แฟชั่น ถือเป็นเรื่องของศิลปะอย่างหนึ่ง ในการนำเสื้อผ้าและเครื่องประดับต่าง ๆ มามิกซ์ แอนด์ แมทช์กัน เพื่อให้เกิดความหลากหลายมากขึ้น แต่ทั้งนี้ใช่ว่าทุกอย่างที่นำมาใส่นั้นจะทำให้ผู้สวมใส่ดูดีไปเสียหมด เพราะบางสิ่งที่คิดดีก็อาจทำให้ดูแย่กว่าเดิม แม้หนุ่ม ๆ จะไม่เน้นเรื่องการแต่งตัว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำไม่ได้เลยสักหน่อย แค่เพียงหลีกเลี่ยงการมิกซ์เสื้อผ้าแบบผิด ๆ เหมือนกับแฟชั่นเหล่านี้เท่านั้นเอง
1. ใส่ถุงเท้ากับรองเท้าแตะ
ลักษณะการใส่รองเท้าแบบนี้อาจดูเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับใครหลายคน แต่ความเป็นจริงเป็นของสองอย่างนี้คือสิ่งที่ไม่ควรจะจับมาใส่คู่กันสักเท่าไหร่ ยกเว้นในกรณีที่รู้สึกหนาวหรือจำเป็นต้องใส่จริง ๆ อย่างเช่น ภายในบ้าน โต๊ะทำงาน หรือสถานที่ส่วนตัว แต่ถ้าหากต้องออกมาพบปะกับผู้คนมากมาย ควรเลือกใส่เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งจะดีกว่า
2. ไม่ควรโกนหนวดบ่อยเกินไป
การโกนหนวดกลายเป็นอีกหนึ่งกิจวัตรซึ่งผู้ชายทุกคนที่อยากจะมีใบหน้าเกลี้ยงเกลาจำเป็นต้องทำ เพื่อกำจัดขนส่วนเกินออกไปทั้งหนวดและเครา แต่ทั้งนี้วิธีการโกนหนวดไม่ควรโกนบ่อยจนเกินไปนัก เพราะเป็นการทำลายชั้นเซลล์ผิวบนใบหน้าที่อาจทำให้เกิดริ้วรอยหรือบาดแผลได้
3. คลั่งแบรนด์เนม
หากอยากจะใช้จ่ายไปเพื่อซื้อเสื้อผ้าแบรนด์เนมเพราะคุณภาพของสินค้านั้นไม่ใช่เรื่องผิด เนื่องจากของเหล่านี้สามารถใช้งานได้นานและอาจมีไซส์เสื้อผ้าที่เข้ากับรูปร่างได้มากกว่า แต่ทั้งนี้ควรจะดูความเหมาะสมในการใส่ด้วยว่าเข้ากับบุคลิกรูปร่างของตัวเองหรือไม่ แต่ถ้าเสื้อผ้าชิ้นนั้นไม่เข้ากับสิ่งที่ว่ามาเลยสักนิด ก็ลองเปลี่ยนไปใช้เสื้อผ้าทั่ว ๆ ไปดูบ้าง หรือจะนำมาแมทช์กับเครื่องประดับอื่น ๆ ก็น่าจะช่วยให้ดูดีขึ้นได้เหมือนกัน อย่าไปยึดติดกับพวกแบรนด์เนมเลยไม่มีประโยชน์หรอก
4. ใส่รองเท้ากีฬาไปทุกที่
ถึงแม้รองเท้ากีฬาจะให้ความรู้สึกนุ่มสบายกว่ารองเท้าชนิดอื่น ๆ หรือดูดีกว่าการใส่รองเท้าแตะ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะนำรองเท้ากีฬามาใส่ออกงานได้ทุกโอกาสเสมอไป เพราะอย่าลืมว่ารองเท้ากีฬาเคยเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อขณะออกกำลังกาย ฉะนั้นหากเป็นไปได้ควรเก็บเอาไว้ใส่เฉพาะตอนเล่นกีฬาในฟิตเนส จะดีกว่า
5. สะพายเป้ไปทำงาน
ถ้ามองย้อนกลับไปในสมัยเรียนคงไม่เรื่องแปลกอะไรหากจะสะพายเป้ทุกวัน เพื่อความสะดวกในการพกพาหนังสือสารพัดวิชาไปเรียนกับเราด้วย ซึ่งหลายคนอาจเคยชินกับการใช้กระเป๋าเป้เลยไม่ได้คิดที่จะเปลี่ยน แต่ทั้งนี้หากเริ่มทำงานแล้วควรลองใช้กระเป๋าสไตล์อื่นที่เหมาะสมกับลุคการแต่งตัวที่เปลี่ยนไปด้วยบ้าง อย่างเช่น กระเป๋าสะพายข้างหรือกระเป๋าถือ เป็นต้น เพราะจะช่วยให้ดูมีความน่าเชื่อถือและดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น
