10 สุดยอดนวัตกรรมรักษ์โลกเพื่อสิ่งแวดล้อม
เรียบเรียงโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณภาพประกอบจาก
เฟซบุ๊ก Kiwi Energy
ในรอบหลายปีมานี้ ผู้คนได้หันมาใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ มากขึ้น ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ การปั่นจักรยานไปที่ต่าง ๆ แทนการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล การใช้ถุงผ้าก็มีให้เห็นมากขึ้น และมีการรณรงค์เรื่องการปลูกป่าทดแทน เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นแค่บางส่วนเท่านั้น โดยวันนี้เรามีนวัตกรรมสีเขียว 10 สิ่งจากเว็บไซต์ฮัฟฟิงตันโพสต์มาฝากกัน บริการให้เช่าจักรยาน จัดโดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
บริการให้เช่าจักรยานนั้นได้เปลี่ยนแปลงระบบการเดินทางในรัฐและเมืองใหญ่ ๆ หลายแห่งในประเทศสหรัฐอเมริกา อย่างเช่น กรุงวอชิงตัน ดีซี, เมืองมินนีแอโพลิส, เมืองไมอามี่ และ เมืองบอสตัน เป็นต้น
สำหรับผู้ที่ต้องการใช้บริการให้เช่าจักรยานนั้นจะต้องเสียค่าธรรมเนียมได้ทั้งแบบรายวัน 7 ดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 220 บาท) และแบบรายปี 75 ดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 2,400 บาท) โดยผู้ใช้บริการสามารถนำจักรยานออกไปใช้ได้คนละ 30 นาที แล้วไปจอดไว้ที่ตู้เก็บจักรยานที่ไหนก็ได้ที่ทางรัฐได้กำหนดไว้ โดยไม่เสียค่าบริการเพิ่ม ทั้งนี้บริการให้เช่าจักรยานนั้นได้เป็นที่นิยมในเมืองใหญ่ในหลาย ๆ ประเทศ เช่น ปารีสมีจักรยาน 16,000 คัน, ลอนดอนมีจักรยาน 8,000 คัน, เมืองหางโจวมีมากถึง 65,000 คัน และขณะเดียวกันกรุงนิวยอร์คได้เริ่มโครงการที่มีชื่อว่า ซิตี้ ไบค์ (Citi Bike) โดยมีจักรยานอยู่ 10,000 คัน ทั้งนี้บริการให้เช่าจักรยานริเริ่มขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2007 แล้ว
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ปัจจุบันรถยนต์พลังงานไฟฟ้าถูกผลิตออกมาเพื่อจำหน่ายบ้างแล้ว โดยมีรถยนต์จากค่าย เทลซ่า มอเตอร์ (Telsa Motors) รุ่น Model S ที่สามารถขับไปได้ไกลถึง 443 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟฟ้าหนึ่งครั้ง และสนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,580,000 บาท) ในขณะที่ค่ายเชฟโรเลต ก็มีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าลูกผสมที่ชื่อว่า เชฟวี่ โวลท์ (Chevy Volt) ซึ่งความพิเศษของมันคือมีระบบยืดระยะทาง ที่ตัวเครื่องจะทำการชาร์จไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่ก่อนที่จะตัดมาใช้เครื่องยนต์ก๊าซ นอกจากนี้ยังมี นิสสัน ลีฟ (Nissan Leaf) รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ จากค่ายนิสสันอีกด้วย
แต่ยังมีเรื่องที่น่าเป็นห่วงเกี่ยวกับการชาร์จไฟเข้ารถยนต์ เพราะสถานีที่ไว้สำหรับชาร์จไฟนั้นมันยังไม่แพร่หลายบนท้องถนนทั่วไป นั่นอาจจะทำให้แล้วการเดินทางไกล ๆ อาจเป็นปัญหามากกว่าเดิมก็เป็นได้
มาตรฐานการประเมินอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อม (LEED Building Standards) สภาอาคารเขียวประเทศสหรัฐอเมริกา (U.S. Green Building Council)ได้ทำการกำหนดมาตรฐานการประเมิน LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) โดยมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพสิ่งแวดล้อมและเพื่อพัฒนาระบบสุขอนามัยของผู้ใช้อาคารนั้น ๆ
ทั้งนี้มาตรฐานการประเมิน LEEDได้เป็นที่ยอมรับและแพร่หลายไปกว่า 135 ประเทศทั่วโลก แต่อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าโครงการนี้ให้ผ่านง่ายเกินไป เพราะเพียงแค่ประเมินได้ 40 คะแนนจาก 100 คะแนนเต็ม ก็ได้ใบรับรองมาตรฐานอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อมแล้ว
พลังงานทดแทนราคาถูก เนื่องจากต้นทุนของการสร้างพลังงานทดแทนนั้นตกลงเรื่อย ๆ และกำลังจะกลายมาเป็นคู่แข่งทางพลังงานกับพวกพลังงานเชื้อเพลิงทั้งหลายที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกว่า ต้นทุนการผลิตโซลาร์เซลล์นั้นตกลงมากว่า 60 เปอร์เซ็นต์ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ยิ่งมีการแข่งกันผลิตพลังงานทดแทนในรูปแบบต่าง ๆ มากเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้ต้นทุนการผลิตพลังงานทดแทนถูกลงไปอีก และหากยิ่งเป็นพลังงานจากลมแล้ว ถือว่าเป็นพลังงานทดแทนที่มีต้นทุนถูกที่สุดอีกด้วย
การใช้ถุงที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้และยกเลิกถุงพลาสติก หากคุณใช้ถุงพลาสติกแค่เพียงถุงเดียว ถือว่าผิดกฎหมายในหลายรัฐในประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วทั้ง ซีแอทเทิล, ซานฟรานซิสโก และรัฐอื่น ๆ ที่มีการจัดการแบบกรุงวอชิงตัน ดีซี คือมีการเก็บภาษีถุงพลาสติกต่อถุง ถุงละ 0.5 ดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 16 บาท)
สาเหตุที่ต้องยกเลิกการใช้ถุงพลาสติกนั้น เนื่องจากพลาสติกเป็นสิ่งที่ย่อยสลายยากและใช้เวลานาน ในขณะที่มนุษย์ใช้ถุงเฉลี่ยรวมกันปีละ 100 ล้านถุงไปจนถึง 3 พันล้านถุงทั่วโลก อย่างไรก็ตามในปี 2012 ได้มีการค้นพบว่า การไม่ใช้ถุงพลาสติกเก็บอาหาร ทำให้ผู้บริโภคติดเชื้อแบคทีเรีย อีโคไล (E.Coli) ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษและโรคอื่น ๆ ตามมาเช่น ท้องร่วง ท้องเสีย เป็นต้น
แฟชั่นที่ยั่งยืนจากธรรมชาติ เนื่องจากในปัจจุบันแฟชั่นเสื้อผ้าส่วนใหญ่นั้นได้ใช้เนื้อผ้าที่ทำมาจากเส้นใยสังเคราะห์ ซึ่งขั้นตอนการผลิตเนื้อผ้าจากใยสังเคราะห์ทำให้เกิดอัตราการปล่อยคาร์บอนในอากาศมากกว่าการใช้ผ้าฝ้ายที่มาจากธรรมชาติจริง ๆ และในปัจจุบันมีการสำรวจพบว่ามีสีย้อมผ้าที่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผู้สวมใส่จากบริษัทที่ผลิตเสื้อผ้าแฟชั่นยักษ์ใหญ่หลายแบรนด์
การทำปุ๋ยหมักช่วยลดปริมาณขยะเสีย ประชาชนชาวอเมริกันทั่วไปมักทิ้งเศษอาหารเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้ในแต่ละปีจะมีของเสียรวมกับขยะอย่างอื่นอย่างมหาศาล นั่นทำให้หลายเมืองในประเทศสหรัฐอเมริกามีโครงการการทำปุ๋ยหมัก เพื่อที่จะลดจำนวนของเสียลง
