อดีตเด็กอ้วนดำกลายเป็นหล่อตี๋ เพียงแค่เปลี่ยนทัศนคติ

แรงบันดาลใจ ลดน้ำหนัก
อดีตเด็กอ้วนดำกลายเป็นหล่อตี๋ เพียงแค่เปลี่ยนทัศนคติ


เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ 1922993 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

          แชร์ประสบการณ์ตรงจากอดีตเด็กผู้ชายหุ่นอวบอั๋น ก่อนฮึดลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองใหม่ด้วยการลดน้ำหนัก จนปัจจุบันกลายเป็นหนุ่มหน้าใสหุ่นดี

          เราเชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนคงเคยอ่านเคล็ดลับการลดน้ำหนักและฟิตหุ่นจากประสบการณ์ตรงของคนอื่น ๆ ตามโซเชียลเน็ตเวิร์กกันมาบ้างแล้ว ซึ่งสาเหตุที่พวกเขาหันมาลดน้ำหนักก็แตกต่างกันออก พร้อมแชร์เคล็ดลับการออกกำลังและการกินหลากหลายวิธี

          แต่เคล็ดลับการลดน้ำหนักของชายหนุ่มที่เรากำลังจะพูดถึงในวันนี้ก็คล้าย ๆ กัน ทว่าเขากลับให้ความเห็นที่น่าสนใจอีกข้อหนึ่งว่า สิ่งที่เขาทำได้มันเกิดจากการ ปรับทัศนคติ เสียใหม่ จากจุดเริ่มต้นเมื่อหลายปีที่ผ่านมาจนกระทั่งวันนี้ เขาได้นำเรื่องราวการลดน้ำหนักของตัวเองมาแชร์ในกระทู้ 44 kg 3 เดือน แห่งการเปลี่ยน "ชีวิต" บนเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เอาเป็นว่าเรามาดูที่มาที่ไปของพ่อหนุ่มคนนี้เลยดีกว่าครับ

แรงบันดาลใจ ลดน้ำหนัก
ช่วงที่น้ำหนักสูงสุดคือตอน ม. 5 อายุ 16 ปี น้ำหนัก 108 กิโลกรัม

จุดเริ่มต้น 
 
          ส่วนนี้เป็นส่วนที่ผมมองว่าอาจสำคัญที่สุดสำหรับคนที่คิดอยากจะลดน้ำหนักครับ ก็คือ "ทัศนคติ แห่งการเปลี่ยนแปลง" เพราะมันจะเป็นแรงกระตุ้นของคุณไปตลอดกาล

          สำหรับผมก็ไม่มีอะไรมาก ผมแค่รู้สึกเกลียดตัวเองทุกครั้งที่มองกระจก จนผมก็เกิดความคิดบ้า ๆ ขึ้นมาว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าปิดเทอม ม. 5 ไป แล้วพอเปิดเทอม ม. 6 มาแล้วผมผอม !!

แรงบันดาลใจ ลดน้ำหนัก

          การลดน้ำหนักจากที่เคยได้ยินมาก็มีทั้งแบบค่อย ๆ ลด และแบบเร่งรัด ชนิดเอาให้ผอมแบบทันใจ ซึ่งจากชื่อกระทู้ที่ตั้งคุณคงเห็นแล้วว่าผมเลือกวิธีที่สองครับ

          ปฏิบัติการที่ 1  "อดอาหาร" 

          ระยะเวลา : 2 สัปดาห์ (ก่อนปิดเทอม ม. 5 เป็นเวลา 2 สัปดาห์) น้ำหนักปัจจุบัน : 108 กิโลกรัม

          จริง ๆ แล้ววิธีนี้หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า จะส่งผลเสียต่อสุขภาพมาก แถมผมเป็นคนไม่เคยออกกำลังกาย ก็อยากจะลองดูว่าผลออกมาจะเป็นอย่างไร โดยวันวันนั้นผมกินแต่ผลไม้ เช้า กลางวัน ไปจนถึงตอนเย็น 

