เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
การออกกำลังกาย แม้จะถือเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพก็จริง แต่ทั้งนี้การออกกำลังกายก็สามารถทำร้ายร่างกายของคุณได้เช่นกัน หากคุณหักโหมออกกำลังมากจนเกินขีดจำกัดของร่างกาย เพราะนอกจากจะทำให้ร่างกายเหนื่อยล้ามากขึ้นแล้ว ยังทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ด้วย ทั้งนี้อาการบาดเจ็บอาจไม่แสดงออกให้เห็นในทันที แต่ความบอบช้ำจะค่อย ๆ สะสมและแสดงออกมาในท้ายที่สุด ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นอาจจะสายเกินแก้แล้วก็ได้ ฉะนั้นลองมาเช็กตัวเองกันหน่อยดีกว่าว่า คุณโหมออกกำลังกายหนักเกินไปหรือเปล่า
1. ตรวจเช็กจากอัตราการเต้นของหัวใจ
อัตราการเต้นหัวใจของผู้ชายโดยทั่วไปควรอยู่ที่ประมาณ 70 - 90 ครั้งต่อนาที ส่วนนักกีฬาจะมีอัตราการเต้นของหัวใจอยู่ที่ระหว่าง 40 - 50 ครั้งต่อนาที ในกรณีที่คุณออกกำลังกายหนักเกินไป อัตราการเต้นของหัวใจของคุณจะเพิ่มมากขึ้นกว่าระดับปกติของร่างกายคุณ ซึ่งในกรณีแบบนี้แสดงให้เห็นว่าร่างกายของคุณต้องการพักผ่อนอย่างเร่งด่วน
2. กระหายน้ำผิดปกติ
โดยทั่วไปแล้วหลังการออกกำลังกายมักจะมีอาการกระหายน้ำตามมา เนื่องจากร่างกายสูญเสียเหงื่อไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนมากดื่มแค่นิดหน่อยก็สามารถดับกระหายได้แล้ว แต่ถ้าหากคุณหิวกระหายน้ำมากและบ่อยกว่าปกติ แสดงว่าร่างกายของคุณกำลังอยู่ในภาวะขาดน้ำ ทั้งนี้วิธีแก้ไขที่ดีที่สุดคือ การดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายนั่นเอง โดยจิบน้ำเป็นระยะ ๆ และไม่ควรดื่มเข้าไปคราวละมาก ๆ
3. กล้ามเนื้ออ่อนเพลีย
ปกติแล้วร่างกายสามารถฟื้นฟูกล้ามเนื้อจากอาการอ่อนเพลีย และความปวดเมื่อยต่าง ๆ ได้ภายใน 1 - 2 วันหลังการออกกำลังกาย ทั้งนี้หลังจากที่เวลาผ่านไปเกินกว่าที่กล่าวเอาไว้ ควรงดออกกำลังกายสักระยะ เพื่อให้ร่างกายได้พักฟื้นและซ่อมแซมกล้ามเนื้อส่วนที่สึกหรอ ซึ่งระยะเวลาการออกกำลังกายที่เหมาะสมคือ ออกกำลังให้ได้อย่างน้อย 45 นาที แต่ไม่เกิน 75 นาทีต่อวัน
4. นอนไม่หลับ
ในกรณีทั่วไปการออกกำลังกายนอกจากจะมีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ยังช่วยให้คุณนอนหลับได้สบายมากขึ้นด้วย แต่สำหรับคนที่ออกกำลังกายมากเกินไปจะได้ผลตรงกันข้ามนั่นคือ โรคนอนไม่หลับ เป็นเพราะระบบการผลิตฮอร์โมนในร่างกายถูกกระตุ้น เป็นผลให้ทำงานมากเกินไป ทั้งนี้การนอนไม่หลับจะส่งผลต่อระบบการฟื้นฟูร่างกายโดยตรง ดังนั้นในระยะนี้คุณควรลดเวลาและระดับการออกกำลังกายให้น้อยลง จะช่วยให้ปรับเวลาการนอนของร่างกายให้เป็นปกติ
5. รู้สึกกดดัน
การออกกำลังกายที่พอดีจะทำให้จิตใจสงบและเบิกบานขึ้น ซึ่งถ้าหากผลที่คุณได้รับคือความเครียดหรือรู้สึกกดดัน แสดงว่าคุณกำลังหักโหมออกกำลังกายมากจนเกินไป นั่นเป็นเพราะมุมมองของการออกกำลังกายเปลี่ยนไป จากเดิมแค่มองว่าทำให้ร่างกายแข็งแรง แต่กลับมองว่าการออกกำลังเป็นความท้าทาย การแข่งขัน หรือต้องการสร้างจุดเด่นให้กับตัวเอง ทั้งนี้ ในการออกกำลังทุกครั้งควรโฟกัสไปที่การสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกาย และเพื่อสุขภาพที่ดีมากกว่า
