สายชาร์จดูดเงิน อันตรายแค่ไหน ป้องกันยังไงได้บ้าง ?

รู้เท่าทันสายชาร์จดูดเงิน ทำงานยังไง อันตรายแค่ไหน และจะมีวิธีป้องกันถูกดูดเงินจากการใช้สายชาร์จสาธารณะได้อย่างไรบ้าง มาดูกัน

สายชาร์จดูดเงิน

ปัจจุบันคงต้องบอกเลยว่าภัยจากมิจฉาชีพนั้นเยอะจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือแอปฯ ดูดเงินต่าง ๆ มาจนถึงสายชาร์จดูดเงินที่เพิ่งมีข่าวดังในขณะนี้ ว่ามีคนใช้สายชาร์จแบตเตอรี่มือถือตามที่สาธารณะแล้วถูกดูดเงินไปเกือบแสน ซึ่งความจริงแล้วความอันตรายของการใช้สายชาร์จสาธารณะนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่นัก หลายคนอาจจะเคยได้ยินเรื่องดังกล่าวมาหลายปีแล้ว แต่สำหรับใครที่ยังไม่เคยรู้มาก่อน วันนี้เราจะมาอธิบายให้ฟังกันว่าสายชาร์จสาธารณะนั้นสามารถแฮกมือถือของเราได้อย่างไร และจะมีวิธีป้องกันยังไงได้บ้าง

สายชาร์จดูดเงิน ทำงานยังไง ?

สายชาร์จที่สามารถใช้ดูดเงินได้นั้นอาจมาในรูปแบบของสาย Type-C, microUSB หรือสาย Lightning ก็ได้ แต่ส่วนใหญ่เหยื่อที่ถูกดูดเงินมักจะใช้มือถือ Android เนื่องจากเป็นระบบแบบเปิด โดยตัวสายจะมีการฝังชิปและซอฟต์แวร์ที่สามารถใช้สั่งควบคุมมือถือเครื่องที่เสียบสายนั้น ๆ หรือดักจับข้อมูลต่าง ๆ ได้ เช่น การพิมพ์ข้อความหรือรหัสผ่าน

อย่างไรก็ตาม การจะดูดเงินด้วยสายชาร์จก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ง่ายนัก เพราะไม่ใช่ว่าเมื่อเสียบสายไปแล้วมิจฉาชีพจะจัดการโอนเงินออกจากบัญชีของเหยื่อได้ทันที แต่จะต้องผ่านขั้นตอนและระบบความปลอดภัยของมือถือหลายอย่าง ก็คือมือถือเครื่องนั้นจะต้องไม่ได้ล็อกหน้าจออยู่ และเจ้าของเครื่องต้องเลือกอนุญาตให้สายชาร์จเส้นนี้เข้าถึงข้อมูลในเครื่องได้ด้วย ซึ่งจากนั้นก็จะต้องพบกับระบบความปลอดภัยของแอปฯ ธนาคารอีก ซึ่งต่อให้มิจฉาชีพจะควบคุมมือถือได้ แต่ถ้าไม่รู้รหัส PIN ก็จะทำธุรกรรมใด ๆ ไม่ได้เลย นอกเสียจากว่าเหยื่อจะเซฟรหัสเก็บไว้ในเครื่องให้สามารถเปิดดูได้ง่าย ๆ

ส่วนในกรณีการดักจับการพิมพ์รหัสผ่านแป้นคีย์บอร์ดนั้นก็จำเป็นจะต้องมีการแอบติดตั้งแอปฯ ปลอมลงในเครื่องด้วย ซึ่งจะสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อมือถือเครื่องดังกล่าวได้เปิดอนุญาตให้ติดตั้งแอปฯ นอก Store หลักไว้เท่านั้น และยังต้องมีการอนุญาตให้แอปฯ สามารถทำงานได้ตลอดแม้จะสลับไปใช้แอปฯ อื่นอีกด้วย มันถึงจะดักจับการพิมพ์รหัสผ่านได้

วิธีการป้องกันถูกดูดเงิน

1. ไม่ใช้สายชาร์จสาธารณะ

แน่นอนว่าการป้องกันตัวที่ง่ายที่สุดก็คือ การเลี่ยงไม่ใช้สายชาร์จสาธารณะ ควรใช้ที่ชาร์จพร้อมสายของตัวเองเสียบกับปลั๊กไฟ หรือพก Power Bank ก็จะไม่มีทางถูกสายชาร์จดูดเงินแน่นอน

2. ไม่เซฟรหัสเก็บไว้ในเครื่อง

การเซฟรหัสผ่านหรือ PIN ต่าง ๆ เก็บไว้ในเครื่องนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เนื่องจากถ้ามิจฉาชีพสามารถควบคุมเครื่องได้ หรืออาจจะมีคนแอบหยิบมือถือไปแล้วปลดล็อกเครื่องได้ ก็จะสามารถดูรหัสที่เซฟไว้ในเครื่องได้หมด ทางที่ดีควรจำรหัสผ่านได้ด้วยตัวเอง หรือใช้แอปฯ บันทึกรหัสผ่านที่มีระบบความปลอดภัยสูงและเชื่อถือได้

3. คิดให้ดีก่อนกดอนุญาตสิ่งต่าง ๆ

หากจำเป็นต้องใช้สายชาร์จสาธารณะจริง ๆ เมื่อเสียบสายชาร์จแล้วระบบถามว่าต้องการให้สายชาร์จทำงานในโหมดไหน ให้เลือกโหมดสำหรับชาร์จเท่านั้น เพื่อไม่อนุญาตให้สายสามารถทำการรับ-ส่งข้อมูลใด ๆ กับตัวเครื่องได้ นอกจากนี้หากมีการติดตั้งแอปฯ ต่าง ๆ ก็ต้องคิดให้ดีก่อนกดอนุญาตให้แอปฯ เข้าถึงข้อมูลภายในเครื่องด้วย

จากทั้งหมดที่เราได้กล่าวไปจะเห็นได้ว่าการถูกสายชาร์จดูดเงินนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถเกิดได้ง่าย ๆ จึงยังไม่ถึงกับต้องตื่นตระหนกกันมากเกินไป เพราะถ้าหากเรารู้วิธีการป้องกันตัวเองก็จะปลอดภัยและไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพพวกนี้ครับ

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สายชาร์จดูดเงิน อันตรายแค่ไหน ป้องกันยังไงได้บ้าง ? อัปเดตล่าสุด 18 มกราคม 2566 เวลา 17:08:15 16,547 อ่าน
TOP
x close