อดีตหนุ่มอ้วนเกือบ 120 กิโลกรัม มาพร้อมวิธีลดน้ำหนักที่ช่วยให้เขากลายเป็นคนใหม่ที่ดูดีกว่าเดิมใน 5 เดือน ! เชื่อเลยว่ามีคุณผู้ชายไม่น้อยที่มีความคิดอยากลดหุ่นหรือบางคนก็กำลังฟิตหุ่นอยู่ แต่ก็มักประสบปัญหาต่าง ๆ น้ำหนักลงช้าบ้าง รู้สึกเหนื่อยกับการออกกำลังกายบ้าง รวมไปถึงออกกำลังมาตั้งนาน แต่ผลลัพธ์กลับสวนทาง จนทำให้หลายคนท้อใจและล้มเลิกความตั้งใจไปในที่สุด ทว่าช้าก่อนครับ เพราะวันนี้เราได้หยิบเรื่องราวการ
ลดน้ำหนัก ของหนุ่มรายหนึ่งที่เขาได้โพสต์ไว้บนเว็บไซต์พันทิปดอทคอมในชื่อกระทู้ว่า
"แชร์ประสบการณ์ ลดน้ำหนัก 46 กิโลกรัมใน 5 เดือน !!" มาแนะนำกันครับ ไปชมพร้อมกันเลยว่าเขาทำอย่างไรบ้าง
สวัสดีครับขอกล่าวทักทายพี่ ๆ ชาวสวนลุมและสมาชิกพันทิปก่อนนะครับ ผมอยากเข้ามาเเชร์ประสบการณ์ของผมให้ทุก ๆ คนที่กำลังคิดจะลดน้ำหนักและคนที่กำลังลด ขอเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเรื่องเล่าเล็ก ๆ นี้ให้กับทุกคน และขอเป็นแรงบันดาลใจให้กับเพื่อน ๆ
ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวก่อน ผมมีชื่อเล่นว่า ภูมิ ผมก็รู้ตัวเองนะผมอ้วนมาตลอดแล้วก็อ้วนขึ้นเรื่อย ๆ และไม่เคยคิดจะออกกำลังกายหรือคิดจะลดน้ำหนักเลย จนน้ำหนักปาเข้าไป 119 กิโลกรัม น้ำหนักรวมบรรทุกเต็มพิกัด 120 กิโลกรัมขึ้นไปมีแน่นอน ตัวเลขนี้ มันขึ้นมาอย่างรวดเร็วมาก
ตั้งแต่อยู่มาผมก็ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าคนอย่างผมจะมาถึงจุดที่มีเลข 3 หลักครอบครองโดยไม่รู้ตัวเลย เพราะผมไม่ค่อยชั่งน้ำหนักสักเท่าไร ใช้สายตาเหลือบ ๆ มองด้วยหางตา เวลาผ่านกระจก ไม่กล้ามองโดยตรง ก็เลยคิดว่าตัวเอง ยังมีน้ำหนักเท่าเดิมราว ๆ 95 กิโลกรัม ไม่มากไปกว่านี้หรอก ใช้ชีวิตเเบบนี้มา 3-4 ปี เห็นคนอื่นลดน้ำหนัก เอ่อ !! น่าทำเนอะ ก็ทำครับ ทำไปได้ 2 วันบ้าง 7 วันบ้าง สุดท้ายก็บอกตัวเองว่า "จะเหนื่อยทำไม" กินมีความสุขจะตายไป ก็กินเเบบนี้ไปเรื่อย ๆ ครับ ผลที่ออกมาก็ตามปากเลยครับ หลัง ๆ เริ่มจะไม่สนุก เดินเริ่มเหนื่อยบ้าง ใช้ชีวิตเริ่มยาก ทั้งการขึ้นรถ ลงเรือ และลงลิฟต์
การออกกำลังกายก็ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยคิดจะออกมาวิ่ง ไม่เคยออกมาทำอะไรเลย นั่งกิน ลุก ๆ นั่ง ๆ กิน ๆ ชีวิตมีเเค่นี้ อาหารหลักก็พวกนี้ล่ะครับ เป็ดบ้าง ไก่ทอด หมูย่าง อย่าถามว่ากินครั้งละเท่าไหร่ หมูย่าง 15 ไม้ ก็เคยกินมาแล้ว !!!!