          ผลสรุป : ลดลงมาเหลือ 103 กิโลกรัม (เท่ากับลดไป 5 กิโลกรัม)

แรงบันดาลใจ ลดน้ำหนัก

         ปฏิบัติการที่ 2  "ควบคุมแคลอรีอาหารที่กิน"

          ระยะเวลา : 2 สัปดาห์ น้ำหนักปัจจุบัน : 103 กิโลกรัม

          ปฏิบัติการนี้คือการค้นข้อมูลในอากู๋ โดยศึกษาเกี่ยวกับแคลอรีอาหารแต่ละชนิต วิธีคำนวณค่า BMR (พลังงานที่ใช้ต่อวันในภาวะร่างกายปกติ)

สูตร BMR

          สำหรับผู้ชาย BMR = 66 + (13.7 x น้ำหนักตัวเป็น กก.) + (5 x ส่วนสูงเป็น ซม.) – (6.8 x อายุ)

          สำหรับผู้หญิง BMR = 665 + (9.6 x น้ำหนักตัวเป็น กก.) + (1.8 x ส่วนสูงเป็น ซม.) – (4.7 x อายุ)

          ในทุก ๆ วันคุณจะต้องจดทุกอย่างที่กินเข้าไปเสมอ โดยต้องพยายามให้มันต่ำหรือประมาณเท่า ๆ กับ BMR เพื่อให้แน่ใจว่าในหนึ่งวัน เราสูญเสีย พลังงาน มากกว่าที่กินเข้าไป ทว่าผมก็ทำได้แค่ 2 สัปดาห์เท่านั้น เพราะวิธีนี้มันทำให้ผมเครียดมากกกกก กับการต้องจดและมองทุกอย่างเป็นตัวเลข

          ผลสรุป : ลดลงมาเหลือ 94 กิโลกรัม ภายใน 14 วัน

         ปฏิบัติการที่ 3  "วิ่งสู้ฟัด"

          ระยะเวลา : 1 เดือน น้ำหนักปัจจุบัน : 94 กิโลกรัม

          ตลอด 1 เดือน ผมสร้างตารางชีวิตดังนี้คือ

          หลังอาหารเช้า 1 ชม.  ผมจะวิ่ง 30-45 นาที  
      
          หลังอาหารเที่ยง 1 ชม. วิ่งอีก 30 นาที

          ช่วงว่างตอนบ่ายวิ่งอีก 1-1.30 ชม.

          หลังอาหารเย็น 1 ชม. วิ่งอีก 1 ชม.

          จากเวลาอาหารเย็น ถึงเข้านอน จะต้องทิ้งระยะห่างอย่างต่ำ 5-6 ชม. สิ่งสำคัญคือ ผมจะพยายามไม่ชั่งน้ำหนักครับ เพื่อไม่ให้มันบั่นทอนกำลังใจ แต่แอบบอกนิดนึงว่าวิธีนี้เหมาะสำหรับคน "มีเวลาว่าง" มากเท่านั้นครับ :)

          **ทริค - ให้วิ่งบนลู่วิ่งแล้วเปิดเพลงฟังหรือดูหนังก็ได้ อย่าดูตัวเลขเวลา กำหนดจากสื่อบันเทิงเอา เช่น จะวิ่งจนหนังเรื่องนี้จบ แล้ววิ่งไปเรื่อย ๆ ช้า ๆ ครับ รู้ตัวอีกทีหนังจบ วิ่งมาเป็น ชม แล้ว 55555555  หรือระหว่างวิ่งจะหยุดพักบ้างก็ได้นะครับ


          ผลสรุป : ลดลงมาเหลือ 78 กิโลกรัม เท่ากับว่าน้ำหนักลดไป 16 กิโลกรัมภายในหนึ่งเดือน !!

