
ขึ้นชื่อว่า นักแสดงมืออาชีพ แล้ว จะทำอะไรก็ต้องทำให้เต็มที่ เพื่อให้อินกับบทบาทที่ได้รับในหนังแต่ละเรื่องให้มากที่สุด ไม่เว้นแม้กระทั่งยอมเข้าคอร์สลดน้ำหนักหรือเล่นกล้ามสร้างหุ่นสุดฟิต ทว่าไม่ใช่ดาราทุกคนที่ยอมเสียสละถึงขนาดนั้น บางคนเลือกใช้สเปเชี่ยล เอฟเฟกต์ หลอกตาผู้ชมแทน แต่วันนี้เรามีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับดาราชายระดับฮอลลีวูด ซึ่งลงทุนทั้งกินทั้งออกกำลังฟิตร่างกายเพื่อให้มีรูปร่างตรงตามคาแรคเตอร์ที่ได้รับจากเว็บไซต์ mensfitness.com มาบอกต่อกันด้วย ดูสิว่าจะมีพระเอกคนโปรดของคุณมีรายชื่ออยู่ในนี้บ้างหรือเปล่า

พระเอกสุดหล่อขวัญใจสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งหลาย ต้องอดทนกับช่วงเวลาที่รีดน้ำหนักออกมากกว่า 28 กิโลกรัม เพื่อมานำแสดงเป็นชายที่เป็นโรคนอนไม่หลับในหนังเรื่อง The Machinist ซึ่งผอมเสียจนจำแทบไม่ได้ ทว่าหลังถ่ายทำเสร็จได้ 5 เดือน เบล กลับต้องมาเพิ่มน้ำหนักและเข้าคอร์สออกกำลังแบบหนักหน่วง เพื่อให้ทันเปิดกล้องหนังซูเปอร์ฮีโร่ Batman Begins อีกทันที ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ทำให้คริสโตเฟอร์ โนแลน ผู้กำกับหนังแบทแมนต้องผิดหวัง เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาก็มีรูปร่างบึกบึนอย่างที่เห็นบนแผ่นฟิล์ม

หลังจากเล่นซีรีส์ดราม่าเรื่อง The Commish จบเรียบร้อยแล้ว ชิคลิส ก็เปลี่ยนโฉมตัวเองใหม่ให้เป็นชายที่มีร่างกำยำมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงก่อนมารับบทเป็นตำรวจในซีรีส์ The Shield (ก่อนหน้านั้นเขาต้องกินเพื่อเพิ่มน้ำหนักให้ตรงตามคาแรคเตอร์ ถึงขนาดที่ภรรยากังวลเรื่องสุขภาพเขาอย่างหนัก) ซึ่งเขาต้องควบคุมอาหารควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอย่างเข้มข้น 6 วันต่อสัปดาห์ ตลอดระยะเวลา 6 เดือนจนสุดท้ายก็ฟิตเปรี๊ยะ แม้กระทั่งตอนถ่ายซีรีส์จบไปแล้วในปี 2008 ชิคลิสก็ยังไปปีนเขาออกกำลังกับภรรยาเกือบทุกวันเลยล่ะ

อันที่จริงปกติแล้วดาราชาวเมืองผู้ดีอังกฤษรายนี้ก็ไม่ได้อ้วนเผละจนดูน่าเกลียด ทว่าในเมื่อต้องมารับสายลับมาดเนี้ยบ เจมส์ บอนด์ ในภาค Casino Royale ทำให้เขาจำเป็นต้องเข้ายิม 5 วันต่อสัปดาห์ เพื่อขจัดไขมันส่วนเกินและสร้างกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังต้องกินอาหารวันละ 6 มื้อ (รวมมื้อย่อยด้วย) ขณะที่มื้อเย็นจะไม่กินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเลย โดยหลัก ๆ จะกินพวกปลา, ไข่, ไก่, ผักและผลไม้ แทน รวมทั้งเลิกบุหรี่ด้วย แต่เขายังให้รางวัลกับตัวเองด้วยการดื่มบางเล็กน้อยในช่วงวันศุกร์-เสาร์

