Honda N-One มินิคาร์แนวเรโทรสำหรับคนเมือง (ยานยนต์)
ไม่มีใครไม่ยอมรับถึงความทันสมัยของรถยนต์จากค่ายฮอนด้า (Honda) อย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าจะทำรถบุกตลาดออกมาสไตล์ไหน จะกี่รุ่นต่อกี่รุ่นก็ได้รับความสนใจจากบรรดาแฟน ๆ เป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เองทางฮอนด้าจึงเล็งเห็นว่าในเมื่อทำรถรุ่นใหม่หน้าตาล้ำสมัย ออกมาเยอะแล้ว มาตอนนี้อยากจะย้อนกลับไปเมื่อยุคแรก ๆ กับแนว Retro ถ้ามองให้ดีจะไม่เหมือนกับฮอนด้าในช่วงเริ่มแรกกับรุ่น N 360 ที่ผลิตออกมาเมื่อปี 1967
แถมทางเลือกของมันก็ไม่ธรรมดา เพราะมีมาให้เลือกกับระบบขับเคลื่อนทั้งแบบ 2 ล้อ และ 4 ล้อ แต่เห็นตัวเล็กหน้าย้อนยุคแบบนี้ต้องบอกว่า ระบบขับเคลื่อนไม่ธรรมดาจริง ๆ กับ "Honda N-One" ซึ่งคู่แข่งที่ทางฮอนด้ามอง ๆ ดูแล้วก็คงจะมาเบียด Fiat 500 โดยจะมีขนาดใกล้เคียงกัน
ว่าแต่จะย้อนยุคยังไงงั้นลองมาชมหน้าตาภายนอกกันก่อนเลย ดวงไฟคู่หน้าทรงกลมแบบเรียบง่ายตามสไตล์รถแนว Retro แต่หลอดไฟนั้นทันสมัยแบบโปรเจ็คเตอร์ เลนส์ ถูกจัดวางอย่างลงตัวในกรอบดำลักษณะคล้ายตาของแพนด้า มีกระจังหน้าเข้ามาเป็นส่วนร่วมเพื่อให้ดูไม่ย้อนยุคจนเกินไป มีเส้นโครเมียมมันวาวเดินกรอบต่อเนื่องกลมกลืนไปกับช่องดักอากาศขนาดพอเหมาะ มีแถบกันชนคั่นกลาง ไฟตัดหมอกทรงเดียวกับไฟหน้ามีขนาดเล็กจัดวางได้อย่างลงตัว กันชนหน้าขนาดใหญ่ทำแนวตั้งฉาก ฝากระโปรงหน้าเรียบง่ายยกแนวสันรับกับไฟหน้า
ด้านข้างเดินเส้นตรงตั้งแต่โป่งล้อหน้าผ่านมือเปิดประตูยาวไปจรดไฟท้าย มีคิ้วกันกระแทกมาให้ แต่จะติดอยู่บริเวณชายล่างประตูโป่งล้อหลังมีมาให้พองาม ไฟท้ายเป็นแบบง่าย ๆ อยู่ในทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตั้ง โดยตัวกันชนหลังตัดราบเรียบไปกับฝากระโปรงหลังที่มีใบปัดน้ำฝนมาให้พร้อมแถบโครเมียม เพิ่มความหรูหรา พร้อมสัญลักษณ์ N-One
ถึงแม้รถจะเล็กแต่ภายในห้องโดยสารก็ทำได้ออกมาไม่ขี้เหร่ด้วย ลักษณะคล้ายภายในของรถตู้ คอนโซลหน้าขนาดใหญ่อยู่ในแนวราบไปกับผนังห้องเครื่องยนต์ แบ่งโซนการใช้งานปุ่มควบคุมได้อย่างลงตัว ชุดเกียร์อยู่บริเวณข้างพวงมาลัยให้อารมณ์ที่แฝงไปด้วยความทันสมัย กับปุ่ม Start/Stop ที่อยู่เคียงข้างกัน ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ พร้อมกันนี้ ยังมากับจอแสดงผลที่รวมเอาการอ่านค่าไว้ทุกอย่างอยู่ที่เดียวกัน การเชื่อมต่อโทรศัพท์ในระบบ InterNavi และช่องเก็บของที่ออกแบบมีมาให้ใช้รอบคัน เก๊ะหน้ารถด้านคนนั่งมาในรูปแบบ 2 ชั้น เพิ่มพื้นที่เก็บเอกสารได้เป็นอย่างดี เบาะนั่งเป็นแบบ 4 ที่นั่ง แถวหลังปรับพับได้ในอัตราส่วน 50 : 50 โดยการพับแถวหลังจะราบเรียบช่วยเพิ่มพื้นที่ในการขนสัมภาระได้อีกต่างหาก
ด้านขุมพลังแน่นอนว่าต้องเน้นประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงเป็นหลักโดยการันตีอยู่ที่ 27 กิโลเมตร/ลิตร ข้อมูลเครื่องยนต์มีมาไม่มาก แต่ทราบว่าเป็นเครื่องยนต์ DOHC มีระบบอัดอากาศ Turbo เข้ามาเกี่ยวข้อง ขนาด 660 ลิตร แต่ข้อมูลบอกว่าถึงขนาดความจุจะน้อยแต่มันสามารถเทียบเท่าได้กับเครื่องยนต์ขนาด 1.3 ลิตร เลยทีเดียว สำหรับระบบขับเคลื่อนมีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อและขับ 4 ล้อ
อย่างไรก็ตาม ในบ้านเราคิดว่าไม่น่าจะมีการนำเข้ามาจำหน่าย แต่ถ้าอยากได้จริง ๆ ก็ไม่ยากเพราะมีบริการจากผู้นำเข้าอิสระอยู่มากมาย ราคาตัวขับ 2 ล้อ อยู่ที่ 1.15 ล้านเยน หรือประมาณ 390,000 บาท ส่วนตัวขับ 4 ล้อ อยู่ที่ 1.7 ล้านเยน หรือประมาณ 553,000 บาท (ราคาในต่างประเทศ)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ที่มา หนังสือยานยนต์
ปีที่ 45 เล่มที่ 560 มกราคม 2556