


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการวีไอพี โพสต์โดยคุณ ThaiTV19 สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
เมื่อพูดถึงพิษของการศัลยกรรมหรือความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการศัลยกรรมกับหมอเถื่อนหรือหมอกระเป๋านั้น ในปัจจุบันมีหลากหลายเคสที่ออกมาเตือนใจให้คนตระหนักเห็นถึงความผิดพลาดและความน่ากลัวของหมอเถื่อนอยู่เรื่อย ๆ แต่กระนั้นก็ยังมีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้นอีก เฉกเช่นกรณีของคุณซัน ปรมินทร์ ชาวนาเข อายุ 22 ปี แดนเซอร์หนุ่มที่อยากศัลยกรรมใบหน้าให้ดูดีขึ้นเพื่อที่จะได้มีงานเยอะ ๆ แต่เขาก็มีความสุขอยู่ได้ไม่นาน เมื่อศัลยกรรมเถื่อนเริ่มออกฤทธิ์ !
รายการวีวีไอพี (24 มีนาคม 2557) ได้นำกรณีคุณซันมานำเสนอเพื่อเป็นอุทาหรณ์ โดยเริ่มต้นรายการด้วยการเปิดภาพความผิดพลาดจากการศัลยกรรมของคุณซัน แดนเซอร์หนุ่ม เหยื่อหมอเถื่อน ที่ฉีดฟิลเลอร์และซิลิโคนเหลว เข้าใบหน้ากว่า 7 ครั้ง จนใบหน้าทะลุ ซึ่ง คุณซัน เผยว่า ตอนแรกที่ตัดสินใจไปทำนั้นเป็นเพราะว่าอยากจะทำให้หน้าตาดีขึ้น เพื่อให้มีคนมาจ้างงานมากขึ้น และยังได้ฟังการแนะนำพูดปากต่อปากจากเพื่อน จึงตัดสินใจทำโดยเริ่มจากฉีดจมูก 1 ครั้ง ราคา 15,000 บาท ทำตา 2 ชั้น 1 ครั้ง ราคา 12,000 บาท นอกนั้นเป็นการฉีดซิลิโคนเหลวเรื่อย ๆ อีก 7 ครั้ง เพราะยังไม่พอใจใบหน้าของตนเอง จนผ่านไป 4 เดือน หน้าเริ่มบวมและเบี้ยว ออกไปข้างนอกก็มีคนทักว่าทำไมหน้าบวมจัง ก็เลยไปหาหมอเพราะคิดว่าอาจจะเป็นคางทูม แต่หมอบอกว่าเป็นผลจากการฉีดฟิลเลอร์ ซิลิโคนเหลวที่ไหลลงมากองรวมกัน
เมื่อถามถึงคุณหมอที่ทำศัลยกรรมให้ คุณซัน บอกว่า คนที่ทำเขาอ้างว่าตัวเองเป็นผู้ช่วยพยาบาลมาก่อน มีความเชี่ยวชาญ และตนก็ไม่ได้ตัดสินใจอะไรมากเพราะทำตามเพื่อน โดยเมื่อมีคนตกลงทำเยอะ ๆ ผู้ช่วยพยาบาลคนดังกล่าวก็จะถือกระเป๋ามาใบหนึ่ง แล้วนัดฉีดให้ที่อพาร์ทเม้นท์ ซึ่งหลังเกิดเหตุก็ได้ลองติดต่อกลับไปแต่พบว่าไม่สามารถติดต่อได้ เมื่อไปหาเพื่อนคนที่แนะนำก็ติดต่อไม่ได้เช่นกัน เหมือนเพื่อนคนนั้นเป็นนกต่อ หมอจึงแนะนำให้ไปหาหมอเฉพาะทางในด้านนั้นเลย แต่ตนไม่มีทุนทรัพย์ที่จะไปขูดออก เนื่องจากลองไปสอบถามราคามาแล้ว ทราบว่า ราคาอยู่ที่ 60,000-100,000 บาทต่อครั้ง ล่าสุดตรงแก้มด้านขวาที่บวมอยู่ ได้แตกออกมาแล้วเป็นเนื้อขาว ๆ ปนเลือดไหลออกมา เวลาจะออกไปข้างนอกก็ต้องใช้ผ้าปิดปากทุกครั้ง เพราะไม่งั้นจะถูกคนภายนอกมองด้วยสายตาสงสัย ทำให้ไม่กล้าออกไปไหนเลย
"ชีวิตตอนนี้ลำบากมาก เพราะไม่มีงานทำ ต้องไปอาศัยห้องเพื่อนนอน รู้สึกท้อมาก ไม่กล้าบอกพ่อแม่ เพราะกลัวเขาลำบาก และแม่ก็ยังไม่เห็นเลย เคยคิดฆ่าตัวตายด้วยการกินยาแก้แพ้ไปร้อยกว่าเม็ด หมดทั้ง 2 กระปุกเลย เพราะคิดแค่ว่าอยากจะนอนหลับไปเลย แต่เพื่อนมาช่วยพาส่งโรงพยาบาลล้างท้องได้ทัน" คุณซัน เล่า
