แนะนำหูฟังออกกําลังกาย 2022 ยี่ห้อไหนดี ใส่สบายหู พร้อมคุณสมบัติกันน้ำกันเหงื่อได้ดี เช็กเลยมีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง
ใครที่ชอบออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาเป็นประจำ การมีหูฟังออกกำลังกายคู่ใจไว้ฟังเพลงก็ช่วยให้เพิ่มสีสันและอารมณ์ได้มากขึ้น แถมยังไว้ใช้รับสายคุยโทรศัพท์ได้สะดวกอีกด้วย แต่ถ้าหากยังไม่รู้ว่าควรจะเลือกซื้อหูฟังแบบไหนมาไว้ใช้ตอนออกกำลังกายดี วันนี้เรามีคำแนะนำมาฝากกัน
วิธีเลือกซื้อหูฟังออกกำลังกาย
หูฟังที่เหมาะสำหรับใส่ออกกำลังกายนั้นควรจะเป็นหูฟังแบบไร้สาย เพื่อที่จะได้ไม่มีสายเกะกะระหว่างการออกกำลัง ซึ่งมีปัจจัยต่าง ๆ ที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อ ดังนี้
1. แบบคล้องคอ หรือ True Wireless
หูฟังไร้สายหรือหูฟังบลูทูธสำหรับใส่ออกกำลังกายนั้นจะมีทั้งแบบคล้องคอและแบบ True Wireless โดยแบบคล้องคอจะมีข้อดีคือเมื่อถอดหูฟังก็สามารถพาไว้บนคอได้ พร้อมหยิบมาใส่ได้สะดวก แต่แบบ True Wireless จะมีข้อดีที่ความเล็กกะทัดรัด พกพาสะดวกกว่า แต่ก็มีโอกาสที่หูฟังจะหลุดร่วงได้ง่ายกว่า
2. ฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน
ในหูฟังบางรุ่นจะมีฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน (Noise Cancelling) มาให้ ด้วยการใช้ไมโครโฟนบนตัวหูฟังตรวจจับเสียงรอบข้างที่รบกวนการฟังของเรา เพื่อตัดเสียงรบกวนให้ได้ยินเสียงเพลงในหูฟังชัดเจนมากขึ้น ซึ่งบางรุ่นก็อาจมีโหมดการตัดเสียงรบกวนให้เลือกได้หลายโหมดอีกด้วย
3. ความจุแบตเตอรี่
แน่นอนว่าหูฟังแบบไร้สายจำเป็นต้องใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ ซึ่งถ้าหากต้องการใช้คุยหรือฟังเพลงต่อเนื่องได้นาน ๆ โดยที่ไม่ต้องชาร์จบ่อย ๆ ก็ควรมองหารุ่นที่แบตเตอรี่ใหญ่ ๆ สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน หรืออาจเลือกรุ่นที่มีระบบชาร์จเร็ว ชาร์จแค่แป๊บเดียวก็ใช้ต่อได้อีกนานหลายชั่วโมง
4. คุณสมบัติกันน้ำ
หูฟังออกกำลังกายที่ดีควรมีคุณสมบัติกันน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณชอบใส่หูฟังออกกำลังกายนอกบ้าน หรือใส่ว่ายน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำหรือเหงื่อเข้าไปในตัวหูฟังจนเกินความเสียหาย โดยถ้าเป็นรุ่นที่รองรับ IPX4 ขึ้นไปก็จะสามารถกันฝุ่นหรือกันน้ำกระเด็นใส่ได้ แต่ถ้าหากเป็น IPX7 ก็จะสามารถใส่อาบน้ำหรือว่ายน้ำได้เลย
หูฟังออกกําลังกาย 2022 ยี่ห้อไหนดี
1. JBL Endurance SPRINT
หูฟังกันน้ำ JBL Endurance รุ่นนี้เป็นแบบบลูทูธ มาพร้อมสายคล้องขอ มีแบตเตอรี่ที่ใช้ได้นานถึง 8 ชั่วโมง รองรับระบบชาร์จเร็ว ชาร์จเพียง 10 นาที ก็ใช้งานได้ 1 ชั่วโมง ดีไซน์หูฟังเป็นแบบ MagHook คล้องบนใบหู ไม่หลุดร่วงง่าย สามารถหนีบไว้บนเสื้อขณะที่ไม่ได้ใช้งานได้ บวกกับเทคโนโลยี TwistLock และ FlexSoft ที่ทำให้หูฟังมีน้ำหนักเบาและสวมใส่สบาย
- ราคา 1,990 บาท
2. Shokz Openrun Pro
หูฟังไร้สายแบบ Bone Conduction ที่ใช้เทคโนโลยี Shokz TurboPitch ส่งเสียงผ่านกระดูก ดีไซน์เป็นแบบ Open-Ear สวมใส่สบาย เบสหนัก แบตเตอรี่ใช้ฟังเพลงและสนทนาได้นาน 10 ชั่วโมง พร้อมทั้งรองรับชาร์จเร็ว มีคุณสมบัติกันน้ำที่มาตรฐาน IP55 นอกจากนี้ ภายมียังมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนแบบ Dual Noise-Canceling อีกด้วย
- ราตา 6,690 บาท
3. Sony WI-SP510
