ในปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าอุปกรณ์เพื่อสุขภาพแบบสวมใส่อย่าง Fitness Tracker จะได้รับความนิยมมากพอสมควรจากผู้ใช้ทั่วโลก ทั้งที่เน้นสำหรับเช็กสุขภาพจริง ๆ ใส่ตามกระแส รวมถึงใส่เป็นเครื่องประดับ เนื่องจากปัจจุบัน Fitness Tracker มีให้เลือกเยอะมาก จนทำให้คนที่คิดจะซื้อ ไม่รู้ว่าต้องเลือกแบบไหน ถึงจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองมากที่สุด
โดยเว็บไซต์ wareable ได้รวบรวมเอา Fitness Tracker ที่มีความโดดเด่นในด้านต่าง ๆ ประจำปีนี้ มาแนะนำให้คนรักสุขภาพที่กำลังเล็ง ๆ ว่าจะซื้อได้พิจารณากันด้วย ไปดูสิครับว่าจะมีรุ่นไหนเตะตาคุณบ้าง
เจ๋งสุดด้านวิเคราะห์ข้อมูลการออกกำลัง : Fitbit Charge HR
ภาพจาก fitbit
Fitbit Charge HR นับเป็นสายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพที่ครอบคลุมการใช้งานแบบสุด ๆ เพราะทั้งวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ วัดจำนวนก้าวเดิน มอนิเตอร์พฤติกรรมการนอน พร้อมนาฬิกาจับเวลาในตัว ที่สำคัญใช้งานง่าย โดยสนนราคาอยู่ที่ 150 เหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 4,700 บาท)
โดดเด่นในด้านความเรียบง่าย : Jawbone UP2
ภาพจาก jawbone
สำหรับคนที่ชอบอะไรง่าย ๆ ฟังก์ชั่นไม่ต้องล้ำมาก ขอแค่ตรวจวัดข้อมูลด้านสุขภาพแบบพื้นฐานได้เป็นพอ Jawbone UP2 ก็น่าจะตอบโจทย์ความต้องการได้ดีในระดับหนึ่งเลยล่ะ เพราะมีทั้งนับจำนวนก้าว วิเคราะห์พฤติกรรมการนอน และตั้งปลุกในตัวได้ด้วย วางขายแล้วในราคา 100 เหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 3,495 บาท)
วิเคราะห์คุณภาพการนอนได้เจ๋งมาก : Jawbone UP3
ภาพจาก jawbone
หากคุณอยากได้ Fitness Tracker ที่ครบเครื่องขึ้นอีกหน่อย Jawbone UP3 คือทางเลือกที่น่าสนใจไม่เบา เพราะนอกจากรูปลักษณ์ภายนอกจะดูสวยราวกับเครื่องประดับแล้ว ด้านฟังก์ชั่นการทำงานก็โดดเด่นไม่เบา โดยเฉพาะคนที่สงสัยเกี่ยวกับคุณภาพการนอนของตัวเอง เพราะ UP3 จะวิเคราะห์ได้ละเอียดยิบเลยล่ะ สนนราคาอยู่ที่ 180 เหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 5,700 บาท)
สายรัดที่เหมาะกับนักวิ่งที่สุด : Microsoft Band 2
ภาพจาก microsoft
ที่ต้องยกให้ Microsoft Band 2 เป็นสายรัดข้อมือที่คู่ควรกับนักวิ่งนั้น เป็นเพราะตัวอุปกรณ์ถูกออกแบบมาให้กระชับ รับกับข้อมือของผู้ใส่ มีความแข็งแรงทนทาน แบตเตอรี่อึด โดยมาพร้อมกับหน้าจอระบบสัมผัส รวมทั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับการทำงานของร่างกายมากถึง 11 ตัวเลยทีเดียว วางจำหน่ายแล้วในราคา 250 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 8,700 บาท)
เพอร์เฟคท์แมตช์กับการใส่ว่ายน้ำ : Moov Now
ภาพจาก moov
อันที่จริงแล้ว Moov Now ไม่ได้เจ๋งตรงที่ใส่ว่ายน้ำได้อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังใส่วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้อย่างคล่องตัว เนื่องจากตัวอุปกรณ์มีน้ำหนักเบา ใส่เล่นกีฬาชนิดใดก็สะดวกมาก โดยวางจำหน่ายแล้วในราคา 80 เหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 2,795 บาท)