เรียกได้ว่าเป็นการศัลยกรรมที่เปลี่ยนชีวิตคนจากดี ๆ กลับตกอับไปเลย เพราะเวลาจะออกไปไหนคุณซันก็กลัวสายตาคนอื่น กลัวสายตาที่สงสัยว่าไปทำอะไรมาหน้าถึงเป็นแบบนี้ ไม่กล้าปาร์ตี้กับเพื่อนเหมือนเดิม ไม่มีงานทำ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เขาบอกว่าก็คงจะไม่ทำ เพราะมันเกิดผลแย่ทั้งตัวและหน้า
พร้อมกันนี้ ทางรายการวีวีไอพี ได้เรียนเชิญ นพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมใบหน้าแห่งประเทศไทย มากล่าวอธิบายถึงผลเสียของการทำศัลยกรรมกับหมอเถื่อนว่า ในปัจจุบันการทำศัลยกรรมมันทำได้ง่าย แต่ในความง่ายนั้นก็มีข้อผิดพลาดอยู่เยอะ สำหรับกรณีของคุณซัน จุดผิดพลาดที่เกิดขึ้นนั้นเป็นตำแหน่งที่รักษายาก เนื่องจากอยู่ใกล้เส้นประสาท ถ้าขูดออกอาจเสี่ยงถูกเส้นประสาทและทำให้ปากเบี้ยว โดยตัวของซิลิโคนเริ่มไหลเข้าไปยังหลอดน้ำเหลืองแล้วด้วย ถือว่าอยู่ในระดับที่อันตรายและอักเสบ ต้องรักษาด้วยยาให้ดีขึ้นก่อน และต้องรักษาแบบทีเดียวจบ อาจต้องรักษาด้วยยาประมาณ 1-3 เดือน ให้เห็นให้ชัดเพื่อที่เวลาผ่าจะได้หลบเส้นประสาทได้ แต่ก็สามารถเกิดข้อผิดพลาดขึ้นได้ นอกจากที่หน้าของคุณซัน จะบวมเบี้ยวแล้วนั้น ยังมีอาการหน้าชา และมีน้ำมูกไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวอยู่ตลอด ซึ่งสามารถรักษาได้โดยการนำเอาของเสียพวกนี้ออกไป ยิ่งออกไปมากเท่าไหร่ก็จะดีขึ้น และขอให้คุณซันสู้ต่อไป ถึงแม้จะรักษาได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ก็ต้องดีขึ้นกว่าเดิม
นพ.ชลธิศ กล่าวต่อว่า ล่าสุด มีเพื่อนจากสหรัฐอเมริกาได้ส่งรีพอร์ตมาว่ามีเคสที่ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอด ซึ่งในประเทศไทยก็เกิดขึ้นมาเป็นสิบเคสแล้ว แต่ไม่ได้ตีข่าวในสื่อของแพทย์เท่านั้น การที่ฉีดแล้วตาบอดนั้นเป็นเพราะตัวฟิลเลอร์ไปอุดตันหลอดเลือดตา โดยทางแพทย์สภาได้ประชุมและพยายามให้แพทย์ศัลยกรรมมาอบรมวิธีฉีดฟิลเลอร์ ซิลิโคน อย่างถูกต้อง เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด และในขณะนี้บางคนก็ไปซื้อฟิลเลอร์มาฉีดเองก็มี โดยการใช้กระจกส่องแล้วอยากฉีดตรงไหนก็ฉีดเองเลย ทั้งนี้ ถ้าอยากศัลยกรรมให้ศึกษาข้อมูลแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนั้น ๆ จากเว็บไซต์ของสมาคม (www.plasticsurgery.or.th) เพื่อไม่ให้เกิดอันตราย
สุดท้ายนี้ คุณซัน ก็ได้เตือนใจคนที่กำลังคิดจะทำศัลยกรรมว่าให้คิดให้ดีก่อน และลองเสิร์ชหาข้อมูลการทำศัลยกรรมนั้น ๆ จากโซเชียลเน็ตเวิร์ก หรือศึกษาจากศัลยแพทย์โดยตรง อย่าเชื่อเพื่อนหรือผู้อื่นง่าย ๆ