x close

กลเม็ดระงับกลิ่นเหงื่อ

เหงื่อ

กลเม็ดระงับกลิ่นเหงื่อ (Men\'s Health)

เรื่อง นพ.ประยูร เจนตระกูลโรจน์

          ร่างกายของมนุษย์มีระบบขับของเสียหลายวิธี และหนึ่งในนั้นก็คือ "เหงื่อ" ซึ่งแต่ละคนจะมีเหงื่อมากน้อยต่างกัน ขึ้นอยู่กับลักษณะทางพันธุกรรม โรคประจำตัว กิจกรรมที่ทำ สภาพอารมณ์ และสภาพสิ่งแวดล้อม

          เหงื่อออกได้อย่างไร

          เหงื่อเป็นของเสียชนิดหนึ่งที่ร่างกายขับออกมาในรูปของเหลว เกิดจากการสันดาป (Metabolism) ของร่างกายจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ โดยจะขับออกมาทางรูขุมขนบนผิวหนัง ร่างกายของคนเรามีต่อมเหงื่อประมาณ 2-4 ล้านต่อมกระจายอยู่ทั่วร่างกาย รวมทั้งบริเวณหนังศีรษะและใบหน้า แต่จะมีมากที่สุดบริเวณฝ่ามือและฝ่าเท้า

          เมื่อร่างกายเราได้รับการกระตุ้นจากอารมณ์ หรือความร้อนจากสิ่งแวดล้อม จะทำให้สมองหลั่งสารเคมีชื่อ "อะซีทิลโคลีน" (Acetylchline) ซึ่งอยู่บริเวณปลายประสาทเป็นการกระตุนต่อมเหงื่อให้ผลิตเหงื่อ อารมณ์ที่ตื่นเต้นหรือหวาดกลัวก็จะทำให้เส้นประสาทนี้ถูกกระตุ้น ดังนั้นเครื่องจับเท็จจึงสามารถวัดได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของไฟฟ้าสถิตในผิวหนังและเหงื่อของเรานั่นเอง ส่วนปริมาณของเหงื่อก็ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่คุณทำ หากออกแรงหรือเคลื่อนไหวมาก ๆ ร่างกายก็จะมีการสันดาปมาก ทำให้เหงื่อออกมาก

          เหงื่อยังมีความสัมพันธ์กับความผันผวนของอากาศ อากาศที่ร้อนมีความชื้นสูง จะทำให้เหงื่อออกมากกว่าอากาศที่มีความชื้นสูง จะทำให้เหงื่อออกมากกว่า อากาศที่มีความชั้นต่ำ หากอากาศร้อนมาก ๆ คนเราอาจเสียเหงื่อได้มากถึงชั่วโมงละ 1 ลิตร และหากไม่รีบดื่มน้ำเข้าไปทดแทน อาจทำให้เป็นลม เกิดปัญหาในระบบไหลเวียนหรือไตวายได้นะครับ ซึ่งสาเหตุแท้จริงที่ร่างกายเราสร้างเหงื่อขึ้นมานั้น ก็เพื่อเป็นการปรับสมดุลและช่วยบรรเทาความร้อนให้กับร่างกาย ทั้งนี้เพราะในเหงื่อประกอบด้วยน้ำเป็นหลักนั่นเอง

          กลิ่นเหงื่อเกิดขึ้นได้อย่างไร

          โดยลำพังของเหงื่อแล้ว ไม่มีกลิ่นเหม็นหรือเป็นอันตรายกับผิวของเราแต่อย่างใด แต่กลิ่นตัวที่เกิดขึ้นนั้นมาจากการหมักหมมของเหงื่อ อย่าลืมนะครับว่าเหงื่อมีของเสียที่ร่างกายขับออกมา ไขมัน โปรตีน หรือแป้งที่ร่างกาย ขับออกมาจากอาหารที่เรากินนั้น หากไม่ได้รับการชำระล้างก็จะเกิดปฏิกิริยากับเชื้อแบคทีเรียซึ่งมีอยู่ทั่วไปในอากาศและบนผิวหนัง ทำให้เกิดกลิ่นขึ้นได้ครับ ยิ่งถ้าเป็นเหงื่อที่ออกบริเวณที่มีเส้นขนขึ้นเยอะ ๆ ก็ยิ่งทำให้เกิดอับชื้นได้มากขึ้น กลิ่นจึงยิ่งรุนแรงขึ้น ดังนั้นเหงื่อที่ออกมาแต่ละที่อาจเกิดกลิ่นได้มากน้อยต่างกันไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของต่อมเหงื่อบริเวณนั้นด้วยครับ

  เหงื่อที่ผลิตจากต่อมเหงื่อ Eccrine (Eccrine Sweat Glands) เป็นต่อมเหงื่อที่มีอยู่ทั่วร่างกาย คือ ผิวหนัง ฝ่ามือ ฝ่าเท้า เริ่มผลิตเหงื่อตั้งแต่เราเกิดเลยครับ มีลักษณะใสไม่มีกลิ่น โดยต่อมเหงื่อ Eccrine จะขับเหงื่อออกมามาก เมื่อเรามีกิจกรรมหรืออากาศร้อน