Fitness Tracker สำหรับคนงบน้อย : Misfit Flash และ Xiaomi Mi Band
รุ่น Misfit Flash
รุ่น Xiaomi Mi Band ภาพจาก misfit และ mi
เหมาะเจาะกับใส่เล่นกีฬาหลากประเภท : Garmin Vivoactive
ภาพจาก garmin
ทางด้าน Garmin เองก็มี Fitness Tracker ที่น่าจับตามองเช่นเดียวกัน อย่างรุ่น Vivoactive ซึ่งเหมาะสำหรับนักกีฬาและนักออกกำลังตัวยงเลยล่ะ โดยจุดเด่นคงต้องยกให้ระบบ GPS ที่มีความแม่นยำ ซึ่งจะคอยเก็บข้อมูลการเล่นกีฬาของคุณไว้อย่างครบถ้วน วางขายแล้วในราคา 250 เหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 8,740 บาท)
ของขวัญแทนใจสาว ๆ ที่ชอบความเก๋ : Swarovski Shine
ภาพจาก misfit
เห็นแวบแรกแอบตกใจอยู่เหมือนกันว่านี่มัน Fitness Tracker จริงเหรอเนี่ย ! แต่พอรู้ว่าเป็นของ Swarovski ก็ไม่แปลกใจแล้ว ทว่าฟังก์ชั่นการทำงานก็ไม่หลากหลายเท่าไร มีแค่วัดจำนวนก้าวเดิน แคลอรีที่เผาผลาญ และวิเคราะห์พฤติกรรมการนอน เป็นต้น โดยสนนราคาอยู่ที่ 249 เหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 8,705 บาท) สำหรับรุ่นฟูลออปชั่น
ใช้แทนเครื่องประดับได้เป็นอย่างดี : Mondaine Helvetica No.1 Smartwatch, Withings Activité และ Withings Activité Pop
รุ่น Mondaine Helvetica No.1 Smartwatch
รุ่น Withings Activité
รุ่น Withings Activité Pop ภาพจาก mondaine และ withings
แจ้งเตือนไม่มีพลาดทุกความเคลื่อนไหว : Garmin Vivosmart
ภาพจาก garmin
Garmin Vivosmart มาพร้อมกับดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย มีหน้าจอแสดงผลระบบสัมผัสแบบ OLED โดยตัวอุปกรณ์สามารถเก็บข้อมูลด้านสุขภาพต่าง ๆ ไว้ ไม่ว่าจะเป็น จำนวนก้าว, จำนวนแคลอรี และมอนิเตอร์การทำงานของหัวใจ เป็นต้น ที่สำคัญ Vivosmart จะคอยสรุปข้อมูล พร้อมแจ้งเตือนให้ทราบแบบไม่มีพลาดโดยการสั่นเตือนอีกด้วย สนนราคาอยู่ที่ 170 เหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 5,200 บาท)
หนีบติดกับเสื้อผ้าได้พอดี : Jawbone UP Move
ภาพจาก jawbone
ไม่ใช่ทุกคนที่อยากใส่ Fitness Tracker บนข้อมือตลอดเวลา เพราะบางทีมันก็เกะกะอยู่เหมือนกัน จริงไหม ? กระนั้นทาง Jawbone เลยสร้าง UP Move ออกมาแก้ปัญหาดังกล่าวแล้ว เพราะคุณสามารถหนีบไว้บนเสื้อผ้าตรงไหนก็ได้ แถมประสิทธิภาพการทำงานก็แจ่มไม่แพ้แบบสายรัดข้อมือเลย วางขายแล้วในราคา 50 เหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 1,600 บาท)
นับว่า Fitness Tracker แต่ละรุ่นที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ดูน่าใช้มากเลยทีเดียว เพราะมีทั้งความโดดเด่นในเรื่องของงานออกแบบและการใช้งานมากเลยทีเดียว ใครที่คิดจะซื้อก็ลองพิจารณาถึงความต้องการของตัวเองให้ดี ๆ จะได้ซื้อแบบที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุด
ข้อมูลจาก wareable