ทั้งนี้ในเมืองซานฟรานซิสโกได้เริ่มโครงการการทำปุ๋ยหมักมาเป็นเวลา 15 ปีแล้ว และขณะนี้มีปุ๋ยหมักมากกว่า 600 ตันต่อวัน และเมื่ออ้างอิงจากสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐ ในปี 2010 พบว่ามีขยะในประเทศมากกว่า 250 ล้านตัน แต่มีเพียงแค่ 34 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่สามารถนำไปทำปุ๋ยหมักหรือทำการรีไซเคิลได้
เพิ่มหลอดไฟ LED และลดการใช้หลอดไฟแบบเก่า ในระยะหลังมานี้ ไส้หลอดไฟแบบเก่าถูกลดจำนวนการผลิตลง เนื่องจากการเข้ามาของหลอดไฟ LED ที่เพิ่มมากขึ้น นั่นเป็นเพราะว่าหลอดไฟ LED ช่วยลดปัญหาการปล่อยสารคาร์บอนลงอย่างมาก ทั้งนี้หลอดไฟแบบ LED นั้นใช้พลังงานน้อยและมีอายุการใช้งานยาวถึง 20 ปี แต่ราคาของหลอดไฟ LED รุ่นใหม่นี้ กลับมีราคาสูงถึงหลอดละ 60 ดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 1,900 บาท) เลยทีเดียว
การทำสวนชุมชนและการสนับสนุนอาหารท้องถิ่นให้มากขึ้น การทำสวนในชุมชนนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด แต่การสนับสนุนอาหารในท้องถิ่นนั้นยังมีให้เห็นไม่มากนัก นอกจากนี้พื้นที่สีเขียวที่เหมาะแก่การทำสวนและแปลงปลูกผักมีน้อยอยู่ ซึ่งสวนทางกับความต้องการของคนที่อยากทำสวนที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ กระทรงการเกษตรสหรัฐอเมริกาได้ประเมินอุตสาหกรรมอาหารท้องถิ่นสามารถทำรายได้ภายในประเทศได้ถึง 4.8 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 1.48 แสนล้านบาท)ในปี 2008 และในปี 2011 ก็ได้เพิ่มสูงขั้นเป็น 7 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 2.16 แสนล้านบาท)
บริการจัดงานศพสีเขียว ทุกวันนี้ การเผาศพทั่วโลกได้ส่งสารคาร์บอนไดออกไซต์ไปยังชั้นบรรยากาศโลกมากกว่า 6.8 ล้านตันต่อปี และยิ่งไปกว่านั้นคือโลงศพแบบต่าง ๆ ใช้เวลาในการย่อยสลายเป็นระยะเวลานาน และการฝังศพก็ไม่เป็นผลดี เพราะว่ามันจะทำให้เกิดก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ให้เกิดสภาวะเรือนกระจกมากขึ้น จากปัญหาทั้งหลายในการจัดการกับศพเหล่านี้ ทำให้มีบริการฝังศพแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเกิดขึ้น ซึ่งบริการนี้เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยโลงศพที่ให้บริการนอกจากจะมีทั้งแบบที่ทำจากฝ้ายจากธรรมชาติและจากกระดาษแข็งแล้ว อีกทั้งยังใช้น้ำแข็งแห้งแทนฟอร์มาลินอีกด้วย เห็นได้ชัดว่าการบริการฝังศพแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมช่วยลดสารพิษต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการเผาและฝังศพแบบเก่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ดี หากคุณสนใจอยากจะทำอะไรเพื่อช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง ควรเริ่มจากสิ่งใกล้ตัวและสะดวกกับตัวคุณก่อนเช่น การใช้ถุงผ้า การเดินทางโดยรถโดยสารสาธารณะ หรือการลดการใช้ไฟฟ้า เพราะสิ่งเหล่านี้เราสามารถเริ่มทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง แค่เพียงเท่านี้ก็ทำให้โลกเราน่าอยู่ขึ้นโดยที่มีมลพิษน้อยลงอีกด้วย