ความจริงของการจูบ ที่รู้แล้วจะอึ้ง
จูบ เป็นการแสดงออกถึงความรักอย่างหนึ่ง ที่เชื่ออยู่แล้วล่ะว่า หนุ่ม ๆ ชอบแสดงความรักแบบนี้ต่อแฟนสาวใช่ไหมล่ะครับ สำหรับใครที่ชอบแสดงความรักด้วยการจูบ ก็ควรจะต้องรู้จักการจูบให้มากขึ้น เพื่อให้หญิงคนรักพึงพอใจยามที่ริมฝีปากประกบกัน แต่วันนี้กระปุกดอทคอมมีเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการจูบมาฝากด้วย เชื่อเถอะว่าหลายคนยังไม่เคยรู้เรื่องราวเหล่านี้แน่ ๆ เลย ไม่แน่นะว่า หากรู้แล้วคุณอาจจะรู้สึกอึ้งไปเลยก็ได้
สไตล์การจูบเกิดขึ้นตั้งแต่อยู่ในท้องแม่
หากสังเกตฉากจูบในหนัง ในรูปเขียนศิลปะ รูปปั้น หรือแม้แต่ตัวคุณเอง จะสังเกตได้ว่าเวลาจูบหัวมักจะเอียงไปทางด้านขวา ซึ่งพวกนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า เป็นเพราะตั้งแต่พวกเราอยู่ในครรภ์แม่ เราก็เอียงหัวไปทางขวากันมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
จูบคือการบริการกล้ามเนื้อ
การจูบหนึ่งครั้ง ต้องใช้กล้ามเนื้อกว่า 146 มัด โดยแบ่งเป็นกล้ามเนื้อที่หน้า 34 มัด และ กล้ามเนื้อเพื่อรักษาท่าทางของร่างกาย 112 มัด โดยได้มีการทดลองให้คน 2 คนมาจูบแล้วดูผ่านเครื่อง MRI จะเห็นว่ามีการใช้กล้ามเนื้อรอบ ๆ ปากขณะจูบด้วย จะว่าไปการจูบก็เหมือนการออกกำลังกายให้ใบหน้าเหมือนกันนะ
การจูบมาจากหนู
ในยุคโบราณมีสัตว์ที่มีรูปร่างคล้ายหนูที่มีชื่อว่า Eomaia พวกมันจะจูบคู่ผสมพันธุ์ด้วยการเอาจมูกถู ๆ กัน เพื่อเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า พวกมันมีความปรารถนาในเรื่องเพศ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยแห่งโตเกียวเชื่อว่า การจูบของคนเราสืบทอดมาจากเจ้าหนูเหล่านี้แหละ เพราะลักษณะทางพันธุกรรมของคนและหนูมีความคล้ายคลึงกันอย่างน่าประหลาดใจ
สัญลักษณ์แทนจูบมีตั้งแต่ยุคกลาง
วัยรุ่นหลายคนคงสงสัย ว่าทำไมฝรั่งชอบเขียนคำว่า XOXO เป็นการแสดงความรักใคร่ให้แก่คนรัก ทว่าความจริงแล้วจุดเริ่มต้นเกิดขึ้นในช่วงยุคกลาง ที่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่สามารถอ่านหรือเขียนได้ พวกเขาก็มักจะใช้สัญลักษณ์ "X" เพื่อแทนการจูบ จากนั้นก็ประทับริมฝีปากลงไปบนเอกสารหรือจดหมายนั้น ๆ เพื่อแสดงถึงความจริงใจให้แก่คนรับ
พระเจ้าเฮนรี่ที่ 6 สั่งห้ามจูบ
ในวันที่ 16 กรกฎาคม ค.ศ. 1439 พระเจ้าเฮนรี่ที่ 6 แห่งอังกฤษได้สั่งห้ามไม่ให้มีการจูบเกิดขึ้น โดยถือว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ซึ่งเหตุผลที่ทำก็คือ เพื่อเป็นการลดการแพร่ระบาดของโรคในอังกฤษในสมัยนั้นนั่นเอง
ห้ามจูบบนทางรถไฟฝรั่งเศส
อย่าว่าแต่อังกฤษอย่างเดียวที่เคยแบนการจูบ แต่ในประเทศฝรั่งเศสช่วงปี 1910 ก็เคยมีการประกาศห้ามจูบกันบนทางรถไฟมาแล้ว เนื่องจากมันจะทำให้เกิดความล่าช้าน่ะสิ
โชคลาภมาจากการจูบหิน
ในทุก ๆ ปี จะมีนักท่องเที่ยวกว่า 4 แสนคนจะมาจูบลงบนหินบลาร์นีย์ (ฺBlarney Stone) ที่ประเทศไอร์แลนด์ จนที่นี่ถูกขนานนามว่า เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ถูกสุขอนามัยที่สุดในโลก ซึ่งผู้คนต่างมีความเชื่อว่า หากคุณงอตัวจนไปจูบบนหินได้ คุณก็จะมีโชค กลายเป็นคนที่มีพรสวรรค์ทางด้านการพูด ใครที่กำลังอยากจะพูดเก่ง พูดแล้วใคร ๆ ก็เชื่อถือ ก็ลองเดินทางไปที่ปราสาทบลาร์นีย์ได้นะครับ
