x close

12 สัญญาณเตือนให้รู้ว่าผู้ชายกำลังอยู่ในภาวะหดหู่





          เชื่อว่าหลาย ๆ ท่านคงจะเคยเจอะเจอ หรืออาจจะประสบกับตัวเอง กับการคิดมากหรือจมปลักกับเรื่องบางเรื่องของคุณผู้ชายทั้งหลายที่ทำให้หดหู่ใจ ซึ่งเมื่อมีความคิดแบบนั้นเกิดขึ้น ก็จะมีแต่ผลเสียต่าง ๆ ตามมาอีกมากมาย ทั้งเรื่องของสภาพจิตใจและสภาพร่างกายที่พลอยจะแย่ตามไปด้วย ซึ่งผลเสียต่าง ๆ เหล่านั้น คือสิ่งที่ไม่อยากที่จะให้เกิดขึ้นกับใครเลยแม้แต่น้อย
 
          ด้วยเหตุนี้เองทางเว็บไซต์ health.com จึงได้นำข้อมูลทางการแพทย์เกี่ยวกับสัญญาณอันตรายต่าง ๆ ที่บอกให้รู้ว่าผู้ชายอยู่ในภาวะหดหู่ มาฝากไว้ให้ได้เป็นความรู้ติดตัวไว้ เพื่อที่เมื่อเจอเรื่องแบบนี้ จะได้สามารถรับมือได้อย่างทันท่วงที ฉะนั้นเราไปดูกันดีกว่าว่า สัญญาณอันตายที่ชวนซึมเศร้าต่าง ๆ นั้นจะมีอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลยครับ..
 
1. ดูอิดโรยอย่างผิดปกติ
 
          สิ่งหนึ่งที่เห็นได้เจนมาก ๆ ก็คือเรื่องของสภาพร่างกายที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เขาคนนั้นจะลักษณะท่าทางที่ดูอิโรย เหน็ดเหนื่อย ขยับเขยื่อนร่างกายช้าลง ๆ ทั้งนี้จากผลการวิจัยโดยแพทย์จากโรงพยาบาลอลาบาม่า ระบุว่า เหตุที่ทำให้ผู้ชายดูอิดโรย เป็นผลมาจากสภาพจิตใจที่ไม่แฮปปี้เอาเสียเลย เสมือนจิตใจเกิดอาการป่วย และเมื่อจิตใจป่วยก็เหมือนเป็นการสั่งให้ร่างกายให้ได้ป่วยตามไปด้วยเหมือนกัน
 
2. ว่างเป็นต้องงีบ หรือไม่ก็ตาคล้ำเป็นหมีแพนด้า
 
          อีกหนึ่งสัญญาณที่พอมอง ๆ ออกได้บ้าง ก็คือเรื่องของการพักผ่อน ตามปกติแล้วคนเราควรที่จะนอนหลับพักผ่อนอย่างน้อย ๆ ก็สัก 10 - 12 ชั่วโมงต่อวัน แต่เมื่อใดก็ตามที่เกิดการหดหู่ใจ เวลาดังกล่าวจะถูกบั่นทอนไปด้วยการคิดมากและจมปลักกับเรื่องที่ทำให้เศร้าไปโดยปริยาย ซึ่งนั่นส่งผลให้ร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอเท่าที่ควร และเมื่อเข้าไปทำงานในวันรุ่งขึ้น ก็เลยเกิดอาการว่างเป็นง่วง หรือไม่ก็นั่งตาค้างแบบไม่มีชีวิตชีวาอย่างที่คุณอาจจะเคยเห็น ๆ มาก่อนหน้านี้
 
3. ปวดท้องหรือปวดหลังอย่างไร้สาเหตุ
 
          สืบเนื่องจากทั้งข้อที่ 1 และ 2 ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่ได้ดูแลอย่างดีเท่าที่ควร อาการทางร่างกาย ๆ ที่จะตามมาก็การปวดท้องหรือปวดหลังขึ้นมาแบบดื้อ ๆ ซึ่งก็น่าจะมีสาเหคุมาจากหลายปัจัย เช่น อาจจะนอนหรือนั่งกับที่อยู่เป็นเวลานาน ๆ จนทำให้กล้ามเนื้อเกิดการยึดตัว ส่วนอาการปวดท้องก็เช่น ไม่ยอมทานอาหารให้ตรงเวลา เพราะเอาเวลาส่วนนั้นไม่วนเวียนอยู่กับความรู้สึกที่ชวนหดหู่อยู่นั่นเอง
 