6. มิกซ์เสื้อผ้ากับรองเท้าไม่เข้ากัน
สำหรับคนที่อยากจะลองมิกซ์ แอนด์ แมทช์เสื้อผ้ากับรองเท้าดูบ้าง แต่ไม่มีเซ้นส์เรื่องแฟชั่นเอาซะเลย แนะนำให้เลือกสูทกับรองเท้าที่มีสีเหมือนหรือใกล้เคียงกันมาใส่ เช่น รองเท้าสีน้ำตาลเหมาะกับชุดสูทสีเทากับสีน้ำตาล ส่วนรองเท้าหนังสีดำควรจะใส่กับชุดสูทสีดำ สีกรมท่า และสีเทา เป็นต้น
7. เสื้อผ้ามีขนาดใหญ่เกินไป
เสื้อผ้าตัวใหญ่ที่ว่ากันว่าใส่สบายบางทีควรจะเก็บเอาไว้ใส่ที่บ้านดีกว่า และถ้าหากจำเป็นต้องออกจากบ้านเมื่อไหร่ ก็ควรเลือกเสื้อผ้าที่มีขนาดพอดีกับตัว ไม่ใหญ่จนหลวมโคร่งหรือเล็กจนรัดติ้วมากเกินไป เพราะไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนบุคลิกให้ดูดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังได้โชว์หุ่นสุดเฟิร์มของตัวเองด้วย สำหรับเทคนิคในการซื้อควรเลือกเสื้อผ้าขนาดเล็กกว่าที่ประมาณเอาไว้หนึ่งไซส์จะดีที่สุด
8. ใส่ของทุกอย่างในกระเป๋ากางเกง
กระเป๋ากางเกงควรจะเป็นที่เก็บของเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่น กุญแจหรือเศษสตางค์ เป็นต้น เพราะการที่นำกระเป๋าสตางค์หนา ๆ หรือโทรศัพท์มือถือบางรุ่นที่ตัวเครื่องใหญ่ ๆ ใส่ลงไป นอกจากจะทำให้กางเกงชำรุดได้ง่ายแล้ว ยังทำให้ดูตุง ๆ จนเกิดภาพที่ไม่น่ามองด้วย ซึ่งถ้าหากมีของที่ต้องพกเยอะจริง ๆ ควรหากระเป๋ามาใช้เก็บสัมภาระและของใช้แทนดีกว่า
9. ติดกระดุมผิด
ไม่ว่าจะเร่งรีบไปทำงานมากแค่ไหนก็ควรตรวจเช็กความเรียบร้อยของกระดุมเสื้อผ้าก่อนเสมอ เพราะหากติดผิดไปแล้วจะทำให้การเคลื่อนไหวลำบาก และยังดูไม่ดีในสายตาของคนอื่นอีกด้วย นอกจากนี้หากเป็นเสื้อสูทก็ไม่จำเป็นต้องติดกระดุมทุกเม็ดบนเสื้อเสมอไป เพราะทำให้ดูอึดอัดมากกว่าเรียบร้อย ดังนั้นเลือกติดแค่กระดุมเม็ดบนสุด หรือกระดุมเม็ดกลางก็พอ
10. มิกซ์ถุงเท้าขาวกับรองเท้าธุรกิจ
ถึงแม้การมิกซ์ในสไตล์นี้จะเคยเป็นที่นิยมของแฟชั่นในยุค 90 แต่ไม่ใช่ความคิดที่ดีนักหากคิดจะนำกลับมาใช้อีกครั้ง เพราะรองเท้าสำหรับคนทำงานควรจะใส่กับถุงเท้าสำหรับชุดสูท - ชุดทางการ (Dressy socks) ซึ่งเป็นถุงเท้าที่บางกว่าและดูพิถีพิถันกว่าถุงเท้าที่คุณใส่ในวันทั่ว ๆ ไป แต่ก็ไม่ควรมีลวดลายหรือแพทเทิร์นที่ลายตาเกินไป มีให้เลือกหลายสี ไม่ว่าจะเป็นสีดำ น้ำตาล น้ำเงิน หรือเทา ส่วนถุงเท้าสีขาวเก็บเอาไว้ใส่กับรองเท้ากีฬาหรือกางเกงวอร์มจะเหมาะสมกว่า
จริง ๆ แล้ว เสื้อผ้าที่ดูดีอาจไม่จำเป็นต้องมีราคาแพงหรือสวยงามเสมอไป ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความเหมาะสมกับบุคลิกของแต่ละคนด้วย และพยายามหลีกเลี่ยงการแมชท์เสื้อผ้าแบบผิด ๆ ดังที่เรากล่าวมาข้างต้น เพียงเท่านี้ก็ทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นได้แล้ว อีกทั้งยังช่วยให้การแต่งตัวมีสไตล์และน่ามองมากขึ้นด้วย ดังนั้นหลังจากนี้ก่อนจะออกไปไหนมาไหนอย่าลืมเช็กความเรียบร้อยของเสื้อผ้าให้ดีก่อนนะครับ