Vertu เปิดตัว Vertu Ti แอนดรอยด์โฟนสุดหรู ราคา 3 แสน

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Engadget

          Vertu แบรนด์มือถือสุดหรูที่เน้นขายความหรูหราและความไฮโซกับวัสดุที่ใช้ประกอบตัวเครื่องเป็นหลัก เชื่อว่าหลายคนคงได้ยินชื่อกันมาบ้างแล้ว เพราะแบรนด์ Vertu เคยเป็นแบรนด์ลูกของโนเกียที่ทำเฉพาะมือถือหรู ราคาแพง ๆ แต่ปัจจุบันโนเกียได้ขายแบรนด์นี้ให้กับบริษัท EQT VI ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนในยุโรปเหนือ ล่าสุด Vertu กลับมาพร้อมสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ด้วยการเปิดตัว Vertu Ti สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์รุ่นแรกของแบรนด์ ด้านสเปคมีอะไรน่าสนใจบ้าง มาติดตามกันเลย


          อย่างที่รู้กันดีว่า Vertu นั่นไม่ได้เน้นในเรื่องสเปค แต่เน้นในเรื่องวัสดุของตัวเครื่องมากกว่า ดังนั้น Vertu Ti จึงมาพร้อมสเปคแบบธรรมดา ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ Android 4.0 ICS มีหน้าจอขนาด 3.7 นิ้ว ใช้ซีพียู dual-core Snapdragon S4 ความเร็ว 1.7 Ghz หน่วยความจำภายในขนาด 64GB และมีกล้องด้านหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องด้านหน้า 1.3 ล้านพิกเซล ด้านวัสดุของ Vertu Ti ใช้ไททาเนียม เซรามิก และหนังสีดำ พร้อมกับอุปกรณ์เสริมครบครัน ไม่ว่าจะเป็น เคสหนัง สายชาร์จไฟบ้าน-ในรถ ชุดชาร์จไฟพกพา และตัวแปลงซิมการ์ด เป็นต้น

          นอกจากนี้ยังมีบริการเสริม Vertu Concierge Classic สำหรับผู้ใช้ Vertu Ti โดยเฉพาะซึ่งเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่สามารถโทรเรียกได้ตลอด 24 ชั่วโมงอีกตัว คล้าย ๆ กับ Siri ของแอปเปิลหรือ S-Voice ของซัมซุง แต่ต่างกันตรงที่ของ Vertu จะเป็นการใช้คนจริง ๆ มาบริการแทนโปรแกรม


          สเปคเบื้องต้นของ Vertu Ti

    •    ระบบปฏิบัติการ Android 4.0 ICS
    •    ซีพียู dual-core Snapdragon S4 ความเร็ว 1.7GHz, แรมไม่ระบุ
    •    หน่วยความจำภายใน 64GB
    •    หน้าจอขนาด 3.7 นิ้ว WVGA
    •    กล้องถ่ายภาพด้านหลัง 8 ล้านพิกเซล พร้อมออโต้โฟกัสและ LED flash
    •    กล้องถ่ายภาพด้านหน้า 1.3 ล้านพิกเซล
    •    เชื่อมต่อ Bluetooth, NFC และ WiFi hotspot
    •    สนับสนุนเครือข่าย 2G, 3G และ 4G LTE
    •    แบตเตอรี่ 1,250mAh
    •    ขนาดตัวเครื่องหนา 12.8 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 181-201 กรัม
    •    ดูข้อมูลสเปคอื่น ๆ คลิกที่นี่


          ทั้งนี้ ราคาเปิดตัว Vertu Ti อยู่ที่ 7,900 ยูโร ($10,000) หรือประมาณ 300,000 บาท ซึ่งมีทั้งหมดผลิตออกมาแค่ 326,000 เครื่องทั่วโลก โดยจะวางจำหน่ายผ่านตัวแทนกว่า 500 แห่งทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยเองก็มีศูนย์จำหน่าย Vertu อยู่ด้วยเช่นกัน สามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ Vertu โดยตรง