เป็นไงครับการออกกำลังกาย เขาบอกท่าต้องมาก่อน ฮ่า ๆๆๆๆ ในภาพนี้เป็นการออกกำลังกายครั้งแรกนะครับ ทำได้ 3 วัน ก็เลิก กินต่อ แล้วหยุดไปหลายเดือน
จนกระทั่งถึงช่วงมหาลัย ปี 3 ผมเริ่มเห็นกระทู้ในพันทิปว่ามีคนจะรับปริญญา เค้าเลยออกมาลดน้ำหนักเพื่อเป้าหมายในวันงานจะได้สวย ๆ ผมก็เริ่มเลยครับ เริ่มศึกษาการกินก่อนเลยว่าเราควรจะกินอะไร ควรจะออกกำลังกายเเบบไหน สภาพก่อนเริ่มนี่ดูไม่ได้เลยครับ แต่ก็ไม่ได้สนอะไร อยู่อย่างนี้มานานหลายปี ...
หลังจากที่ศึกษาและออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องใน 1 เดือนแรก ผลลัพธ์ก็ไม่ค่อยแตกต่างครับ แต่ถ้าชั่งน้ำหนักจะรู้ว่าน้ำหนักลงมาเรื่อย ๆ ช่วงแรก ๆ ที่เขาว่ากันว่าลงง่าย ก็ง่ายจริง ๆ ครับ หลังจากนั้นก็เริ่มนิ่ง ที่เขาพูดกันมาถูกต้องหมดครับ ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ท้อสุด ๆ แต่เรายังมีความหวังครับ ทุกครั้งที่ผมท้อผมจะนึกถึงคนที่เคยว่าเรา เลยคิดว่าเราเดินมาแล้ว จะไม่กลับไปอีก
น้ำหนักตอนนี้ประมาณ 95 กิโลกรัมครับ เริ่มมีความหวังเล็ก ๆ ทุกวันกลับมารู้สึกทรมานมาและปวดมาก แต่ต้องทนไป อาหารการกินผมก็กินแต่อาหารดี ๆ เน้นทำเอง ด้วยความที่ขี้เกียจ ทำไว้เลยทั้งอาทิตย์ครับ กินกันให้เบื่อไปเลย ผมก็ศึกษาตามเว็บเลยครับ ลองผิดลองถูกกันไป
การออกกำลังกายนั้นสำคัญ !!! แทบตายครับ กว่าจะพ้นไปแต่ละชั่วโมงไม่สิครับ แต่ละนาทีดีกว่า เป็นอะไรที่ทรมานสุด ๆ เลยครับ ดูจากรูป ก็นอนอืดเลย... กำลังใจเต็มเลยครับช่วงนี้ เพื่อน ๆ มาดูว่ามันทำอะไรของมัน จะทำได้เหรอ ความรู้สึกมันบอกได้เลย
ออกกำลังกายกันไปครับ แรก ๆ ก็ไปวิ่งกับเพื่อนและอาจารย์ ก็เลยมีแรงพลักดันเล็ก ๆ ดันทุกวันครับ "ไอ้อ้วนวิ่งไหวไหม เร็วเข้า อีกรอบ"
น้ำหนักเริ่มลงมาเลยขอถ่ายรูปเก็บไว้เป็นความทรงจำบ้าง...
