วัดออกซิเจนในเลือด

สมาร์ตวอตช์วัดออกซิเจนในเลือด ยี่ห้อไหนดี

1. Apple Watch Series 6

วัดออกซิเจนในเลือด

ภาพจาก apple.com

สมาร์ตวอตช์รุ่นล่าสุดของแอปเปิล ที่มาพร้อมหน้าจอ Retina Display แบบ Always-on มีความสว่างมากกว่าเดิม 2.5 เท่า ใช้ชิปประมวลผล S6 ที่แรงกว่ารุ่นก่อนหน้า 20% มีเซ็นเซอร์สำหรับวัดระดับออกซิเจนในเลือด พร้อมแจ้งเตือนเมื่อร่างกายมีระดับออกซิเจนต่ำเกินไป นอกจากนี้ยังมีตัวเรือนแบบอะลูมิเนียมสีใหม่ (PRODUCT) RED และสีน้ำเงิน รวมทั้งสายแบบ Solo Loop ที่ไร้รอยต่อ ไม่มีหัวล็อกหรือตัวล็อกใด ๆ ให้เห็น นอกจากนี้ยังมีหน้าปัดแบบใหม่ ๆ ให้ปรับแต่งได้เพิ่มเติมอีกด้วย

ราคาเริ่มต้น 13,400 บาท

2. Samsung Galaxy Watch 3

วัดออกซิเจนในเลือด

ภาพจาก samsung.com

สมาร์ตวอตช์ Samsung ที่มาพร้อมความพิเศษด้วยขอบตัวเรือนหมุนได้เพื่อความสะดวกในการใช้งานแอปฯ ต่าง ๆ หน้าจอมีขนาดใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้า แต่ยังคงความเบาและบาง สวมใส่ได้สบาย สายนาฬิกาเป็นหนังแท้ ดูมีความเป็นพรีเมียม พร้อมฟีเจอร์ด้านสุขภาพและฟิตเนสต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจจับการนอนหลับ ตรวจจับการออกกำลังกายกว่า 120 รายการ และมีฟีเจอร์ประมาณค่าระดับ SpO2 หรือปริมาณออกซิเจนในกระแสเลือด ช่วยแจ้งเตือนปัญหาสุขภาพ รวมทั้งการแสดงแจ้งเตือนและอ่านข้อความต่าง ๆ จากโทรศัพท์มือถือ

ราคาเริ่มต้น 12,900 บาท

3. Huawei Band 6

วัดออกซิเจนในเลือด

ภาพจาก huawei.com

Huawei Band 6 สมาร์ตวอตช์หน้าจอ FullView ขนาดใหญ่ 1.47 นิ้ว ความละเอียดจอ 194x368 พิกเซล (282 PPI) ดีไซน์สวยงามทันสมัย หน้าปัดเลือกเปลี่ยนได้หลากหลายสไตล์ รองรับโหมดออกกำลังกาย 96 โหมด สามารถวัดค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดหรือค่า SpO2 รวมทั้งสามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ แถมด้วยฟังก์ชันการวัดรอบเดือนสำหรับคุณผู้หญิง มีแบตเตอรี่ขนาด 180mAh ที่สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานสูงสุดถึง 14 วัน และมาพร้อมระบบชาร์จเร็วที่ชาร์จเพียง 5 นาที ก็สามารถใช้งานได้นานถึง 2 วัน และชาร์จเต็มได้ภายในเวลาเพียง 65 นาที

ราคา 1,899 บาท

4. realme Watch

วัดออกซิเจนในเลือด

ภาพจาก realme.com

สมาร์ตวอตช์รุ่นแรกจาก realme ที่มาพร้อมหน้าจอสีขนาดใหญ่ 1.4 นิ้ว ความละเอียดสูงถึง 320 x 320 พิกเซล เลือกเปลี่ยนดีไซน์หน้าปัดได้ตามสไตล์ที่ชื่นชอบ สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบเรียลไทม์และวัดระดับออกซิเจนในเลือด ติดตามทุกกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ช่วยดูแลสุขภาพของผู้ใช้ตลอด 24 ชม. พร้อมการแจ้งเตือนอัจฉริยะและโหมดออกกำลังกายมากถึง 14 โหมด แถมยังมีปุ่มสำหรับใช้ควบคุมเพลงและกล้องมือถืออีกด้วย