การจูบมีชื่อวิทยาศาสตร์
รู้ไหมว่าการจูบก็มีชื่อวิทยาศาสตร์เหมือนกันนะ โดยมีชื่อที่เรียกว่า Philematology ส่วนใครก็ตามที่ศึกษาเล่าเรียนเกี่ยวกับการจูบ จะถูกเรียกว่า Osculologist โอ้โห … ล้ำลึกใช่เล่น
ฉากจูบในหนังเคยโดนแบน
หนังที่มีฉากจูบสุดคลาสสิกอย่าง Titanic หรือหนังเรื่องอื่น เช่น Spiderman, Gone With The Wind หรือ Casablanca เกือบจะไม่ได้มีให้ได้เห็นกันแล้ว เพราะในช่วงปี 1930 กลุ่มผู้ตรวจพิจารณาภาพยนตร์ได้ห้ามไม่ให้นักแสดงฮอลลีวูดแสดงฉากจูบ (จูบแบบนอนตัวประกบกัน) เช่นเดียวกัน การจูบแบบธรรมดา (ยืนจูบหรือนั่งจูบ) ในหนังก็ห้ามนานเกิน 3 วินาทีด้วยนะ แต่โชคดีที่การแบนนี้ได้ถูกยกเลิกไปเป็นที่เรียบร้อยเมื่อช่วงยุค 60
คู่รักคนไทยจูบนานที่สุด
การจูบที่นานที่สุดและถูกบันทึกโดย กินเนส เวิล์ด เรคคอร์ด คือการจูบของนายเอกชัยกับนางลักษณา ติรณะรัต ซึ่งเป็นคนไทยบ้านเรานี่เอง โดยถูกบันทึกไว้ว่า ใช้เวลาการจูบนานถึง 58 ชั่วโมง 35 นาที กับอีก 58 วินาที แหม … คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกจริง ๆ
จากสถิติพบว่า ผู้คนกว่า 56 เปอร์เซ็นต์จากทั่วโลก ไม่ค่อยได้มีการจูบแบบดูดดื่มกันมากเท่าไร แต่คนอิตาลีกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ ทำการจูบแบบดูดดื่มหลายครั้งต่อสัปดาห์เลยแหละ ไม่แปลกใจเลยที่ใคร ๆ ก็พูดว่า หนุ่มสาวอิตาลีนั้นช่างโรแมนติกยิ่งนัก
จูบทำให้อายุยืน
ข้อนี้คุณผู้ชายพลาดไม่ได้เด็ดขาด เพราะจากผลการค้นคว้าพบว่า ผู้ชายที่จูบภรรยาตัวเองก่อนไปทำงานตอนเช้า จะมีอายุยืนยาวมากกว่าชายที่ไม่ได้จูบภรรยามากถึง 5 ปีเลยทีเดียวเชียว
ใช้เวลาจูบทั้งชีวิตเฉลี่ย 2 สัปดาห์
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเผยว่า โดยเฉลี่ยแล้วคนเราจะใช้เวลาจูบทั้งชีวิตเพียง 20,160 นาทีหรือประมาณ 2 สัปดาห์เท่านั้นเอง
หนุ่ม ๆ รู้ไว้เลยนะครับว่า เฉลี่ยแล้วผู้หญิงจะจูบผู้ชายประมาณ 15 คนก่อนที่เธอจะรู้สึกอยากตามหาอยากเจอชายในฝัน แต่ค่าเฉลี่ยของผู้ชายจะจูบผู้หญิงกว่า 16 คนก่อนจะอยากเจอรักแท้กับหญิงในฝัน แหม … มากกว่าผู้หญิงอีกนะเนี่ย
การจูบมีประโยชน์ต่อร่างกาย
รู้หรือไม่ว่า การจูบสามารถช่วยเผาผลาญแคลอรี่ในร่างกายได้ด้วย โดยควรจะจูบให้นานกว่า 2-3 นาทีถึงจะได้ผลดี นอกจากนี้การจูบยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันโรคแข็งแรงขึ้น ช่วยบรรเทาความเจ็บปวด และช่วยป้องกันฟันผุได้ด้วย ยอดเยี่ยมจริง ๆ เลยเนอะ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับความจริงของการจูบที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้ คงทำให้หลายคนทึ่งไปไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะ เอาเป็นว่า หนุ่ม ๆ คนไหนที่ไม่ค่อยได้แสดงความรักต่อแฟนสาวนัก ก็ลองจูบเธอสักวันละนิดวันละหน่อย ให้เธอรู้สึกดี แถมยังดีต่อสุขภาพของคุณด้วยนะ