เมื่อเข้าเดือนที่สามก็เห็นความหวังชัดเจนมากขึ้นแล้วครับ ความหวังที่อยากใส่ชุดสวย ๆ เท่ ๆ แบบเค้าบ้าง แต่ตัวนี้ยืมเพื่อนใส่ บังเอิญว่าใส่ได้พอดีเลย
หลังจากนั้นเราก็ทำแบบเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ทำอยู่ครึ่งเดือน น้ำหนักเริ่มลงช้ามาก ๆ จนคิดว่ามันคงไม่ลงไปกว่านี้แล้ว ชีวิตเริ่มท้อมากครับ จนวันหนึ่งได้ดูรายการ What the fat เริ่มได้เห็นตัวอย่างจากพี่จอร์จว่าต้องทำยังไงบ้าง เป็นเพราะอะไร เราก็เลย เอาวะ ! ทำมันไปแบบนี้แหละ โดยมีพี่จอร์จ พี่ฟ้าใส และดีเจภูมิ เป็นแรงพลักดันสำคัญอีกครั้งเลยครับ กลับมาเรื่องการกินอีกครั้งครับ ยิ่งศึกษายิ่งรู้ครับว่าเรากินอะไรได้บ้างไม่ได้บ้าง เริ่มกินเป็นขึ้น ควรกินยังไง กินอะไรได้ไม่ได้ กลายเป็นโรคจิตเลยครับ อันนั้นไม่ได้อันนี้ไม่ได้ จนตอนนี้ตัวผมนั้นยังกินแบบเดิมแต่อาจมีหลุดบ้าง แต่เราก็ควบคุมปริมาณได้ จากคนที่กินอะไรก็ได้ คืออะไรที่กินได้เมื่อก่อนผมก็กินหมดล่ะครับ ฮ่า ๆ
ลืมเรื่องสำคัญไปเลยครับ สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยคือการกินน้ำครับ ควรกินให้พอนะครับ ผมกินน้ำวันละ 2 ขวด ปริมาณ 1.5 ลิตรนะครับ จิบไปทั้งวันเลยกินกันไปให้จุกครับ จนมาถึงทางเดินทางสุดท้าย มันก็ทำให้เรานั้นรู้สึกดีมากครับ ก่อนอื่นเลย ขอย้อนกลับไปเลย ตอนที่ผมน้ำหนักค่อนข้างเยอะ !! ผมไปเที่ยวอย่างมีความสุข แบบอยากกินไรก็กิน อยากทำไรก็ทำ แต่มีกิจกรรมกิจกรรมหนึ่งทำให้ผมรู้สึกมีปม คือ "สักครั้งหนึ่งจะต้องขี่ม้าให้ได้" เพราะครั้งที่ผมหนัก จนท.ตะโกนมาเลยครับว่า น้อง ! หนักขึ้นไม่ได้ครับ พร้อมกับคนเป็นร้อย อับอายกันไปครับ จนมาวันนี้ผมจะขี่อะไรก็ได้ ไปถึงสวนสัตว์ผมเห็นม้า วิ่งหาม้าก่อนเลย ขอขึ้นก่อนเลยครับ มันเจ็บใจมาก
ชีวิตเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น ทำอะไรก็เริ่มมั้นใจ เริ่มกล้าเดินผ่านกระจกแล้วหยุดนิ่ง ไม่ต้องมองด้วยหางตาอีกต่อไป จนมาถึงปัจจุบันนี้ ผมก็ได้ถึงเป้าหมายระดับหนึ่งแล้วครับ แต่ก็ยังจะทำต่อไปเรื่อย ๆ ไปตลอดชีวิต เพราะการมีความหวังในครั้งนี้ทำให้ผมมีประสบการณ์ใหม่ ๆ จากคนที่ทำอะไรก็อยากอยู่แต่เบื้องหลังทุก ๆ วันนี้ ขอเป็นเบื้องหน้ากับเขาบ้างครับ
เเล้วชีวิตทุกวันนี้ก็ยังเป็นแบบนี้ ไม่สามารถหยุดได้เลย ทุกวันที่ทำสำเร็จได้ก็มาจากพันทิปนี้แหละครับ เป็นพื้นที่ที่มีประโยชน์ สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคนได้ ผมเป็นคนหนึ่งที่ทำได้ จึงอยากจะมาสร้างกำลังใจ อาจไม่มากแต่ถ้าผมทำได้ทุกคนก็ต้องทำได้ครับ
การเขียนกระทู้ในครั้งนี้ ผมไม่ได้หวังอะไรนอกจากแค่เข้ามาสร้างแรงบันดาลใจเหมือนครั้งที่ผมต้องการมัน ถ้าวันนั้นไม่มีพันทิปและคนที่ทำสำเร็จมาแชร์ประสบการ์ณดี ๆ ผมคงจะทำไม่สำเร็จ ขอบคุณพื้นที่ดี ๆ ครับ หากอยากได้คำปรึกษายินดีนะครับ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
คุณ 1710495 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม