เรื่อง Ambrosia ภาพ Rodale Library
อากาศยิ่งร้อน เราก็ยิ่งหิวน้ำ น้ำอะไรที่ดูจะเทียบน้ำใสสะอาดแช่เย็นเจี๊ยบไม่ได้ แต่อย่าเพิ่งชะล่าใจไป เพราะน้ำใส ๆ ที่เห็นใช่ว่าจะสะอาดไปทั้งหมด แล้วแบบไหนล่ะที่เราจะมั่นใจได้
หลายคนคงคิดเหมือนกันว่า ที่เรียกว่า "น้ำดื่มสะอาด" ซึ่งเดี๋ยวนี้มีให้เลือกกันเต็มตู้แช่ แจกกันทุกปั๊มน้ำมันจนบางคนคิดว่าน้ำในขวดพลาสติกใสที่ต้องเสียเงินซื้อเท่านั้นจึงจะสะอาด น้ำประปาในบ้านที่ใช้วิธีต้นแบบดั้งเดิมดูจะสะอาดไม่พอ แถมเครื่องกรองน้ำที่ใช้ในบ้าน ก็มีรุ่นใหม่ ๆ ซึ่งมีคุณสมบัติ "สะอาดกว่า" จนตามแทบไม่ทัน
ผู้เชี่ยวชาญจากสถานบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล บอกว่าน้ำดื่มบรรจุขวดที่ขายในบ้านเรา 80 เปอร์เซ็นต์ ใช้กระบวนการผลิตด้วยวิธีการกรองจากน้ำประปาทั้งสิ้นและน้ำดื่มสะอาดคือ น้ำที่มีสารละลาย แร่ธาตุต่าง ๆ อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมต่อการบริโภค ไม่ใช่น้ำบริสุทธิ์ที่ไม่มีแร่ธาตุใด ๆ อยู่เลย
เพราะฉะนั้นน้ำสะอาดจึงเริ่มต้นจากน้ำประปาที่ทุกบ้านมีนั่นเอง
"น้ำประปาสะอาด" ดื่มได้จริงหรือ
แม้ว่าการประปานครหลวงซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐก่อตั้งมาเพื่อดูแลน้ำสะอาดให้กับประชาชนมาเกือบ 90 ปี จะบอกว่าน้ำประปาสะอาดดื่มได้ แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าดื่มน้ำจากก๊อก
ในกระบวนการผลิตน้ำประปานั้น การประปาฯ ยืนยันว่ามีการดูแลทุกขั้นตอน เริ่มจากการคัดเลือกแหล่งน้ำสูบน้ำดิบ เติมสารเคมี เช่น สารส้ม เพื่อช่วยให้สาร แขวนลอยที่มีอยู่ในน้ำดิบรวมกันก่อนเข้าสู่การตกตะกอน แล้วผ่านน้ำใสไปยังปอกรอง จากนั้นจะเดิมคลอรีนซึ่งเป็นสารฆ่าเชื้อโรคที่มีประสิทธิภาพสูง ก่อนจะจ่ายน้ำประปาไปตามเส้นท่อให้ประชาชนผู้ใช้น้ำ การตรวจสอบคุณภาพน้ำประปามีทั้งที่โรงงานผลิตน้ำ สถานีสูบจ่ายน้ำและระบบเส้นท่อจ่ายน้ำ ปัญหาที่มักจะเกิดคือ ระบบท่อภายในอาคารบ้านเรือนของผู้ใช้เป็นเหล็กซึ่งหมดอายุแล้ว อาจจะมีสนิมเหล็กหลุดปะปนออกมา โดยเหล็กนี้มีอายุการใช้งานประมาณ 5 ปี เมื่อหมดอายุแล้วจึงควรเปลี่ยนเป็นท่อทีวิซีแทน หรือควรมีที่พักน้ำและหมั่นดูแลล้างทำความสะอาดอยู่เสมอ ๆ
ถ้ายังไม่แน่ใจ MH มีวิธีการทดสอบน้ำประปาอย่างง่าย ๆ ว่าสะอาดหรือไม่ โดยเปิดก๊อกน้ำทิ้งไว้สักครู่ แล้วรองน้ำใส่แก้วดูว่าใสใช้ได้ไหม และอย่ารังเกียจกลิ่นคลอรีน เพราะกลิ่นคลอรีนนี่แหละที่แสดงว่าน้ำสะอาดได้ผ่านการฆ่าเชื้อมาแล้ว ถ้าไม่ชอบให้พักทิ้งไว้ 20-30 นาที กลิ่นจะหายไปเอง การใส่คลอรีนมากหรือน้อยก็ไม่ต้องกังวล เพราะองค์การอนามัยโลกได้กำหนดไว้ว่า ต้องไม่มีคลอรีนในน้ำประปาเกิน 5.0 มิลลิกรัม/ลิตร ซึ่งบ้านเราอยู่ระหว่าง 2.0-1.8 มิลลิกรัม/ลิตร