4. ฉุนเฉียวขึ้นมาได้ง่าย ๆ
 
          ถ้าคุณเกิดสงสัยในอาการที่เขาเป็นอยู่ ว่าเกิดอะไรขึ้นมีอะไรให้ช่วยหรือไม่ เขาก็จะต้องตอบมาในทำนองที่ว่า "ไม่เป็นไร ขออยู่คนเดียวสักพัก" แบบนี้แน่ ๆ และเมื่อถามซ้ำ ๆ เข้าหลาย ๆ คน ๆ หลายครั้ง เขาก็จะเกิดอารมณ์ที่ฉุนเฉียวขึ้นมาทันที ดีไม่ดีจะพาลตะคอกเสียงใส่คุณให้หน้าชาขึ้นมาได้ ที่เป็นอย่างนั้นก็เนื่องมาจากเขาอยู่ในอารมณ์ที่ยังไม่พร้อมจะพูดหรือเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ใครฟังทั้งนั้น และเมื่อไปยุ่งหรือไปซักไซ้เขามาก ๆ เข้า ก็เลยเกิดความหงุดหงิดขึ้นมาในที่สุด
 
5. นั่งเหม่อลอย ไม่มีสมาธิ
 
          ถ้าวันดีคืนดี คุณเห็นคนข้างตัวคุณนั่งเหม่อลอยไปเรื่อย ทั้ง ๆ ที่มีสิ่งที่ต้องทำมากมายกองรออยู่ตรงหน้า คุณก็อย่าลืมช่วยสะกิดเขาให้กลับมามีสมาธิอย่างเดิมด้วย เพราะหากปล่อยให้เขานั่งเหม่อลอยคิดแต่เรื่องชวนเศร้าจิตเศร้าใจบ่อย ๆ นั้น ผลเสียต่าง ๆ นานาทั้งเรื่องของหน้าที่การงานและสุขภาพได้มาถามหาเขาแน่นอน ดังนั้น ทางที่ดีก็ควรลองหากิจกรรมให้เขาทำหรือกำหนดตัวงานให้เข้มงวดมากขึ้นให้เขาได้คิด ได้ตัดสินใจ ก็จะเป็นตัวช่วยที่ดีอยู่ไม่น้อย
 
6. โกรธรุนแรงหรือมีความคิดแง่ร้ายเสมอ
 
          ก็อย่างว่าล่ะ เรื่องาวที่ทำให้หดหู่ใจ มักจะเป็นเรื่องแย่ ๆ อยู่เสมอ แล้วยิ่งไปคิดหรือนึกถึงมาก ๆ สภาพจิตใจก็พาลจะแย่ตามไปด้วย และเมื่อถึงจุด ๆ หนึ่งที่มีใครเข้าไปกระตุกหนวดเสือหรือจี้คำพูดโดนความรู้นั้นเข้าล่ะก็ อารมณ์โกรธที่รุนแรงหรือความในแง่ร้ายต่าง ๆ ก็จะปะทุออกมาแบบกลั้นยังไงก็กลั้นไม่อยู่เลยทีเดียว ทั้งนี้วิธีแก้ปัญหาแบบนี้ ก็แค่อย่าให้เขาได้อยู่คนเดียวบ่อย ๆ พยายามไปสุงสิงหรือพาเขาไปเปิดหูเปิดตาเข้าไว้ เผื่อเขาจะได้ลืม ๆ เรื่องแย่ ๆ ในชีวิตไปบ้าง
 
7. ดูเครียดอย่างเห็นได้ชัด
 
          หลักการทางการแพทย์ได้ระบุไว้ว่า เมื่อใดก็ตามที่ผู้ชายมีความรู้สึกหดหู่มาก ๆ เข้าและต้องเจอกัยหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบเพิ่มเติมผสมเข้าไปอีก จิตใจจะสั่งการให้สมองทำงานหนักมากขึ้น และเมื่อสมองทำงานหนักมากขึ้น ๆ ความเครียดก็จะเกิดขึ้นทันที แถมความเครียดที่ว่ายังจะมีมากกว่าคนปกติทั่ว ๆ ไปอีกด้วย และถ้าหากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ก็อาจจะทำให้เขาเกิดโรคเครียด หรือโรคประสาทตามมาได้
 
8. มีความวิตกกังวลตลอดเวลา
 
          นอกจากความเครียดที่เกิดขึ้นแล้ว อาการวิตกกังวลก็จะเกิดขึ้นตามมาด้วย แต่ความวิตกกังวลนั้นจะเหมือนกับที่ผุ้หญิงมักจะคิด ๆ กัน กล่าวคือผู้หญิงมักจะมีเรื่องให้ต้องวิตกกังวลมากมายหลายเรื่องพร้อม ๆ กัน แต่ผู้ชายจะวิตกกังวลอยู่กับเรื่องที่เขาหดหู่เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น ที่สำคัญไปกว่านั้น ผู้ชายโดยส่วนใหญ่มักจะไม่บอกเรื่องนี้ให้คนอื่นได้รู้เลย ถ้าหากเขาไม่พร้อมหรือไม่อยากที่จะเล่าจริง ๆ
 
9. ชอบพูดในเรื่องแย่ ๆ
 
          อีกหนึ่งกรณีศึกษาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งเกิดขึ้นจริง ๆ ก็คือการที่เขาเลือกจะปลดปล่อยหรือลืม ๆ เรื่องราวชวนหดหู่นั้นด้วยการไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูงแบบเต็มที่ไม่มียั้ง แต่พอกินได้ที่ ฤกษ์สุราเริ่มออกทำงาน ทุกสิ่งทุกอย่างที่คิดและเก็บมานาน ก็จะถึงคราวที่ได้พรั่งพรูออกมาแบบไม่ขาดสาย และถ้าถึงจุดพีกของการพูดระบายแล้วล่ะก็ นอกจากเรื่องที่ชวนหดหู่แล้ว เรื่องราวอื่น ๆ ที่เขาเก็บมานานและไม่เคยบอกใคร อาจจะเป็นเรื่องเพื่อน เรื่องที่ทำงาน หรือเรื่องใด ๆ ก็ตามแต่ ก็จะออกจากปากเขาด้วยเหมือนกัน
 
10. ไม่อยู่ในอารมณ์จะทำการบ้าน
 
          ปะติโถ! อย่าว่าแต่มีเรื่องให้ต้องหดหู่เลย ลำพังแค่เรื่องกลุ้มอกกลุ้มใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะทำเรื่องอย่างว่ากับคนรักเลยแม้แต่น้อย ครั้นจะทำตัวเองให้สดชื่น ดูเป็นผู้เป็นคนยังยากเลย แล้วนับประสาอะไรกับเรื่องบนเตียงล่ะถูกไหม? ต่อให้มีความสามารถในการทำเองนั้นได้ ก้เชื่อได้ว่าทำไปอย่างไม่มีอารมณ์ร่วมด้วยอย่างแน่นอน ฉะนั้น เคลียร์เรื่องไม่สบายใจให้จบเสียก่อน แล้วค่อยไปสานต่อความรักอีกกี่ครั้งก็ได้ คราวนี้ไม่มีใครว่าอย่างแน่นอน

11. เกิดความละล้าละลัง
 
          เคยมีคนไข้รายหนึ่ง มาขอคำปรึกษากับแพทย์ ด้วยการเล่าอาการให้ฟังว่า "ผมทำงานเกี่ยวกับตัวเลข และไม่สามารถที่จะคิดเลขได้เลยแม้แต่น้อย แถมคนนั้น คนนี้ ก็เอาเรื่องราวต่าง ๆ ที่ต้องัดสินใจโยนมาให้ผมกันหมดเลย ผมทำอะไรไม่ถูก ผมไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี ผมควรทำยังไงดีครับ?"
 
          คำขอนี้ เป็นคำขอที่แพทย์หลาย ๆ คนเข้าใจในสถานการณ์นั้น ๆ เป็นอย่างดี ทั้งนี้ทั้งนั้น สาเหตุหลัก ๆ ก็เกิดจากการที่ไม่มีสมาธิอยู่กับสิ่งที่ต้องรับผิดชอบนั่นเอง เพราะว่าทั้งจิตใจและสมอง มีแต่เรื่องที่น่าหดหู่วนเวียนอยู่เต็มไปหมด ดังนั้นแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้ก้มีอยู่ทางเดียวคือเริ่มจากตัวของผู้ให้ให้พยายามยับยั้งตัวเอง หรือแยกระหว่างเรื่องส่วนตัวกับหน้าที่การงานให้ห่างกันอย่างชัดเจน และพยายามลืมเรื่องแย่ ๆ นั้นซะ จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว
 
12. มีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย
 
          อาการต่าง ๆ ที่ได้ว่ามา หากได้รับการรักษาหรือเยียวยาอย่างดี ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีและโชคดีมาก ๆ แต่กลับกัน หากเรื่อวที่น่าหดหู่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและกลายเป็นปัญหาสะสมก่อตัวเป็นกำแพงในใจหนาขึ้น ๆ เรื่อย ๆ แล้วล่ะก็ เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขั้นรุนแรงอย่างการคิดสั้นจะฆ่าตัวตาย ก็เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่ ๆ และเพื่อไม่ให้เรื่องเลวร้ายแบบนั้นเกิดขึ้น ทางที่ดีก็ควรมีการดูแลกันอย่างใกล้ชิด และคอยสังเกตุพฤติกรรมเอาไว้เสมอ ก็จะเป็นวิธีการที่ช่วยป้องกันได้อย่างดีทีเดียว
 
          จากทั้งหมดที่ได้ว่ามานี้ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากจะประสบหรือพบเจอทั้งสิ้น แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก้ควรที่จะมีการดุแลกันอย่างใกล้ชิด ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันอยู่เสมอ หรือทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและเป็นผู้รับฟังที่ดี ก็จะเป็นทางออกที่ดีวิธีหนึ่งในการแก้ไขเรื่องราวชวนหดหู่ของคุณผุ้ชายทั้งหลายให้ออกไปจากจิตใตและสมองอย่างเด็ดขาด

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
12 สัญญาณเตือนให้รู้ว่าผู้ชายกำลังอยู่ในภาวะหดหู่ อัปเดตล่าสุด 24 พฤษภาคม 2561 เวลา 17:10:27 2,894 อ่าน
TOP