วิธีเลือกรองเท้าให้เหมาะสมกับชุดที่สวมใส่

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          ผู้ชายหลายคนมักจะคิดว่ารองเท้าไม่สำคัญเท่ากับเสื้อผ้า หน้าผม เพราะคิดว่าคนส่วนใหญ่จะให้ความสนใจเรื่องการแต่งตัวมากกว่าการเลือกรองเท้ามาใส่ และนี่ถือว่าเป็นความคิดผิด ๆ ที่ทำให้ใครหลายคนแต่งตัวพลาดมาแล้ว เพียงเพราะเลือกรองเท้าผิด ทำให้ลดระดับความน่าเชื่อถือลงมากเลยทีเดียว แล้วจะมีวิธีเลือกรองเท้าให้เข้ากับชุด และสถานการณ์ได้อย่างไรบ้าง? ไปดูกันดีกว่า



 1. รองเท้า Oxfords

          รองเท้าชนิดนี้มีต้นกำเนิดจากประเทศอังกฤษ ในปัจจุบันรองเท้าสไตล์นี้จะนิยม แบบที่มีเชือกผูกรองเท้า เพราะสามารถใส่ได้หลายโอกาส ซึ่งรองเท้า Oxford สีดำ เข้ากันได้ดีกับสูทแบบธรรมดา สูทลายทาง และสูทแบบ Double Breasted Suit สำหรับใส่ไปงานทั่วไป หรืออาจจะเป็นเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสบาย ๆ ในวันพักผ่อนก็ได้เช่นกัน ส่วนรองเท้า Oxford สีน้ำตาล สามารถเข้ากันได้ดีกับเสื้อหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อขนสัตว์ Light suite แจ็คเก็ตยีนส์ และชุดสีกากี ส่วนรองเท้า Oxford สีอื่น ๆ นั้น เหมาะกับสูทสีอ่อน ๆ หรือชุดที่ดูไม่เป็นทางการมากนัก



          ที่มาของชื่อรองเท้าแบบ Wingtips นั้นมาจากลักษณะของรองเท้า นั่นคือ ถ้าคุณมองจากด้านบน รองเท้าจะมีลักษณะคล้ายตัวอักษร "W" ซึ่งดูคล้ายกับปีกนก จึงเรียกรองเท้าชนิดนี้กว่า Wingtips ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้เรียกกันทั่วไปในประเทศอังกฤษ ซึ่งรองเท้าสไตล์นี้เหมาะกับกางเกงสบาย ๆ สำหรับงานทั่ว ๆ ไป




          รองเท้าแบบ Derby มีความคล้ายกับรองเท้าแบบ Oxford เป็นอย่างมาก แต่แตกต่างที่ห่วงผูกเชือกรองเท้า เพราะรองเท้าแบบ Derby นั้นจะเย็บห่วงรองเท้าไว้ด้านบน เป็นรองเท้าที่เข้ากันได้ดีที่สุดกับชุดสีกากี และเสื้อเบลเซอร์ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบสังสรรค์ในยามราตรี 


          รองเท้าสไตล์นี้ จะมีลวดลายอยู่บริเวณขอบ และหัวรองเท้า ซึ่งเหมาะสำหรับสวมใส่กับ Lounge suite รองเท้าประเภทนี้เป็นรองเท้าที่ดู เป็นทางการมากกว่ารองเท้าแบบ Oxford รองเท้าแบบ Wingtips และรองเท้าแบบ Derby ฉะนั้นรองเท้าแบบ Cap toe จึงเหมาะกับงานพิเศษ ๆ และงานกลางวันที่เป็นทางการ


5. รองเท้า White bucks

          รองเท้าชนิดนี้ผลิตจากหนังเช่นเดียวกัน แต่หนังรองเท้าจะเป็นสีขาว ซึ่งทำให้ดูโดดเด่นเป็นเอย่างมาก เหมาะกับสูทแบบ Lightweight หรือยีนส์ สำหรับงานต่าง ๆ ซึ่งจัดขึ้นในวันที่อากาศแจ่มใส อย่างเช่นช่วงฤดูร้อน เพราะฤดูอื่น ๆ อาจทำให้รองเท้าเปื้อนได้ง่าย


