ทุกวันนี้มีหลายคนเลือกออกกำลังกายด้วยการวิ่งอยู่มาก แต่ถ้าถามว่าวิ่งถูกวิธีไหม ? เชื่อว่ามีบางคนยังไม่แน่ใจเหมือนกัน รู้แค่ว่าต้องวิ่งให้ไวและนานที่สุด ทั้งที่ความจริง ท่าวิ่งที่ถูกต้อง เป็นปัจจัยสำคัญที่นักวิ่งมือใหม่ควรทราบ เพื่อให้การวิ่งมีประสิทธิภาพมากที่สุด
- มองตรงไปข้างหน้าและตั้งศีรษะให้ตรง
ขณะที่วิ่งคุณต้องตั้งศีรษะให้อยู่นิ่ง ๆ แล้วมองไปข้างหน้าเสมอ ไม่ก้ม ๆ เงย ๆ เพื่อดูเท้าและจังหวะก้าวของตัวเองจนมากเกินไป เพราะนอกจากจะทำให้หลุดโฟกัสแล้ว ยังอาจทำให้หลังรู้สึกตึงได้ (เผลอ ๆ วิ่งชนใครเข้าอีก)
- โฟกัสกล้ามเนื้อหลังให้เหยียดตรง
นักวิ่งมือใหม่บางคนจะโฟกัสไปที่ระยะก้าวหรือขาของตัวเองเป็นหลัก แต่ความจริงคุณควรโฟกัสไปที่แผ่นหลังด้วยเช่นกัน แต่ระวัง ! อย่าเหยียดกล้ามเนื้อหลังให้ตึงจนเกินไป เพราะอาจได้รับบาดเจ็บได้เช่นกัน
- วางแขนให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
ควรจัดท่าโดยให้แขนอยู่ข้างลำตัว ข้อศอกทำมุมประมาณ 90 องศา แต่กรณีที่วิ่งระยะไกลให้วางในระยะ 110 องศา ถ้าทำท่าถูกต้อง เวลาวิ่งแขนแต่ละข้างจะแกว่งสลับหน้า-หลังไปพร้อม ๆ กับขาอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องแกว่งแขนไปมารัว ๆ เพราะนั้นไม่ได้ทำให้คุณวิ่งเร็วขึ้นเลย
- ไม่ต้องกำมือแน่น
ปล่อยมือให้อยู่ในท่าที่สบายที่สุด แค่กำมือหลวม ๆ (หรือจินตนาการว่ากำไข่ไก่ไว้ในมือโดยไม่ให้แตก) ก็พอแล้ว เนื่องจากถ้ากำแน่นไปอาจส่งผลทำให้เกิดอาการตึงที่แขน ไหล่ และคอได้
- ตำแหน่งการวางสะโพกสำคัญมาก
เวลาวิ่งให้เอนตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย โดยให้ลองจินตนาการว่ามีคนเอาเชือกมาผูกรอบ ๆ เอวคุณแล้วดึงไปข้างหน้าเบา ๆ ซึ่งนี่ก็คือการทิ้งสะโพกไปด้านหน้า และเป็นการจัดวางท่าเพื่อไม่ให้คุณก้าวขายาวจนเกินไปนั่นเอง
- วางเท้าให้เหมาะกับการวิ่ง
กรณีที่วิ่งแบบเน้นความเร็ว แนะนำให้วิ่งลงปลายเท้า เพราะสามารถทำความเร็วได้ดีกว่า ส่วนการวิ่งที่เน้นระยะทางเช่น การวิ่งมาราธอน ควรวิ่งลงส้นเท้าถึงจะวิ่งได้นานขึ้น
เมื่อได้ทราบวิธีการจัดวางท่าวิ่งที่ถูกต้องกันไปเรียบร้อยแล้ว ยังไงลองเอากลับไปลองทำดูนะ ไม่ว่าจะวิ่งบนลู่วิ่งหรือวิ่งบนถนนทั่วไป เชื่อว่าสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นน่าจะมีประโยชน์กับนักวิ่งไม่มากก็น้อยเลยล่ะครับ
ข้อมูลจาก about.com, mensfitness.com และ wikihow.com