วิธีจูบ 9 แบบพร้อมความหมายที่สื่อสารออกไป แต่ละประเภทสะท้อนความรู้สึกอย่างไร ใช้กับความสัมพันธ์แบบไหน เป็นเรื่องที่ควรทำความเข้าใจเพราะใช้ผิดอาจชีวิตเปลี่ยนได้
นอกจาก การกอด แล้ว การจูบ ก็เป็นอีกหนึ่งภาษากายที่ใช้สื่อสารเกี่ยวกับความรักได้เป็นอย่างดี โดยการจุมพิตแต่ละประเภทจะช่วยสะท้อนถึงความรู้สึกและความสัมพันธ์ที่แตกต่างกันออกไป คนเราจะไปจูบญาติหรือเพื่อนสนิท เหมือนกับที่จูบแฟน บางคนใช้จูบเป็นสัญญาณถึงการเริ่มต้น บางคนใช้แทนคำร่ำลา หากใช้ผิดที่ผิดเวลาก็อาจทำให้หนุ่ม ๆ ซวยได้เหมือนกัน
และนี่คือ การจูบทั้ง 9 แบบ พร้อมความหมายที่สื่อออกไป แบบไหนบ่งบอกอะไรบ้างมาดูกันครับ
1. การจูบแบบรวดเร็ว (The Quick Peck)
หรือที่บ้านเราเรียกว่าการ จุ๊บปาก มันสามารถสื่อสารได้หลัก ๆ 2 ความหมาย คือ คุณสองคนอยู่ด้วยกันมานาน แค่จุ๊บสั้น ๆ ความรักก็กังวาลไปทั่วทั้งหัวใจ หรืออีกนัยหนึ่งเป็นการจูบบริสุทธิ์ของคนขี้อาย ที่อาจจะรู้สึกเขินเพราะมันเป็นครั้งแรก
2. จูบแบบเล้าโลม (The Make-Out)
การจูบแบบต่างฝ่ายต่างออกแรงดัน รับ-ส่งกันไปมา คือการเชื่อมต่อกันของคู่รัก เพื่อปลุกอารมณ์ข้างในให้ตื่นขึ้น พร้อมเปิดสังเวียนอย่างที่ทั้งสองคนเข้าใจ โดยไม่จำเป็นต้องพูดอะไรออกมาสักคำ
3. การจูบหน้าผาก (The Forehead Kiss)
ว่ากันว่านี่คือการจูบที่ดีที่สุด การจูบหน้าผาก มักออกมาจากความรักที่แท้จริงข้างใน บอกความในใจว่าอีกฝ่ายคือคนที่คุณอยากแต่งงานด้วย อยากอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต มันบริสุทธิ์เหมือนที่พ่อ-แม่ชอบจูบหน้าผากลูกน้อยในทุกเช้าก่อนไปส่งที่โรงเรียน
4. การจูบแก้ม (The Cheek Kiss)
ถ้ามีคนจุ๊บคุณที่แก้ม ก็เตรียมทำใจรอได้เลย มันแสดงออกว่าเธอรู้สึกกับคุณแค่เพื่อนเท่านั้น ถ้าเธอคิดอะไรกับคุณจริง ๆ คงเล็งไปที่ปากแล้ว ไม่อ้อมมาถึงแก้มให้เสียเวลาหรอก
5. การจูบแบบช้า ๆ (The Slow Kiss)
ตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่มีเวลาอยู่กับคู่รักมากพอ เพราะมันแสดงออกถึงความรัก ความจริงใจได้ดีมาก ๆ ค่อย ๆ ปลดปล่อยอารมณ์ แสดงความรู้สึกข้างในออกไป ไม่ต้องเร่งรีบ แล้วเหตุผลของการจูบจะชัดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
6. การจูบแบบร้อนแรง (Hot Kiss)
การจูบแบบละเลงไปทั่วทั้งปากและซอกคอ คือการเรียกร้องหา เซ็กส์ แสดงให้เห็นว่าคุณมีความต้องการมากแค่ไหน หากอีกฝ่ายจู่โจมกลับแปลว่าความคิดตรงกันสานต่อได้ทันที หากถูกปฏิเสธคุณก็ต้องห้ามใจซะ เพราะมันจะไม่แฮปปี้ทั้งสองฝ่าย
7. การจูบที่น่าอึดอัดใจ (The Awkward Kiss)
มันเกิดขึ้นได้หลายโมเมนต์ โดยส่วนใหญ่จะมาจากการจูบกันครั้งแรกในความสัมพันธ์รักใหม่ ที่แต่ละฝ่ายต่างไม่กล้าแสดงออก มันจึงกลายเป็นจูบที่ทั้งหวานและอึดอัด แต่มันคือการเริ่มต้นที่สวยหรูมาก ๆ ส่วนอีกโมเมนต์เป็นการจูบสุดท้ายเพื่อกล่าวแทนคำร่ำลา คงไม่ต้องอธิบายนะว่ามันอึดอัดมากแค่ไหน
8. การจูบใช้ลิ้น (French Kiss)
การจูบแบบฝรั่งเศสสไตล์เป็นการสื่อสารกันที่แนบชิดและน่าหลงใหลที่สุด ควรใช้กับคนรักที่สนิทสนมกันมานานเท่านั้น และต้องเลือกเวลากับสถานที่ให้เหมาะสมด้วย ซึ่งไม่ควรใช้มันกับคนที่ไม่สนิทหรือไม่เคยรู้จักกันเด็ดขาด เพราะอาจติดโรคร้ายผ่านทางน้ำลายได้
9. การจูบด้วยความสงสาร (The Pity Kiss)
เหตุการณ์นี้มักเกิดขึ้นในวันนัดเดตครั้งแรก แล้วฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้สึกว่าเข้ากันไม่ได้ มันไม่คลิก ไม่สปาร์กกัน จึงโบกมือลาแล้วจูบเพื่อจบความสัมพันธ์กันด้วยดี แม้จะเป็นเวลาสั้น ๆ แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม ก่อนที่ต่างฝ่ายจะแยกย้ายกันไป
ข้อมูลจาก : theodysseyonline.com, datingtips.match.com
และนี่คือ การจูบทั้ง 9 แบบ พร้อมความหมายที่สื่อออกไป แบบไหนบ่งบอกอะไรบ้างมาดูกันครับ
1. การจูบแบบรวดเร็ว (The Quick Peck)