6. รองเท้า Dress boots

          รองเท้าบู๊ตที่เหมาะสำหรับผู้ชายที่ทันสมัย และเรียกได้ว่าเป็นผู้นำแฟชั่น เพราะรองเท้าสไตล์นี้เข้าได้ดีกับชุดสบาย ๆ ในสไตล์ของคุณเอง เหมาะที่สุดกับยีนส์สีดำ และชุดที่ไม่เป็นทางการมากนัก และยังให้ความอบอุ่นกับเท้าของคุณในวันที่อากาศหนาวได้อีกด้วย


7. รองเท้า Opera Slippers (Court Shoes)

          รองเท้าหัวแหลม ขัดเขา ซึ่งเคยเป็นที่นิยมในหมู่ของกษัตริย์ นักกวี และขุนนางทั้งหลายของชาวยุโรปในอดีต ในปัจจุบันนั้นนิยมใส่กับชุดทักซิโด้ หรือชุดพิธีดั้งเดิมต่าง ๆ ของฝั่งยุโรป 



          Loafers เป็นรองเท้าที่ถูกผลิตขึ้นช่วงศตวรรษที่ 20 ด้านหน้าดูเหมือนรองเท้าส้นเตี้ยทั่วไป แต่แตกต่างตรงที่ส้นรองเท้าสไตล์นี้จะกว้างและแบนราบกว่า ในอดีตจะนิยมประดับพู่บริเวณหัวรองเท้า แต่ในปัจจุบันได้ยกเลิกการผลิตไปแล้ว และแยกออกเป็น Loafers ประเภทต่าง ๆ ดังนี้

  Penny Loafers จะมีแถบคาดบริเวณด้านบนของรองเท้า ซึ่งดูคล้ายคลึงกับแบบต้นฉบับมาก

  Loafers และ slip – on shoes ไว้สำหรับการติดต่อธุรกิจที่ไม่เป็นทางการมากนัก

  Tassel Loafers รองเท้าสำหรับงานที่เน้นความสุภาพและเป็นทางการ สำหรับการติดต่อธุรกิจใหญ่ หรืองานสำคัญ ๆ

  Penny loafers เหมาะกับกางเกงสีกากี และเสื้อเบลเซอร์ และเข้าชุดกับกางเกงขาสั้น เสื้อโปโลได้เป็นอย่างดี

 
9. รองเท้า Boat Shoes

          ความแตกต่างของ Boat shoes กับ Loafers คือ Boat shoes เหมาะสำหรับใส่กับชุดกีฬาหรือกางเกงขาสั้น ซึ่งเข้ากันได้ดีกับผู้ที่ชื่นชอบการแต่งตัวแนวสปอร์ต หรือในวันสบาย ๆ


10. รองเท้า Monk straps

          รองเท้า แบบ Monk strap นี้ มีจุดแตกต่างกับรองเท้าชนิดอื่น ๆ ที่บริเวณหัวรองเท้ามีสองสไตล์คือ หัวรองเท้าแบบเมทัลลิกและหัวรองเท้าแบบหนัง เป็นอีกหนึ่งจุดที่ทำให้แตกต่างจากแบบ Cap toes สำหรับรองเท้าสไตล์ Monk strap นี้สามารถใส่เข้าคู่กับกับแฟชั่นยีนส์ กางเกงขายาว หรือชุดทำงานออฟฟิศก็ได้

          ไม่ว่าจะสวมใส่รองเท้าสไตล์ไหน ก็สามารถทำให้คุณดูดีขึ้นได้ หากรู้จักวิธีเลือกให้เหมาะกับชุด และโอกาสต่าง ๆ สิ่งที่สำคัญคือ ควรมองหาเท้าหนังดี ๆ ไว้สักคู่ ซึ่งนับเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับรองเท้าผู้ชาย เพราะรองเท้าหนังจะช่วยเสริมลุคของคุณให้ดูดีได้ทุกองศา แม้ในวันสบาย ๆ นั่นเอง