6. ฉุนเฉียวง่าย
ข้อนี้สืบเนื่องมาจากความกดดันและความเครียด ทำให้อารมณ์ของคุณแปรปรวนและฉุนเฉียวได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ตัวคุณเองอาจจะไม่รู้สึกว่าอารมณ์ของตัวเองเปลี่ยนไป แต่ให้ลองสังเกตปฏิกิริยาจากคนรอบข้าง หรือสอบถามจากคนสนิทของคุณก็ได้ อย่างเช่น เพื่อน ครอบครัว แฟน หากพวกเขาตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าอารมณ์คุณเปลี่ยนไปจริง ๆ ก็หมายความว่าถึงเวลาที่คุณต้องหาเวลาพักผ่อนแล้วล่ะ
7. ป่วยบ่อย
การหักโหมออกกำลังกายมากเกินไปนอกจากจะทำให้อาการบาดเจ็บรุนแรงขึ้นแล้ว ยังทำให้ระบบภูมิคุ้มกันลดลงด้วย ส่งผลให้คุณมีอาการอ่อนเพลียและมีอาการเจ็บป่วยบ่อยขึ้น ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากระดับสารกลูทามิน หนึ่งในสารสำคัญของการสร้างภูมิคุ้มกันลดน้อยลง ทำให้ร่างกายของคุณติดเชื้อได้ง่าย ดังนั้นคุณจึงควรลดเวลาการออกกำลังให้เหมาะสมและทานอาหารที่มีวิตามินเยอะ ๆ โดยเฉพาะวิตามินเอ และวิตามินอี
8. เสียสมาธิง่าย
หลังจากที่คุณออกกำลังหนัก ๆ เป็นเวลาติดต่อกันนาน ๆ ร่างกายและสมองของคุณจะคิดว่าการออกกำลังกายเป็นงานหนึ่งที่คุณต้องทำ เพราะในหัวสมองของคุณเต็มไปด้วยความเครียดและกดดันให้ตัวเองออกกำลังหนักขึ้นเรื่อย ๆ จึงส่งผลกระทบทำให้เสียสมาธิได้ง่ายขึ้น ทำให้คุณทำสิ่งต่าง ๆ ได้น้อยลง ไม่ว่าเป็นเรื่องในชีวิตประจำวันของตัวเองหรือในระหว่างการออกกำลังกายก็ตาม
9. เจ็บป่วยมากขึ้น
นอกจากจะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บมากขึ้นแล้ว อาการบาดเจ็บที่ผ่านมามีโอกาสที่จะกำเริบได้ง่ายขึ้นด้วย เป็นเพราะร่างกายไม่มีเวลามากพอที่ซ่อมแซมและฟื้นบำรุงให้กลับคืนสู่สภาพปกติ ซึ่งอาการบาดเจ็บเหล่านี้จะส่งในระยะยาวที่อาจร้ายแรงถึงขั้นเป็นอัมพาตได้ เพราะฉะนั้นคุณจึงควรหาเวลาพักผ่อนให้ร่างกายได้พักฟื้นบ้าง
10. ขาดแรงจูงใจ
เมื่อเราเอาชีวิตไปผูกอยู่กับการออกกำลังกายมากเกินไป ทำให้เกิดความเคยชินและเริ่มขาดแรงจูงใจ ทั้งนี้ในแต่ละวันคุณจะปฏิบัติไปแบบเดิม ๆ เสมือนกำลังทำหน้าที่อยู่ ส่งผลให้คุณรู้สึกเบื่อหน่ายได้ง่าย ในกรณีแบบนี้คุณควรหยุดพักประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อเรียกกำลังกายและกำลังใจให้กลับคืนมา ในระหว่างที่คุณหยุดพักควรทานอาหารดีและมีประโยชน์ด้วย เพื่อไม่ให้การออกกำลังกายของคุณต้องเสียเปล่า
ถึงแม้ในสมองของคุณคิดว่ายังสามารถออกกำลังกายต่อไปได้ แต่ในความเป็นจริงผลลัพธ์ของมันอาจตรงกันข้าม ดังนั้น ก่อนที่คุณจะออกกำลังกายต่อลองถามความรู้สึกและเช็กสภาพร่างกายของตัวเองให้ดีเสียก่อนจากสัญญาณที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ หากร่างกายของคุณตอบว่าไม่ไหวก็ควรหยุดและพักผ่อนบ้าง เพื่อให้ร่างกายได้มีเวลาพักฟื้น รวมทั้งยังทำให้การออกกำลังมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
รวมเรื่องเด็ด สุดยอดของผู้ชาย สาวสวยเซ็กซี่ แฟชั่น รถยนต์ คลิกที่นี่
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่