เมื่อน้ำประปามาถึงที่บ้าน มีวิธีฆ่าเชื้อโรคเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง ในอดีตเราอาจพักน้ำใส่ตุ่มไว้เพื่อให้สิ่งต่าง ๆ ตกตะกอนอีกครั้ง กำจัดกลิ่นคลอรีน และใส่กาต้มให้เดือดที่ 100 องศาเซลเซียส วิธีการนี้จะทำให้จุลินทรีย์ แบคทีเรียต่าง ๆ ตายไป แต่แร่ธาตุยังอยู่ ต่อมาเมื่อมีเครื่องกรองน้ำชีวิตเราจึงสะดวกสบายขึ้น แต่กลายเป็นว่าต้องมากังวลใจแทนว่าใช้เครื่องกรองน้ำแบบใดจึงจะดีและสะอาดจริง
เครื่องกรองน้ำชนิดใดดีกว่ากัน
เครื่องกรองน้ำนี่เองเป็นที่มาของการทำน้ำดื่มสะอาดบรรจุขวด ประเภทของการกรองน้ำแบ่งเป็นวิธีการใหญ่ ๆ ได้ 2 วิธี คือ การกรองด้วยคาร์บอน พวกนี้จะดูดซับกลิ่น และรสชาติที่ไม่พึงประสงค์ไว้ แต่ยังมีแร่ธาตุอยู่ และกรองด้วยยูวี คือแสงอัลตราไวโอเลตนั่นเอง รังสีนี้จะช่วยฆ่าเชื้อโรคโดยการตัดวงจรแพร่พันธุ์ของจุลชีพ
เครื่องกรองน้ำอีกระบบที่นิยมใช้กันในปัจจุบันและเป็นที่ถกเถียงกันอยู่คือ ระบบออสโมซิสย้อนกลับ (Reverse Osmosis หรือเรียกง่าย ๆ ว่า RO) น้ำกรองชนิดนี้ใช้แรงดันสูงฉีดน้ำให้ผ่านเยื่อบาง ๆ ที่เรียกว่า Membrane เยื่อนี้สามารถกรองน้ำได้เล็กละเอียดถึงขนาดกรองโมเลกุล และกรองอะตอมของน้ำได้ เรียกว่าเชื้อโรคหรือจุลินทรีย์ไม่มีทางหลุดผ่านเยื่อกรองนี้ไปได้ และยังขจัดสารเคมี และแร่ธาตุทุกชนิดออกหมด รวมทั้งแคลเซียมและแมกนีเซียม น้ำจึงไม่มีรสชาติใด ๆ
น้ำที่ผ่านการกรองโดยวิธีนี้จะต้องแช่ตู้เย็นเก็บไว้ใช้ภายใน 24 ชั่วโมง ห้ามปล่อยทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง เพราะเมื่อไม่มีคลอรีน แบคทีเรียจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว จึงไม่เหมาะที่จะใช้ดื่มทั่วไป จัดเป็นน้ำบริสุทธิ์ที่เรียกกันว่า Purified Water ซึ่งนำไปใช้ในทางวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมบางประเภท เช่น อุตสาหกรรมการผลิตยาที่ต้องการความบริสุทธิ์สูง ๆ
น้ำชนิดนี้ดึงแร่ธาตุต่าง ๆ ออกหมด เมื่อเข้าสู่ร่างกายก็จะดึงแร่ธาตุต่าง ๆ ในร่างกายออกมาด้วย ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว แต่ปัจจุบันน้ำระบบ RO นี้กลับพบในเครื่องกรองน้ำตามบ้านและเครื่องกรองน้ำหยอดเหรียญทั่วไป จึงกลายเป็นเรื่องถกเถียงกันระหว่างนักวิชาการเคมีกับนักโภชนาการที่ทำการสำรวจและวิจัย นักโภชนาการบอกว่า น้ำที่ที่ไม่ควรดื่มคือน้ำที่ผ่านระบบกรองที่เรียกว่า Deionization หรือน้ำ DI ซึ่งเป็นการแยกประจุของสิ่งที่เจือปนออกจากน้ำ น้ำที่ได้นี้จะบริสุทธิ์มาก ๆ เรียกว่า Ultra Pure Water ซึ่งในกระบวนการทำน้ำ DI นี้ต้องไปผ่านโซเดียมไฮเดรอกไซด์ซึ่งเป็นต่างเพื่อให้น้ำบริสุทธิ์สุด ๆ เพราะฉะนั้นจึงเป็นตัวทำละลายชั้นดีเลิศ จนสามารถละลายแร่ธาตุทุกอย่างที่เรามีอยู่ในร่างกายไปด้วย
ส่วนผู้ที่อยู่ในวงการบอกว่า ปัจจุบัน DI เป็นระบบที่ล้าสมัยไม่นิยมใช้กันแล้ว การทำน้ำให้บริสุทธิ์ในปัจจุบันเป็นระบบ RO เกือบทั้งสิ้น และให้ความเห็นว่าเครื่องกรองน้ำหยอดเหรียญที่ใช้ระบบ RO นั้นไม่ได้เป็นการกรองแบบสมบูรณ์จึงยังดื่มได้ แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันเรื่องนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันไม่จบ เพราะฉะนั้นผู้ดื่มต้องทำความเข้าใจว่าน้ำสะอาดและน้ำบริสุทธิ์แตกต่างกันอย่างไร อย่ากังวลใจหรือรักษาความสะอาดจนเกินเหตุ
ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องได้ให้คำจำกัดความของน้ำดื่มสะอาดว่า หมายถึงน้ำดื่มจากแหล่งน้ำคุณภาพดี ผ่านการกรองชั้นถ่านเพื่อดูดกลิ่นและผ่านสารเรซิน เพื่อลดความกระด้าง จากนั้นจึงนำไปฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ด้วยการผ่านแสงอัลตราไวโอเลตหรือแก๊สโอโซน
อย่างไรก็ตามน้ำดื่มบรรจุขวดจัดอยู่ในการดูแลขององค์การอาหารและยา ฉะนั้นจึงต้องได้รับการตรวจสอบทั้งยังระบุวันหมดอายุซึ่งจะประมาณ 2 ปีนับจากวันผลิตที่อยู่บนฉลาก พอถึงตรงนี้หลายคนคงอดสงสัยต่อไม่ได้ว่าน้ำหมดอายุได้ด้วยหรือ ขอบอกว่าน้ำไม่ได้หมดอายุแต่การที่น้ำบรรจุอยู่ในขวดพลาสติกเป็นเวลานานอาจมีปัญหาได้แล้วขวดพลาสติกแบบใดจึงเหมาะที่จะนำมาบรรจุน้ำดื่ม
ขวดแบบใดใส่น้ำได้ปลอดภัย
น้ำบรรจุขวดในสมัยนี้มีตั้งแต่ใส่ขวดแก้วใส ขวดพลาสติกใสและแข็ง (Polystyrene) ขวดพลาสติกเพท (Polyethylene Terephthalate, PET) ซึ่งเป็นพลาสติกใสและกรอบ และขวดพลาสติกขาวขุ่น (High-Density Polyethylene, HDPE) ซึ่งปัจจุบันมักไม่นิยมกันแล้ว
ขวดแก้วและขวดพลาสติกใสนั้นดีกว่าพลาสติกสีขาวขู่น อีกทั้งยังนำมารีไซเคิลและใช้ได้ทนทานกว่า เคยมีคนนำขวดพลาสติกขุ่นไปทดลองวางไว้กลางแดดนาน ๆ พบว่าจะมีกลิ่นพลาสติกปนมากับน้ำ ทำให้น้ำเสียรสชาติ แม้ว่าน้ำจะไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคแต่ก็ทำให้คุณภาพของน้ำลดลง ไม่ว่าจะเป็นขวดแบบใดก็ตามมีข้อแนะนำว่าไม่ควรเก็บไว้เกิน 2 ปี และน้ำที่เปิดขวดแล้วไม่ควรเก็บนานเกิน 2 อาทิตย์ เพราะจุลินทรีย์และแบคทีเรียต่าง ๆ อาจเกิดขึ้นได้
หลายคนอาจสงสัยว่า ถ้านำขวดพลาสติกมาใช้ซ้ำกันหลาย ๆ ครั้งจะมีสารพิษจากพลาสติกปนเปื้อนมาด้วย จริงหรือไม่ ซึ่งไม่เป็นความจริงเพราะสิ่งที่เป็นอันตรายคือแบคทีเรียที่เจริญเติบโตอยู่ในขวดที่ไม่ได้ทำความสะอาดก่อนนำไปใช้ครั้งต่อไปจึงควรล้างด้วยน้ำยาล้างจานอ่อน ๆ คว่ำทิ้งไว้แล้วค่อยนำกลับมาใช้ใหม่
ยามอากาศร้อน ๆ แบบนี้ ยิ่งเสียเหงื่อไปเท่าไรก็ต้องการดื่มน้ำเข้าไปทดแทนมากเท่านั้น เรียกได้ว่าขาดน้ำเหมือนขาดใจกันเลยทีเดียว และไม่ต้องรอให้หิวน้ำจนตาลายก่อนซื้อควรพิจารณาสิ่งเหล่านี้สักนิด อาทิ ฉลากมีรายละเอียดระบุไว้ครบ เช่น ชื่อน้ำดื่ม ชื่อผู้ผลิต สถานที่ผลิต ปริมาตรสุทธิและเครื่องหมาย อย. ขวดที่บรรจุต้องสะอาด ไม่รั่วซึม และมีฝาปิดสนิท น้ำต้องใส ไม่มีตะกอน ปราศจากสี กลิ่นและรสชาติที่ผิดปกติ บางคนอาจจะไม่เคยสังเกต และพิจารณาว่าน้ำก็มีรสชาติ หลายคนชอบน้ำบรรจุขวดเพราะมั่นใจในความสะอาดปลอดภัย คือสะดวกสบายแล้ว ยังติดรสชาติของน้ำแต่ละยี่ห้อที่มีรสชาติแตกต่างกันไปด้วย
รู้อย่างนี้แล้ว ก่อนดื่มน้ำควรพิจารณากันสักนิด เลือกดูสักหน่อย แม้ว่าจะร้อนแค่ไหน รับรองว่าจะผ่านฤดูร้อนนี้ไปได้อย่างปลอดภัยและสดชื่น
ดื่มน้ำอย่างไรให้สุขภาพดี
ในหนึ่งวันควรบริโภคน้ำในอัตรา 4-5 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว เช่น น้ำหนักตัว 50 กิโลกรัม ควรดื่มน้ำไม่เกิน 2.5 ลิตรต่อวัน
พยายามดื่มน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่นเมื่อตื่นนอน แต่เช้า ก่อนทานอาหาร ประมาณ 2-5 แก้ว เพราะเป็นเวลาที่จะช่วยขับของเสียได้อย่างดี
ไม่ควรดื่มน้ำครั้งละมาก ๆ หรือดื่มน้ำมากเกินไป เพราะจะมีปัญหาได้ วิธีการดื่มน้ำที่ถูกต้องคือ ดื่มครั้งละน้อย และบ่อย ๆ เพื่อป้องกันอาการท้องอืด และให้ร่างกายได้มีเวลาดูดซึมน้ำ ไม่ควรให้ร่างกายขาดน้ำเกิน 2 ชั่วโมง ควรสร้างพฤติกรรมมีน้ำติดตัวเสมอ เพื่อจะได้ดื่มน้ำทั้งวัน และดื่มได้ตลอดเวลาปัจจุบัน "นักสุขภาพนิยม" ที่เคร่งครัด ถึงกับตั้งเวลาดื่มน้ำเพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำอย่างเพียงพอ
ไม่ควรดื่มน้ำมากก่อนรับประทานอาหารหรือระหว่างทานอาหาร ถ้าดื่มก็ไม่ควรเกิน 1 แก้ว เพราะน้ำจะเข้าไปเจือจางน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร เมื่อทานอาหารตามเข้าไปน้ำย่อยที่เข้มข้นสำหรับย่อยอาหารกลับเจือจางเสียแล้ว ทำให้อาหารย่อยไม่ดี เกิดการหมักหมมในกระเพาะอาหารได้
พยายามหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำแข็งหรือน้ำเย็นจัด เพราะอุณหภูมิโดยปกติของร่างกายคนเรานั้นอยู่ที่ 35-37 องศาเซลเซียส น้ำเย็นจะไปดึงความร้อนของร่างกายทำให้อุณหภูมิของน้ำเท่ากับร่างกาย การดูดซึม จึงจะทำงานได้ ทำให้ร่างกายสูญเสียพลังงานและเสียเวลาในการปรับสมดุลให้คืนสู่ปกติ การแพทย์แผนจีนได้แนะนำว่าไม่ควรดื่มน้ำชาใส่น้ำแข็ง แม้ว่าดื่มแล้ว จะชื่นใจ แต่ยิ่งดื่มมากก็ยิ่งร้อน เพราะชามีฤทธิ์เป็น (แม้จะดื่มร้อนก็ตาม) ยิ่งที่ใส่น้ำแข็ง ร่างกายเราจะเย็นเหมือนถูกแช่เย็น และอาจจะทำให้เกิดลมหรือแก๊สในร่างกายได้ด้วย
ไม่ควรดื่มน้ำที่ต้มแล้วต้มอีก เพาะเมื่อน้ำเดือดระเหยไปจะเหลือแร่ธาตุอยู่ เมื่อเดือดซ้ำ ๆ แร่ธาตุจะมีอยู่ในน้ำมากเกินไป
น้ำแร่
น้ำแร่เป็นน้ำที่เกิดขึ้นจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติ เช่น ตามหุบเขา ชั้นใต้ดิน แล้วนำไปผ่านการฆ่าเชื้อ และรักษาคุณประโยชน์ต่าง ๆ ที่มีอยู่ตามธรรมชาติไว้ให้มากที่สุด น้ำแร่จึงมีแร่ธาตุตามธรรมชาติที่เป็นประโยชน์กับร่างกาย นับว่าเป็นน้ำดื่มสุขภาพตามธรรมชาติอย่างแท้จริง ประเทศที่มีน้ำแร่จึงได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ กลายเป็นสินค้าที่เชื่อเสียงของประเทศ มีการออกแบบดีไซน์น้ำบรรจุขวดกันอย่างสวยงาม แตกต่างจากน้ำบรรจุขวดทั่วไป น้ำแร่ที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานของประเทศต่าง ๆ ที่น่าสนใจ เช่น
Elsenham น้ำแร่จากประเทศอังกฤษ ในขวดสี่เหลี่ยมฝาเหลี่ยมสีเงินดูเรียบเก๋ หลายคนอาจนึกไม่ถึงว่าดีไซเนอร์ผู้ออกแบบขวดนี้คือดีไซเนอร์แฟชั่นชื่อดังอย่างชาแนล น้ำแร่นี้อยู่ลึกลงไปในชั้นใต้ดินที่ผ่านชั้นหินปูนขาวทำให้มีแคลเซียมและธาตุเหล็กสูง ช่วยให้มวลกระดูกแข็งแรง
Fine น้ำแร่จากญี่ปุ่น อยู่ในชั้นใต้ดินของภูเขาไฟที่ลึกลงไปถึง 2,000 ฟุต เป็นน้ำบริสุทธิ์ที่มีมานานกว่าพันปี ก่อนที่จะมีมลภาวะใด ๆ มารบกวน มิซิลิกาที่ช่วยบำรุงผมและเล็บ
Sole น้ำแร่รสหวานนุ่มจากอิตาลี ที่มีชื่อเสียงในด้านน้ำใสสะอาดบริสุทธิ์จากเทือกเขามาหลายศตวรรษ
Apollinaris น้ำจากเทือกเขาแอลป์ในเยอรมนีตะวันตกที่ได้รับฉายาว่า Beauty of Water เป็นน้ำแร่ยอดนิยมของกษัตริย์ในยุโรปมาตั้งแต่อดีต มีแร่ธาตุและสารด้านอนุมูลอิสระสูง
Fiji ในแร่จากเกาะพิจิของอังกฤษ จากแหล่งน้ำที่ใกล้กับแหล่งป่าฝนดั้งเดิมซึ่งอยู่ห่างจากทวีป น้ำแร่นี้เป็นน้ำฝนบริสุทธิ์ที่ตกลงมาผ่านชั้นหินภูเขาไฟโบราณ ซึ่งเป็นชั้นกรองอย่างดี มีซิลิกาและแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยให้กระดูก ฟัน ผิวหนัง เส้นและผมแข็งแรง
Wattwiller น้ำแร่ของอาณาจักรโรมันในอดีตได้จากน้ำพุธรรมชาติที่อยู่ใต้ชั้นเดินในผืนป่าของฝรั่งเศส ซึ่งช่วยเก็บดูแลรักษาความสะอาดตามธรรมชาติไว้ น้ำมีรสนุ่มช่วยให้สดชื่น มีโซเดียมต่ำ แต่มีแคลเซียม และแมกนีเซียมสูง
รวมเรื่องเด็ด สุดยอดของผู้ชาย สาวสวยเซ็กซี่ แฟชั่น รถยนต์ คลิกที่นี่
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่
ขอขอบคุณข้อมูลจาก