Gladiator เป็นหนังในปี 2000 ที่ทำให้โครว์ได้รับรางวัลออสการ์สาขาดารานำชายไปครอง ซึ่งนอกจากฝีไม้ลายมือทางการแสดงแล้ว ความทุ่มเทในการทำงานทำให้เขาได้รับการยกย่องอีกด้วย ที่เห็นได้ชัด ๆ เลยก็คือรูปร่างที่ผอมลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะเจ้าตัวต้องลดน้ำหนักถึง 18 กิโลกรัม และเข้าคอร์สฟิตร่างกาย เพื่อให้สมบทบาทนักรบโรมัน ซึ่งนอกจากควบคุมอาหารการกินและออกกำลังแล้ว โครว์ยังต้องฝึกการใช้ดาบอีกด้วย ดังนั้น ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมช่วงเวลานั้นเขาถึงหุ่นดีขนาดนี้

หนังเรื่อง Cape Fear ที่ออกฉายในปี 1991 ทำให้ดารารุ่นใหญ่อย่าง เดอ นิโร ต้องให้เทรนเนอร์ส่วนตัวจัดโปรแกรมควบคุมอาหารและตารางออกกำลังให้ โดยเขาต้องวิ่งมาราธอนเพื่อเพิ่มความฟิต รวมทั้งกินขนมปังโฮลเกรน ข้าวกล้อง และผักใบเขียวนานาชนิด ซึ่งสำหรับชายอายุ 48 ปี (ในเวลานั้น) การที่เขามีรูปร่างฟิตเปรี๊ยะเหมือนที่เราได้เห็นในหนัง ต้องถือว่าเป็นอะไรที่เจ๋งสุด ๆ และสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับหนุ่มใหญ่ได้เป็นอย่างดี เพราะ เดอ นิโร แสดงให้เห็นแล้วว่าอายุไม่ใช่อุปสรรคขวางกั้นการมีรูปร่างที่ดีได้

จอห์น แอฟโร ผู้กำกับหนัง Iron Man อยากให้ดาวนี่ย์ดูบึกบึนสมกับการรับบทบาทเป็นซูเปอร์ฮีโร่ไอรอน แมน อย่างถึงแก่น เขาจึงให้ดาวนี่ย์ควบคุมอาหารและฝึกฝนร่างกายให้แข็งแรงจนคนดูเชื่อว่าพระเอกมาดกวนคนนี้จะปกป้องโลกได้ นอกจากนี้ เหตุผลสำคัญที่ดาวนี่ย์ต้องฟิตร่างกายให้เต็มที่ เป็นเพราะว่าชุดไอรอน แมนที่เจ้าตัวต้องใส่เข้าฉากนั้นมีน้ำหนักมากถึง 40 กิโลกรัมเลยทีเดียว !! เห็นตัวเล็ก ๆ แบบนี้แต่แข็งแรงไม่เบาเลยนะเนี่ย

ดูภายนอกเหมือนพระเอกมาดเท่อย่าง ไรอัน กอสลิ่ง จะไม่ใช่คนดูหุ่นดีอะไรนัก กลับดูตัวเล็ก ๆ ผอม ๆ ด้วยซ้ำไป แต่จากที่เห็นชอตหนึงในหนังโรแมนติก-คอมเมดี้เรื่อง Crazy, Stupid, Love กลับทำให้สาว ๆ ต้องอ้าปากค้าง เพราะทึ่งในหุ่นสุดฟิตของกอสลิ่งไปเลยทีเดียว เนื่องจากบทบาทที่ได้รับเขาเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่ผู้หญิงต่างก็ตกหลุมรัก และมีอยู่ฉากหนึงที่กอสลิ่งต้องถอดเสื้อออก เขาจึงจำเป็นต้องมีหุ่นที่เพอร์เฟกต์มากพอที่จะทำให้คนเชื่อว่า "นายนี่มันน่ากอดจริง ๆ !!" โดยเจ้าตัวต้องกินกล้วยและโปรตีนเชคไปพร้อม ๆ กับออกกำลัง เพื่อสร้างกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะช่วงอก, ไหล่ และหน้าท้อง อ้อ เขายังเรียนมวยไทยเพิ่มความแข็งแกร่งอีกด้วยนะ

