x close

คุณรู้ไหมว่าความขี้เกียจก็มีข้อดีเหมือนกันนะ

คุณรู้ไหมว่าความขี้เกียจก็มีข้อดีเหมือนกันนะ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          เคยมีบ้างไหมครับที่คุณเคยไปออกกำลังกายกับเพื่อนแทบทุกวัน แต่พอมาวันหนึ่งกลับเริ่มรู้สึกขี้เกียจอยากนอนอยู่บ้านบ้างทั้งที่สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะออกกำลังกายทุกวัน  ไม่ว่าใครจะมาคะยั้นคะยออย่างไรก็ไม่สน หรือใครจะว่าคุณเป็นคนที่สุดแสนจะขี้เกียจอย่างไรก็ไม่สนใจใช่ไหมครับ ถ้างั้น...เราก็ขอสนับสนุนเหตุผลให้คุณขี้เกียจด้วยละกัน ว่าความขี้เกียจนั้นใช่ว่ามีแต่เรื่องที่ไม่ดีเสียเมื่อไหร่ แถมในอีกทางหนึ่งยังช่วยให้มีสุขภาพดีได้ต่างกับตอนที่ออกกำลังกายเลยแหละ งงใช่ไหมครับ? ว่าทำไมจึงเป็นแบบนี้ไปได้ ถ้างั้นลองไปดูเหตุผลกันเลยดีกว่า

 การไม่ออกกำลังกายสำคัญเทียบเท่าการออกกำลังกาย

          เป็นเรื่องจริงที่การออกกำลังกายทำให้คุณมีสุขภาพแข็งแรงดี แต่ถ้าคุณขยันเกินออกกำลังกายหนัก ๆ ทุกวันจนร่างกายอ่อนเปลี้ยก็ไม่ใช่เรื่องที่สมควรทำหรอกนะ ด้วยจุดนี้เองการที่ไม่ได้ออกกำลังกายจึงสามารถช่วยให้คุณสุขภาพดีได้ด้วย นั่นเพราะเวลาที่คุณออกกำลังกายอย่างหนัก กล้ามเนื้อในร่างกายของคุณจะเกิดอาการอ่อนล้า จึงต้องหยุดพักบ้างในวันถัดมาเพื่อให้กล้ามเนื้อได้ฟื้นตัว และอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นในขณะออกกำลังกายนั้น สาเหตุหลักเลยคือมาจากการหักโหมมากจนเกินไปนั่นเอง เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว การหยุดพักนอนอยู่เฉย ๆ บ้าง ถือเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กันเลย

กิจกรรมที่ต้องใช้แรงอาจทำร้ายหัวใจคุณได้

          หากว่าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการวิ่งออกกำลังกายเป็นระยะทางหลายสิบกิโลเมตร หรือยกเวทเป็นเวลาติดต่อกันนานหลายชั่วโมง ซึ่งคุณอาจคิดว่าการออกกำลังอย่างหนักหน่วงเช่นนี้จะทำให้ร่างกายแข็งแรงแบบสุด ๆ เลยใช่ไหมครับ แต่อย่าชะล่าใจไปนะ เพราะจากการศึกษาพบว่าหัวใจห้องล่างขวานั้นจะบอบช้ำและอ่อนแออย่างมาก เมื่อคุณออกกำลายแบบเต็มกำลัง ด้วยเหตุนี้ นักกีฬาวิ่งมาราธอนหลายรายมักเกิดอาการหัวใจวายที่เกิดจากการฝึกซ้อมมากเกินไป (Overtraining Syndrome) หรือก่อให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia) ขึ้นมานั่นเอง