หูฟังบลูทูธสำหรับใส่เล่นกีฬาจาก Sony ที่มีคุณสมบัติกันน้ำ IPX5 สามารถป้องกันน้ำกระเด็นใส่และเหงื่อได้ ตัวขับเสียงขนาด 12 มม. แบตเตอรี่สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานสุดถึง 15 ชั่วโมง มีตัวรองรับใบหู ARC ที่หุ้มด้วยแผ่นบุเนื้อนิ่ม ช่วยให้ใส่ได้กระชับและสบายหู พร้อมเทคโนโลยี EXTRA BASS เพิ่มพลังเบสขณะฟังเพลง
- ราคา 2,490 บาท
4. Jabra Elite Sport
หูฟัง True Wireless แบบ In-Ear สไตล์สปอร์ต เหมาะแก่การใส่ออกกำลังกาย พร้อมระบบตัดเสียงรบกวน สามารถเลือกใส่ทั้งสองข้างหรือใส่เพียงข้างเดียวได้ เพื่อให้เหมาะกับลักษณะการออกกำลังกาย แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 4.5 ชั่วโมง และเมื่อชาร์จจากเคสจะใช้ได้อีก 9 ชั่วโมง รวมเป็น 13.5 ชั่วโมง และมีคุณสมบัติกันน้ำด้วย
- ราคา 7,900 บาท
5. HUAWEI FreeLace Pro
หูฟังบลูทูธแบบคล้องคอที่มีระบบตัดเสียงรบกวน 3 โหมดอัจฉริยะ ให้เลือกเหมาะกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ เช่น ตอนพักผ่อน ทำงาน หรือขณะเดินถนน และยังมีไมค์ตัดเสียงรบกวนแบบ Dual-mic Active Noise Cancelling ตัวขับเสียงมีขนาด 14 มม. แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 24 ชั่วโมง และชาร์จเพียง 5 นาที ก็สามารถใช้งานต่อเนื่องได้อีก 5 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังสามารถกดเพื่อสลับการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ได้อีกด้วย
- ราคา 2,290 บาท
6. Beats Flex
หูฟังไร้สาย Beats ที่มาพร้อมสายคล้องคอแบบ Flex-Form เน้นความคล่องตัว เหมาะทั้งออกกำลังกายและใส่ในชีวิตประจำวัน จุกหูฟังสามารถเลือกได้ 4 ขนาด แบตเตอรี่ใช้ฟังเพลงได้นานสูงสุดถึง 12 ชั่วโมง รองรับการชาร์จแบบ Fast Fuel ที่ชาร์จเพียง 10 นาที ก็ใช้งานต่อได้นานถึง 1.5 ชั่วโมง ตัวหูฟังใช้ชิป Apple W1 ซึ่งถูกออกแบบมาสำหรับใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ของ Apple โดยเฉพาะ
- ราคา 2,500 บาท
7. Bose Sport Earbuds
หูฟัง True Wireless ที่ถูกออกแบบมาสำหรับใส่ออกกำลังกายโดยเฉพาะ มีคุณสมบัติกันน้ำกันเหงื่อที่มาตรฐาน IPX4 มาพร้อมเทคโนโลยี StayHear Max ที่ช่วยให้ใส่กระชับรูหูเพื่อป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก ควบคุมและสั่งการง่าย ๆ ด้วยการแตะ ส่วนแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้นานสูงสุด 5 ชั่วโมง และชาร์จผ่านเคสให้ใช้ได้อีก 10 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังรองรับชาร์จเร็วที่ชาร์จเพียง 15 นาที ก็ใช้ได้อีก 2 ชั่วโมง
- ราคา 8,900 บาท
8. Jaybird Tarah
หูฟังไร้สายสไตล์สปอร์ตสำหรับใส่ออกกำลังกายรุ่น มีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นาน 6 ชั่วโมง มาพร้อมคุณสมบัติกันน้ำกันเหงื่อที่มาตรฐาน IPX7 ให้คุณสมภาพเสียงที่ดีด้วย Custom EQ ใส่สบายกระชับหู และมีสายสำหรับคล้องคอในตัว โดยภายในกล่องจะมีจุกซิลิโคนให้เลือกเปลี่ยนได้หลายขนาดด้วย
- ราคา 1,890 บาท
และทั้งหมดนี้ก็คือหูฟังออกกำลังกายรุ่นเด่น ๆ ที่เราได้คัดเลือกมาแนะนำ ใครสนใจรุ่นไหนก็สามารถหาซื้อได้ตามร้านตัวแทนจำหน่ายเลย แต่อย่าลืมเช็กราคาก่อนซื้อด้วยละ เพราะราคาที่ได้ระบุไว้เป็นเพียงราคาโดยประมาณเท่านั้น ซึ่งอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับร้านที่จำหน่ายและโปรโมชั่นต่าง ๆ ส่วนผู้ที่สนใจหูฟังแบบ True Wireless เราก็มีแนะนำไว้แล้วเช่นกัน สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่ : หูฟังไร้สาย True Wireless ยี่ห้อไหนดี 2022 ตัดเสียงรบกวนได้
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : jbl.com, shokz.com, sony.co.th, jabra.com, huawei.com, apple.com, bose.com, jaybirdsport.com