  เหงื่อที่ผลิตจากต่อเมหงื่อ Apcorine (Apocrine Sweat Glands) เป็นต่อมเหงื่อที่มีอยู่บางส่วนในร่างกาย เช่น รักแร้ ขาหนีบ ทวารหนัก หัวหน่าว ก้น หรือแผ่นหลัง ซึ่งจะเริ่มทำงานเมื่อย่างเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ เหงื่อที่ผลิตจากต่อมนี้ มีสีใส แต่เหนียวกว่าเพราะมีส่วนผสมของไขมันมาก จึงทำให้มีกลิ่นได้ และเป็นจุดที่มักมีการหมักหมมเกิดเป็นกลิ่นไม่พึงประสงค์ จึงควรรักษาความสะอาดเป็นพิเศษครับ

          ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหงื่อ

  เหงื่อมีสารต่าง ๆ ที่ปะปนกันจากการขจัดของเสียในร่างกาย โดยประกอบด้วยน้ำ 99 เปอร์เซ็นต์ส่วนอีก 1 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 1 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือคือ เกลือ (โซเดียมคลอไรด์) ยูเรีย น้ำตาล ไขมัน กรดอะมิโนบางชนิด โพแทสเซียม แมกนีเซียม เหล็ก รวมทั้งโมเลกุของแป้ง

  เหงื่อมีรสเค็มเพราะมีความเข้มข้นของเกลือ หรือโซเดียมคลอไรด์อยู่ราว 0.12-0.4 เปอร์เซ็นต์

  อาหารที่คุณรับประทานไม่ว่าจะเป็นไขมันหรือโปรตีนจากเนื้อสัตว์ จะถูกย่อยสลายจนเป็นโมเลกุลเล็ก ๆ และถูกขับออกมาทางเหงื่อบางส่วน

  เหงื่อมีส่วนประกอบของฮอร์โมนที่ร่างกายผลิตโดยเฉพาะพีโรโมน ซึ่งจะติดอยู่ตามผิวหนังและเสื้อผ้าที่คุณสวมใส่ ทำให้แต่ละคนมีกลิ่นเฉพาะตัว

  โรคบางชนิดทำให้ปริมาณของเหงื่อเปลี่ยนแปลงได้ที่ทำให้เหงื่อออกมาก เช่น โรคเครียด โรคต่อมไทรอยด์ เบาหวาน โรคหัวใจ ภาวะใกล้หมดประจำเดือน และที่ทำให้เหงื่อออกน้อย เช่น ไมเกรน โรคผดผื่น สะเก็ดเงิน
วิธีกำจัดกลิ่นเหงื่อ

          การที่เหงื่อออกมาก ทำให้โอกาสในการเกิดหมักหมมจนเกิดกลิ่นก็มากขึ้น ซึ่งหากมมีการติดเชื้อก็จะแค่ส่งกลิ่นอย่างเดียว ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายโดยรวมแต่อย่างไรการกำจัดกลิ่นเหงื่อ นิยมทำโดยป้องกันการเกิดเหตุ คือ การลดการหลั่งของเหงื่อ จึงมักมีการผสมสารลดการหลั่งของเหงื่อ (Antiperspirants) ลงในผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย ซึ่งหากกังวลว่าจะแพ้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้น อาจเลือกใช้สารส้ม หรืออะลูมิเนียมซัลเฟต (Aluminium Sulfate) ทาบริเวณจุดอับ ซึ่งจะช่วยยับยั้งการออกของเหงื่อได้ โดยไม่เข้าไปอุดตันรูขุมขน จึงไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้

          การกำจัดขน โดยเฉพาะขนรักแร้สามารถช่วยลดการเกิดกลิ่นตัวลงได้บ้าง เพราะขนที่ยาวจะกักเก็บเหงื่อไคลและแบคทีเรียได้มากกว่า ทำให้เกิดการหมักหมมได้ง่ายกว่ามากครับ บางคนอาจเลือกใช้สบู่ที่ช่วยกำจัดแบคทีเรีย ซึ่งก็มีส่วนช่วยได้บ้างแต่อาจไม่เห็นผลได้นาน โดยเฉพาะในคนที่มีเหงื่อออกมาก ๆ

          ปัจจุบันมีวิธีการหนึ่งที่ยับยั้งเหงื่อได้ดี คือการฉีดโบท็อกซ์ (Botox) เพื่อใช้ลดเหงื่อเฉพาะที่ เช่น บริเวณรักแร้ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า โดยโบท็อกซ์จะเข้าไปลดการทำงานของต่อมเหงื่อ และกล้ามเนื้อบริเวณต่อมเหงื่อ ทำให้เหงื่อลดลงหรืออาจแทบจะไม่มีเลยเป็นการชั่วคราว ประมาณ 6 เดือนขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แม้จะได้ผลดีจริง แต่ก็เจ็บเล็กน้อย และมีค่าใช้จ่ายสูงพอสมควรครับ

          อย่างไรก็ตาม สุขภาพผิวที่ดีและผิวที่มีกลิ่นหอมสดชื่นขึ้นอยู่กับการรักษาความสะอาดเป็นสำคัญที่สุดครับ แม้จะใช้สารพัดวิธีระงับเหงื่อหรือกำจัดแบคทีเรีย แต่ถ้าไม่อาบน้ำให้สะอาด หรือใช้เสื้อผ้าสกปรกซ้ำ ๆ โรคผิวหนังอื่น ๆ ก็อาจถามหาคุณได้นะครับ





ขอขอบคุณข้อมูลจาก




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
กลเม็ดระงับกลิ่นเหงื่อ อัปเดตล่าสุด 28 มีนาคม 2555 เวลา 14:02:02 4,499 อ่าน
TOP