คุณรู้ไหมว่าความขี้เกียจก็มีข้อดีเหมือนกันนะ

นั่งสมาธิ ทางสงบอย่างแท้จริง

          อาจกล่าวได้ว่าการทำสมาธินั้นเป็นการแสดงถึงความเกียจคร้านแบบสุด ๆ เพราะเหมือนกับว่าคุณนั่งอยู่เฉย ๆ โดยไม่ทำอะไรเลย แต่ข้อดีของการนั่งสมาธินั้นมากมายกว่าที่คิด เนื่องจากการทำสมาธินั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการเสริมสร้างและพัฒนาจิตของเราให้ดีมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดอัตราเสี่ยงการเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ลดการเกิดโรคอัลไซเมอร์ และยังช่วยให้คุณนอนหลับได้อย่างดีด้วย วิธีทำก็ไม่ยาก เพียงแค่นั่งขัดสมาธิ หลับตา กำหนดลมหายใจเข้าออก ไม่คิดอะไรให้รกสมองสัก 20 นาที แค่นี้ก็สุดยอดแล้ว

รู้จักผ่อนคลาย คือ การดูแลสุขภาพวิธีหนึ่ง

          แม้ว่าตัวคุณไม่ชอบนั่งสมาธิก็ไม่เป็นไร หากว่าคุณเป็นคนรู้จักผ่อนคลายความเครียด เพราะการผ่อนคลายคือการใช้เวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น เช่น นั่งอ่านหนังสือ นอนดูก้อนเมฆลอยผ่านไปมา หรือนั่งดูผู้คนเดินผ่านไปมา ซึ่งการทำแบบนี้มีส่วนช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น กล้ามเนื้อคลายตัวลดความตึงเครียดและความเจ็บปวด หากมีอารมณ์โกรธ ความโกรธก็จะเบาบางลง เห็นไหมว่าการรู้จักผ่อนคลายความเครียดก็ทำให้สุขภาพดีได้

วิธีการออกกำลังกายอย่างชาญฉลาด

          นี่เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง จากการค้นคว้าของนักวิทยาศาสตร์ในมหาวิทยาลัยบาร์ท (University of Bath) จากประเทศอังกฤษ ได้นำอาสาสมัครมาทดลองให้ปั่นจักรยานระยะทางสั้น ๆ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งเพียง 6 สัปดาห์ก็พบว่าการทำงานของอินซูลินนั้นดีขึ้นกว่าปกติถึง 28 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ลดความเสี่ยงที่จะเกิดเบาหวานได้ สอดคล้องกับการค้นคว้าของมหาวิทยาลัยแม็คมาสเตอร์ (McMaster University) จากประเทศแคนาดา ที่พบว่าการออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยานอย่างหนักเพียง 10 นาที เพียง 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ดีกว่าคนที่ออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยาน 10 ชั่วโมง จำนวน 14 ครั้งต่อเดือนเสียอีก

          เห็นไหมว่าบางทีการที่ความขี้เกียจก็มีประโยชน์อยู่บ้าง เพราะคนเราทุกคนต้องการพักผ่อนเพื่อผ่อนคลายความเครียดด้วยกันทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามความขี้เกียจก็ยังต้องมีลิมิตด้วย ไม่ใช่ว่าจะนอนชิลอยู่บ้านตลอดเวลาก็คงไม่ไหวหรอกนะ หลังจากที่ทำตัวขี้เกียจมาได้ระยะเวลาหนึ่งแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องออกกำลังยืดเส้นยืดสายเสียหน่อย หรือหาสิ่งดี ๆ ที่มีประโยชน์ทำเสียบ้าง เพราะหากมัวแต่เอื่อยเฉื่อยนาน ๆ เข้า อาจทำให้คุณกลายเป็นเกียจคร้านไปตลอดเลยก็ได้นะ ซึ่งย่อมส่งผลเสียต่อการใช้ชีวิตของคุณอย่างแน่นอน





เรื่องที่คุณอาจสนใจ
คุณรู้ไหมว่าความขี้เกียจก็มีข้อดีเหมือนกันนะ อัปเดตล่าสุด 22 สิงหาคม 2555 เวลา 16:51:25 2,781 อ่าน
TOP