การโจมตี DDoS คืออะไร ? มาทำความรู้จักกับการโจมตีแบบ DDoS ที่เป็นหนึ่งในสาเหตุของเว็บล่มกัน
ในยุคนี้นอกจากเทคโนโลยีและโลกออนไลน์จะพัฒนาก้าวล้ำไปเรื่อย ๆ แล้ว ผู้ร้ายในโลกไซเบอร์หรือที่เราเรียกกันว่าแฮกเกอร์นั้นก็มีการพัฒนามากขึ้นด้วยเช่นกัน ทำให้มีภัยคุกคามเกิดขึ้นในโลกออนไลน์อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งนอกจากการคุกคามผู้ใช้ทั่วไปแล้ว บรรดาเว็บไซต์และบริการของบริษัทต่าง ๆ ก็มีโอกาสโดนคุกคามด้วยเช่นกัน อย่างที่เราเคยเห็นกันเมื่อเว็บไซต์หรือบริการต่าง ๆ โดนแฮกหรือโดนโจมตีจนระบบล่ม ซึ่งหนึ่งในวิธีโจมตีที่เราพบเห็นกันได้บ่อย ๆ ก็คือ DDoS แต่หลายคนก็อาจจะยังไม่ค่อยรู้ว่า DDoS นั้นคืออะไร มันเป็นยังไงกันแน่ วันนี้เราจะมาอธิบายให้เข้าใจแบบง่าย ๆ กัน
การโจมตีแบบ DDoS นั้นย่อมาจาก Distributed Denial of Service
เป็นการโจมตีเว็บไซต์หรือบริการด้วยการส่งการเชื่อมต่อหรือคำขอในการเข้าถึงข้อมูลจำนวนมาก
ๆ พร้อม ๆ กัน ซึ่งโดยปกติแล้วเว็บไซต์ต่าง ๆ
จะทำเซิร์ฟเวอร์ให้มีขนาดมากพอสำหรับรองรับผู้ใช้ในปริมาณที่เหมาะสม เช่น
อาจสามารถรองรับให้คนเข้ามาดูเว็บไซต์ได้พร้อมกัน 1 แสนคนในยามปกติ
ซึ่งการโจมตีแบบ DDoS
นั้นจะส่งผู้ใช้ในจำนวนที่มากกว่าที่เซิร์ฟเวอร์จะรองรับไหว (เช่น 1
ล้านคน) มาเข้าเว็บไซต์พร้อมกัน
ทำให้เว็บไซต์รองรับผู้ใช้ไม่ไหวจนล่มและไม่สามารถใช้งานได้ในที่สุด
ภาพจาก cloudflare.com
ทีนี้หลายคนก็อาจจะสงสัยว่าแฮกเกอร์จะไปเอาคนจำนวนมากขนาดนั้นมาจากไหนกันล่ะ...
คำตอบก็คือ แฮกเกอร์ใช้วิธีปล่อยไวรัสผ่านช่องทางต่าง ๆ
อย่างที่หลายคนรู้กัน เช่น สแปมอีเมล, แฝงตามเว็บไซต์ต่าง ๆ,
ลิงก์หลอกให้คนคลิกดาวน์โหลดไวรัส ฯลฯ
ซึ่งหลังจากที่มีเหยื่อโดนไวรัสไปแล้ว
แฮกเกอร์ก็จะสามารถแอบควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์ของเหยื่อได้
และเมื่อได้จำนวนเครื่องที่ติดไวรัสมากพอ
แฮกเกอร์ก็จะเขียนโปรแกรมส่งคำสั่งให้เครื่องที่ติดไวรัสทั้งหมดเชื่อมต่อเข้าถึงเว็บไซต์หรือบริการที่ต้องการโจมตีพร้อมกันจนระบบล่มนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม การที่เว็บไซต์หรือบริการใด ๆ ล่มเพราะมีผู้ใช้งาน (จริง ๆ)
พร้อมกันมากเกินไปจนระบบล่มนั้น ไม่นับว่าเป็นการโจมตีแบบ DDoS
เพราะเกิดจากการที่เว็บไซต์ทำเซิร์ฟเวอร์มารองรับจำนวนผู้ใช้ได้ไม่ดีพอ
ไม่ได้เกิดจากการถูกแฮกเกอร์โจมตีด้วย DDoS แต่อย่างใด
ข้อมูลจาก us.norton.com, cloudflare.com