          ผมชอบวิธีที่ 3 มากที่สุดครับ แต่สาเหตุที่เลิกล้ม เพราะอีกหนึ่งเดือน จะเปิดเทอม ม.6 แล้วเข้าสู่เทศกาลเรียนพิเศษ และเตรียมเอ็นทรานส์ จึงไม่ได้มีเวลามากเหลือพอมาให้วิ่งสู้ฟัด

แรงบันดาลใจ ลดน้ำหนัก
  
         ปฏิบัติการสุดท้าย "ขยับสักนิด ถือเป็นการออกกำลังกาย"

          ระยะเวลา : 1 เดือน น้ำหนักปัจจุบัน : 78 กิโลกรัม

          ตอนนั้นมีโฆษณาอะไรสักอย่างอยู่อันนึงครับ เป็นโฆษณาที่มีสโลแกนว่า "ขยับสักนิด ถือเป็นการออกกำลังกาย" พอผมเจอบันไดกับลิฟต์ ก็จงเลือกบันไดหรือเวลาดูทีวีก็ยืนดู  (อันนี้เทคนิคพิเศษของผมเองครับ ได้ผลจริง เพราะการยืนมันเสียพลังงานมากกว่านั่ง !! บางทีก็มียืนบิดเอวไปมา) นั่งอ่านหนังสือ บางทีก็เขย่าขาเล่น ทำท่าต่อยหมัดชกมวยบ้างเป็นการยืดเส้นยืดสายระหว่างอ่านหนังสือ ถ้าโรงเรียนกวดวิชาอยู่ไม่เกิน 2 กิโลเมตร ก็เดินไปเรียนเอา ประมาณนี้ครับ 

          มีควบคุมอาหารนิดหน่อย โดยตอนเช้าและตอนเที่ยง "กินไปเถอะ"  ส่วนมื้อดึก "กินเบา ๆ" หน่อยละกัน แต่ไม่เครียดกับเรื่องอาหารเท่าไร แต่กินผลไม้บ้างนะ

          ผลสรุป : ลดลงมาเหลือ 69 กิโลกรัม ครับ เท่ากับลดไป 9 กิโลกรัมใน 1 เดือน

          ***รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 3 เดือน ผมลดน้ำหนักไปทั้งหมด 39 กิโลกรัม อ้าว...ไหนกระทู้บอก 44 กิโลกรัม คือยังงี้ครับหลังจากนั้นประมาณ 1-2 สัปดาห์ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย รู้ตัวอีกทีก็หนัก 64 กิโลกรัมแล้วครับ 5555 ก็รวมทั้งสิ้นเป็น 44 กิโลกรัมครับ

แรงบันดาลใจ ลดน้ำหนัก

แรงบันดาลใจ ลดน้ำหนัก

แรงบันดาลใจ ลดน้ำหนัก
รูปตอนเปิดเทอม ช่วงแรก ๆ ครับ

          ก็คงต้องบอกว่าการลดหวบเดียวในเวลาสั้น ๆ ผลลัพธ์ก็ดังรูปครับ ทั้งหน้าดูเหนื่อยตลอดเวลาและโทรม ๆ ผอมกะหร่องมาก

          แต่หลังจากหน้าโทรมไปประมาณหนึ่งเดือนเศษ ๆ จู่ ๆ หน้าก็ค่อย ๆ ดีขึ้นครับ เหมือนร่างกายพึ่งปรับสภาพทัน

แรงบันดาลใจ ลดน้ำหนัก

แรงบันดาลใจ ลดน้ำหนัก

          หลังจากลดน้ำหนักมาแล้ว สภาพผมก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ  ด้วยการกินอาหารที่ดีมีประโยชน์ ซึ่งถูกปรับมาระหว่างลดน้ำหนัก เหมือนเรื่องผิวพรรณ เรื่องผิวหน้าจะดีขึ้นไปด้วยครับ (เดิมทีเป็นคนไม่กินผลไม้เลยครับ แต่กลายเป็นกินเป็นประจำซะงั้น)

