เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ในโลกใบนี้คงไม่มีใครที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงเสมอไป ยิ่งมีโรคภัยมากมายรายล้อมเราอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะ "โรคมะเร็ง" ที่เป็นภัยร้ายที่สามารถคร่าชีวิตคุณได้มากที่สุด เราจึงขอแนะนำวิธีที่จะทำให้คุณรู้ถึงอาการเริ่มต้นของมะเร็งร้าย เพื่อที่จะป้องกันให้ทันท่วงที ดังต่อไปนี้
1. มะเร็งต่อมลูกหมาก
อาการเบื้องต้น
โดยสาเหตุนั้นยังไม่มีผลที่แน่ชัด อาการเริ่มแรกจะไม่สามารถรู้ได้เลยถ้าไม่ได้รับการตรวจอย่างละเอียดแล้วพบว่าต่อมลูกหมากแข็งหรือมีขนาดโตขึ้น และเซลล์มะเร็งจะพบได้ก็ต่อเมื่อตรวจหาค่าสาร พีเอสเอ(สารบ่งชี้มะเร็งต่อมลูกหมากโดยเฉพาะ) แล้วผลออกมาอยู่ในระดับที่สูง ซึ่งต่อมาอาจมีอาการอุดตันของท่อทางเดินปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะลำบาก และปัสสาวะบ่อยกว่าปกติทั้งที่มีน้ำปัสสาวะเล็กน้อย นอกจากนี้อาจมีอาการปวดเอวลำตัว หรือบริเวณท้องน้อย เป็นต้น
อาการที่อาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นโรคชนิดนี้
อาการที่อาจจะทำให้เข้าใจผิดได้ว่าเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากคือ อาการผิดปกติของทางเดินปัสสาวะ เช่น ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะไม่สุด ต้องเบ่งเมื่อเวลาปัสสาวะ เป็นต้น นั่นอาจเป็นโรคต่อมลูกหมากโต หรือท่อปัสสาวะตีบได้
การตรวจสอบ
ถ้าตัดชิ้นเนื้อเพื่อไปตรวจค่าพีเอสเอ แล้วพบว่ามีระดับสูง ก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นได้ และอาจจะเป็นโรคชนิดอื่นที่ไม่ใช่มะเร็งต่อมลูกหมากได้เช่นกัน ฉะนั้น ควรทานยาปฏิชีวนะติดต่อกันเป็นเวลาประมาณ 4 สัปดาห์เพื่อเป็นการวินิจฉัยโรคและชะลอการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งไปในตัว
2. มะเร็งปอด
อาการเบื้องต้น
สำหรับอาการทางปอดแรกเริ่มเลย คือ ผู้ป่วยมักจะไอเรื้อรังหรือไอเป็นเลือด เหนื่อย เจ็บหน้าอก ซึ่งเป็นอาการที่แสดงให้เห็นว่ามีโอกาสเป็นมะเร็งปอดได้ชัดเจนที่สุด รวมไปถึงอาจมีอาการปวดที่หน้าอกที่มักจะเป็นบ่อย ๆและหายใจหอบเหนื่อย ส่วนอาการของมะเร็งนั้น ผู้ป่วยจะรู้สึกอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ถ้าเซลล์มะเร็งเริ่มกระจายผู้ป่วยจะรู้สึกปวดศีรษะ ชัก ซึม หมดสติ ปวดตามกระดูก ตัวและตาเหลือง
อาการที่อาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นโรคชนิดนี้
โรคที่เราอาจวินิจฉัยผิดว่าเป็นโรคมะเร็งปอดคือ โรคปอดอักเสบ ซึ่งเมื่อทำการเอ็กซเรย์ที่หน้าอกแล้ว จะพบว่าทั้งสองอาการมีเนื้อร้ายสีขาวเช่นเดียวกัน และโรคปอดอักเสบสามารถรักษาได้ แต่ต้องกลับมาเอ็กซเรย์อีกในอีก 4-6สัปดาห์ต่อมา นอกจากนี้อาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ก็อาจเป็นอาการของวัณโรคปอดได้เช่นกัน
การตรวจสอบ
สำหรับวิธีการตรวจสอบว่าเป็นมะเร็งหรือไม่ วิธีที่ดีสุดคือ การตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ โดยมีทั้งแบบการใช้เข็มแทงและสอดท่อเข้าทางหลอดลม
3. มะเร็งลำไส้ใหญ่
อาการเบื้องต้น
อาการที่จะพบเห็นได้คือ มีเลือดปนมาในอุจจาระและเลือดออกทางทวารหนัก คลื่นไส้อาเจียน ท้องผูกสลับกับท้องเสียโดยที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รวมทั้งปวดเบ่งเวลาถ่ายอุจจาระ ปวดท้องอย่างรุนแรง และอาจพบว่ามีก้อนเนื้อบริเวณท้องเป็นต้น