ตั้งแต่แจ็คแมนมารับบท วูฟเวอรีน ในหนัง X-Men เมื่อปี 2000 เขาต้องเข้ายิมออกกำลังอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน รวมไปถึงเลือกกินแต่อาหารที่มีประโยชน์ เพราะบทบาทมนุษย์กลายพันธุ์จอมอึดตายยากตามคาแรคเตอร์จากในหนังสือการ์ตูน ต้องเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อไซส์บิ๊กบึ้ม โดยแจ็คแมนต้องกินให้ได้วันละ 6,000 แคลอรี่ ไปพร้อม ๆ กับออกกำลังอย่างหนักหน่วง เพื่อเปลี่ยนอาหารที่กินไปเป็นกล้ามเนื้อและรีดไขมันส่วนเกินออก จนกระทั่งมีรูปร่างอย่างที่เห็นในปัจจุบัน

นอร์ตัน ต้องขุนกล้ามเนื้อของตัวเองขึ้น 13 กิโลกรัมภายใน 3 เดือน เพื่อมารับบทนำใน American History X โดยเขากินอาหารที่ให้โปรตีนทุกมื้อ และเสริมด้วยโปรตีนเชค ขณะที่กิจวัตรที่ต้องทำเป็นประจำอย่างยกน้ำหนักและวิดพื้นก็ทำแบบต่อเนื่อง โดยไม่พักระหว่างเซต ซึ่งวิธีนี้ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้มาก พร้อม ๆ กับกล้ามเนื้อที่เติบโตเร็วขึ้น

พระเอกหนุ่มสุดหล่อขวัญใจสาว ๆ แบรด พิทท์ มีการเตรียมพร้อมร่างกายอย่างเต็มที่ เพื่อให้มีรูปร่างตรงกับคาแรคเตอร์ยอดนักสู้ใน Fight Club ในปี 1999 โดยพิทท์จัดโปรแกรมการกินและออกกำลังอย่างเคร่งครัด เพิ่มโปรตีนให้กับร่างกายด้วยไข่, ทูน่า, ไก่, ปลา, โอ็ตมีล และกินผักใบเขียวเพิ่มเติม ขณะที่โปรแกรมการออกกำลังของเขานั้น วันจันทร์-อังคารออกกำลังช่วงอกและหลัง วันพุธเน้นช่วงไหล่ พฤหัสบดีเล่นกล้ามแขน วันศุกร์คาร์ดิโอ ส่วนเสาร์-อาทิตย์พักผ่อนตามปกติ นอกจากนี้เขายังเสริมความแข็งแกร่งด้วยเทควันโดและมวย เพื่อให้ซีนฉากต่อสู้ดูสมจริงมากขึ้น

สมัยเอ๊าะ เอ๊าะ ตอนเล่นซีรีส์เรื่อง Two Guys, a Girl And a Pizza Place เรย์โนลด์ยังดูเป็นผู้ชายผอมสูงหน้าตาแบ๊ว ๆ อยู่เลย แต่พอได้รับโอกาสมาเล่นหนัง Blade: Trinity เท่านั้นแหละ พระเอกหนุ่มเชื้อสายแคนาดากลับฟิตร่างกายจนกลายมาเป็นนักล่าแวมไพร์มาดเท่สุดเฟิร์มทันที นั้นเป็นเพราะเขาต้องกินอาหารทุก ๆ 3 ชั่วโมง วันหนึงกินให้ได้พลังงาน 3,200 แคลอรี่ และงดแป้งหลังสองทุ่ม ออกกำลังกาย 6 วันต่อสัปดาห์ วันละ 3 ชั่วโมง ซิทอัพ 500-1,000 ครั้ง ตามด้วยยกน้ำหนักเซตละ 8-12 ครั้ง ขณะที่กินอาหารเสริมอย่างกลูตามีนและครีเอทีนเป็นประจำเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ เช่นเดียวกับกรดลิโนเลอิคและวิตามินรวม

เมื่อต้องมารับบทเป็นนักมวยระดับตำนานอย่าง โมฮัมเหม็ด อาลี ในหนัง Ali สมิธก็ยอมงดจังค์ฟู้ดทุกชนิด แล้วหันมาเพิ่มโปรตีน เสริมพลังงานด้วยคาร์โบไฮเดรต และควบคุมน้ำหนักไปด้วย ซึ่งนอกจากที่สมิธต้องหัดชกมวยในแต่ละวันแล้ว เขายังยกน้ำหนักและวิ่งออกกำลังเช่นกัน












ขอขอบคุณภาพประกอบจาก facebook WillSmith , facebook Brad-Pitt , facebook TheWolverineMovie