แรงบันดาลใจ ลดน้ำหนัก


แรงบันดาลใจ ลดน้ำหนัก
สองรูปบนคือตอนปี 1 ตอนนั้นผมสูง 180 เซนติเมตร หนักราว 69-71 กิโลกรัม


ภาพด้านล่างเป็นช่วงปี 2 ผมก็เริ่มเล่นกล้ามนิดหน่อยครับ เพราะอยากให้หุ่นดูสมาร์ท ผิวพรรณก็ดูดีขึ้น อาจเป็นเพราะผมชอบกินมะเขือเทศด้วยหรือเปล่าไม่แน่ใจ

แรงบันดาลใจ ลดน้ำหนัก

แรงบันดาลใจ ลดน้ำหนัก
 ตอนขึ้นปี 2 
 

แรงบันดาลใจ ลดน้ำหนัก
เลิกงามยามดี ถึงปัจจุบันเสียที และนี่คือรูปตอนปี 3 ปัจจุบัน


***สิ่งสำคัญที่สุด

           ตลอดเวลาที่ลดน้ำหนักผมพยายามเปลี่ยนแปลง "วิถีกิน"
 
          ถ้าจะกินมันฝรั่งทอดก็กินฝรั่งแทน ถ้าจะดื่มน้ำอัดลมก็ดื่มแบบปราศจากน้ำตาล จากของโปรดหมู 3 ชั้นทอด ก็เปลี่ยนเป็นปลานึ่ง กินแต่ของที่มีประโยชน์ และด้วยวิถีนี้เอง ผมได้ผลข้างเคียงเป็นเรื่องของ ผิวพรรณแถมมาด้วย
 
           อย่าฟังคนอื่น (ทัศนคติ)

          บางคนบอกต้องทำงั้น บางคนบอกต้องทำงี้ แต่เพราะในหนึ่งวันแต่ละคนมีกิจกรรมและการทำงานที่ต่างกัน เราควรเลือกวิธีที่ตัวเองสามารถจัดสรรมันได้โดยไม่ฝืน ดังนั้น "จงเลือก วิธีที่เหมาะกับวิถีชีวิตตัวเอง"

          ใจ 
 
          ข้อนี้สำคัญที่สุด อย่าหมดหวัง ต้องมั่นใจว่าเราเปลี่ยนตัวเองได้ และแน่นอนต้องเริ่มต้นจากการที่เราอยากเปลี่ยนมันด้วยตัวเราเอง  ต้องอยากเห็นตัวเองตอนผอม มองคนที่เขาดูดี แล้วอิจฉามันซะ !! "ใจ" ต้องแกร่งครับ

แรงบันดาลใจ ลดน้ำหนัก

แรงบันดาลใจ ลดน้ำหนัก

แรงบันดาลใจ ลดน้ำหนัก

แรงบันดาลใจ ลดน้ำหนัก

          ต้องขอปรบมือให้กับความมุ่งมั่นตั้งใจและการปรับมุมมองของหนุ่มคนนี้ให้ดัง ๆ เลยนะครับ กว่าจะมาถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ท้ายที่สุดเจ้าตัวก็ทำได้สำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่สิ่งที่อยากฝากไว้เพิ่มเติมอีกนิดนึงว่า วิธีลดน้ำหนักแต่ละวิธีก็อาจเหมาะกับคนบางคน ดังนั้นจะเลือกวิธีไหนก็ควรศึกษาหาข้อมูลให้ดีก่อนนะครับ ;)






เรื่องที่คุณอาจสนใจ
อดีตเด็กอ้วนดำกลายเป็นหล่อตี๋ เพียงแค่เปลี่ยนทัศนคติ อัปเดตล่าสุด 16 ธันวาคม 2557 เวลา 11:12:35 19,902 อ่าน
TOP
x close