อาการที่อาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นโรคชนิดนี้
การมีเลือดปนมาในอุจจาระ อาจเกิดจากอาการของโรคริดสีดวงทวาร ลำไส้โป่งพอง ลำไส้อักเสบ หรือระบบใหลเวียนเลือดผิดปกติก็เป็นได้ ทำให้การตรวจสอบว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือไม่ มักทำได้ยาก
การตรวจสอบ
การตรวจว่าเป็นมะเร็งลำไส้หรือไม่ทำได้โดยการส่องกล้องตรวจลำไส้ โดยหากเจอเนื้องอกยื่นออกมาจากผนังลำไส้ แพทย์จะใช้วิธีส่งกระแสไฟฟ้าผ่านลวดที่ติดไปกับกล้อง เพื่อใช้ตัดเนื้องอกชิ้นนั้น ๆ และนำไปตรวจสอบดูอีกครั้ง
4. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
อาการเบื้องต้น
มีเลือดปนในปัสสาวะ แต่อาจสังเกตได้ยากสักหน่อย เพราะปัสสาวะจะเข้มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนบางรายจะมีเลือดออกเมื่อปัสสาวะจนสุดแล้วเท่านั้น หรือไม่ก็มีอาการปัสสาวะไม่ออก ปวดหลัง เจ็บเวลาปัสสาวะ เมื่ออาการรุนแรงมากขึ้นจะมีอาการท้องผูก ปวดท้องน้อยเรื้อรัง และอาจคลำเจอก้อนเนื้อบริเวณท้องน้อยอีกด้วย
อาการที่อาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นโรคชนิดนี้
อาการกระเพาะปัสสาวะบีบตัวมากเกินไปและอาการเจ็บเมื่อปัสสาวะซึ่งมักจะแสดงอาการเหมือนมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ทำให้วินิจฉัยผิดได้
การตรวจสอบ
สามารถตรวจสอบมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้โดยการสอดท่อทางอวัยวะเพศเพื่อดูกระเพาะปัสสาวะและนำปัสสาวะมาตรวจสอบหาเซลล์มะเร็ง
5. มะเร็งต่อมน้ำหลือง
อาการเบื้องต้น
อาการเริ่มต้นจะไม่เจ็บปวด แต่จะมีต่อมน้ำเหลืองโตที่คอ รักแร้ หรือบริเวณขาหนีบ ถ้าไม่หายภายใน 1 สัปดาห์ ควรไปพบแพทย์โดยด่วนนอกจากนี้ผู้ป่วยน้ำหนักจะลดอย่างรวดเร็วใน 1-2 เดือน เหงื่อออกตอนกลางคืน เป็นไข้โดยไม่ทราบสาเหตุ รู้สึกปวดหน้าอกเวลาดื่มแอลกอฮอล์ และมีอาการคันบริเวณที่เป็นต่อมน้ำเหลืองโต ซึ่งอาการดังกล่าวพอจะบ่งบอกได้ว่าผู้ป่วยมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้เช่นกัน
อาการที่อาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นโรคชนิดนี้
อาการต่อมน้ำเหลืองโต ความจริงแล้วอาจจะเป็นโรคต่อมน้ำเหลืองอักเสบได้ นอกจากนี้หากน้ำหนักลด มีไข้ หรือเจ็บหน้าอก ก็อาจเป็นอาการเบื้องต้นของโรคอื่น ๆทั่วไปได้เช่นกัน
การตรวจสอบ
การตรวจเลือด สามารถทำให้เรารู้ว่าเป็นมะเร็งหรือไม่ หรือวิธีการตรวจเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ก็เช่นเดียวกัน แต่วิธีที่ดีสุดคือ การตัดชิ้นเนื้อไปตรวจสอบ
ข้อแนะนำในที่นี้คือ ผู้ป่วยควรสังเกตดูอาการเบื้องต้นว่าคุณมีอาการที่จะเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ หรือไม่ หากสังเกตแล้วรู้สึกสงสัยว่าตัวเองมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็ง ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ทันที จำไว้นะครับว่า ยิ่งเราตรวจพบได้เร็วเมื่อไหร่ เราก็มีโอกาสในการรักษาตัวได้เร็วเท่านั้น
รวมเรื่องเด็ด สุดยอดของผู้ชาย สาวสวยเซ็กซี่ แฟชั่น รถยนต์ คลิกที่นี่
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่