หรือที่บ้านเราเรียกว่าการ จุ๊บปาก มันสามารถสื่อสารได้หลัก ๆ 2 ความหมาย คือ คุณสองคนอยู่ด้วยกันมานาน แค่จุ๊บสั้น ๆ ความรักก็กังวาลไปทั่วทั้งหัวใจ หรืออีกนัยหนึ่งเป็นการจูบบริสุทธิ์ของคนขี้อาย ที่อาจจะรู้สึกเขินเพราะมันเป็นครั้งแรก
2. จูบแบบเล้าโลม (The Make-Out)
การจูบแบบต่างฝ่ายต่างออกแรงดัน รับ-ส่งกันไปมา คือการเชื่อมต่อกันของคู่รัก เพื่อปลุกอารมณ์ข้างในให้ตื่นขึ้น พร้อมเปิดสังเวียนอย่างที่ทั้งสองคนเข้าใจ โดยไม่จำเป็นต้องพูดอะไรออกมาสักคำ
3. การจูบหน้าผาก (The Forehead Kiss)

ว่ากันว่านี่คือการจูบที่ดีที่สุด การจูบหน้าผาก มักออกมาจากความรักที่แท้จริงข้างใน บอกความในใจว่าอีกฝ่ายคือคนที่คุณอยากแต่งงานด้วย อยากอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต มันบริสุทธิ์เหมือนที่พ่อ-แม่ชอบจูบหน้าผากลูกน้อยในทุกเช้าก่อนไปส่งที่โรงเรียน
4. การจูบแก้ม (The Cheek Kiss)

ถ้ามีคนจุ๊บคุณที่แก้ม ก็เตรียมทำใจรอได้เลย มันแสดงออกว่าเธอรู้สึกกับคุณแค่เพื่อนเท่านั้น ถ้าเธอคิดอะไรกับคุณจริง ๆ คงเล็งไปที่ปากแล้ว ไม่อ้อมมาถึงแก้มให้เสียเวลาหรอก
5. การจูบแบบช้า ๆ (The Slow Kiss)
ตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่มีเวลาอยู่กับคู่รักมากพอ เพราะมันแสดงออกถึงความรัก ความจริงใจได้ดีมาก ๆ ค่อย ๆ ปลดปล่อยอารมณ์ แสดงความรู้สึกข้างในออกไป ไม่ต้องเร่งรีบ แล้วเหตุผลของการจูบจะชัดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
6. การจูบแบบร้อนแรง (Hot Kiss)
การจูบแบบละเลงไปทั่วทั้งปากและซอกคอ คือการเรียกร้องหา เซ็กส์ แสดงให้เห็นว่าคุณมีความต้องการมากแค่ไหน หากอีกฝ่ายจู่โจมกลับแปลว่าความคิดตรงกันสานต่อได้ทันที หากถูกปฏิเสธคุณก็ต้องห้ามใจซะ เพราะมันจะไม่แฮปปี้ทั้งสองฝ่าย

มันเกิดขึ้นได้หลายโมเมนต์ โดยส่วนใหญ่จะมาจากการจูบกันครั้งแรกในความสัมพันธ์รักใหม่ ที่แต่ละฝ่ายต่างไม่กล้าแสดงออก มันจึงกลายเป็นจูบที่ทั้งหวานและอึดอัด แต่มันคือการเริ่มต้นที่สวยหรูมาก ๆ ส่วนอีกโมเมนต์เป็นการจูบสุดท้ายเพื่อกล่าวแทนคำร่ำลา คงไม่ต้องอธิบายนะว่ามันอึดอัดมากแค่ไหน
8. การจูบใช้ลิ้น (French Kiss)

การจูบแบบฝรั่งเศสสไตล์เป็นการสื่อสารกันที่แนบชิดและน่าหลงใหลที่สุด ควรใช้กับคนรักที่สนิทสนมกันมานานเท่านั้น และต้องเลือกเวลากับสถานที่ให้เหมาะสมด้วย ซึ่งไม่ควรใช้มันกับคนที่ไม่สนิทหรือไม่เคยรู้จักกันเด็ดขาด เพราะอาจติดโรคร้ายผ่านทางน้ำลายได้
9. การจูบด้วยความสงสาร (The Pity Kiss)
เหตุการณ์นี้มักเกิดขึ้นในวันนัดเดตครั้งแรก แล้วฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้สึกว่าเข้ากันไม่ได้ มันไม่คลิก ไม่สปาร์กกัน จึงโบกมือลาแล้วจูบเพื่อจบความสัมพันธ์กันด้วยดี แม้จะเป็นเวลาสั้น ๆ แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม ก่อนที่ต่างฝ่ายจะแยกย้ายกันไป
ข้อมูลจาก : theodysseyonline.com, datingtips.match.com