ราคาเริ่มต้น 1,999 บาท

5. Fitbit Versa 3

วัดออกซิเจนในเลือด

ภาพจาก fitbit.com

สมาร์ตวอตช์ที่เน้นเจาะกลุ่มคนชอบออกกำลังกายด้วยฟีเจอร์ด้านฟิตเนสต่าง ๆ รวมทั้งการตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ วัดออกซิเจนในเลือด (SpO2) และตรวจจับการนอนหลับ รองรับ GPS สามารถระบุตำแหน่งและเส้นทางบนแผนที่ได้อย่างแม่นยำ แสดงแจ้งเตือนและรับ-ส่งข้อความจากโทรศัพท์มือถือได้ ภายในมีแบตเตอรี่ที่สามารถอยู่ได้นานถึง 6 วัน นอกจากนี้ยังสามารถเปิดเพลงฟังได้อีกด้วย

ราคา 9,190 บาท

6. Amazfit GTR 2

วัดออกซิเจนในเลือด

ภาพจาก amazfit.com

สมาร์ตวอตช์ดีไซน์คลาสสิก มาพร้อมหน้าปัดแบบวงกลม ขอบข้างโค้งแบบ 3D ไร้ขอบ เป็นหน้าจอ AMOLED ขนาด 1.39 นิ้ว สามารถเลือกหน้าปัดได้หลากหลายสไตล์ แสดงเข็มบอกเวลาแบบ Always-On Display ได้ มีฟีเจอร์ด้านสุขภาพและฟิตเนสครบครัน ช่วยตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจและแจ้งเตือนความผิดปกติให้ 24 ชั่วโมง แถมยังวัดระดับออกซิเจนในเลือดได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถเล่นเพลงได้ในตัว แบตเตอรี่อึด อยู่ได้นานถึง 14 วัน

ราคา 6,299 บาท

7. Garmin Venu SQ

วัดออกซิเจนในเลือด

ภาพจาก garmin.co.th

สมาร์ตวอตช์เน้นออกกำลังกายและฟังเพลง มีทั้งโหมดออกกำลังกายต่าง ๆ โหมดติดตามสุขภาพ และสามารถโหลดเพลงที่ชอบรวมเก็บไว้เป็นเพลย์ลิสต์ได้ในตัว ทำให้สามารถฟังเพลงได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับมือถือ พร้อมฟีเจอร์ตรวจวัดสุขภาพต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง ใช้เทคโนโลยี elevated heart rate เพื่อบันทึกข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ, ออกซิเจนในเลือด, ความถี่และความเครียดของการหายใจ อีกทั้งยังกันน้ำได้ถึง 50 เมตร

ราคาเริ่มต้น 8,490 บาท

นอกจากนี้ใครที่มีมือถือ Samsung Galaxy ตระกูล S และ Note รุ่นเก่าหน่อย ก็จะมีเซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือดติดเครื่องมาให้ใช้ได้เช่นกัน (ปัจจุบันรุ่นล่าสุดไม่มีเซ็นเซอร์นี้แล้ว) โดยสามารถดูรายละเอียดวิธีการวัดได้ที่บทความ วิธีวัดค่าออกซิเจนในเลือดด้วยมือถือ Samsung รุ่นไหนทำได้บ้าง

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สมาร์ตวอตช์วัดออกซิเจนในเลือด มีรุ่นไหนน่าใช้ ราคาเท่าไหร่บ้าง อัปเดตล่าสุด 29 พฤษภาคม 2566 เวลา 17:56:04 31,051 อ่าน
TOP
x close