ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมผู้ชาย มีกี่ประเภท Gel Wax Pomade Clay และอื่น ๆ แตกต่างกันยังไง ผลิตภัณฑ์ที่ใช้เซตทรงผมชาย มีแบบไหนให้เลือกบ้าง จะเลือกซื้อเจลเซตผมยังไงให้ตอบโจทย์
หนึ่งในเรื่องที่หนุ่ม ๆ ต้องให้ความใส่ใจในการแต่งทรงผมก็คือตอนไปซื้อผลิตภัณฑ์แต่งผมนี่แหละ หลายคนอาจจะนึกถึงแค่ เจลใส่ผม แต่รู้หรือไม่ว่าปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์สารพัดชนิดให้เลือกซื้อเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็น แว็กซ์ โพเมด และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งก่อนอื่นเลยก็คงต้องมาทำความเข้าใจกันว่าแต่ละชนิดแตกต่างกันยังไง ใช้ทำอะไรบ้าง จะได้ไม่ต้องงงกันอีกต่อไป
แน่นอนว่าหลัก ๆ ก็เอาไว้จัดทรงผมให้อยู่ทรงตามที่เราต้องการ แต่การที่มันมีให้เลือกใช้หลากหลายประเภทนั้น ก็เพราะว่าถ้าหากเลือกใช้ได้เหมาะกับสภาพผมและทรงผมที่ต้องการจะทำ รวมทั้งใช้อย่างถูกวิธี ก็จะทำให้ทรงผมที่แต่งนั้นออกมาดูดีดูเนี้ยบได้ดั่งที่ใจต้องการนั่นเอง
ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม มีกี่แบบ ต่างกันยังไง ?
1. เจล (Gel)
มีเนื้อใส ล้างออกง่าย ใช้แล้วผมจะดูมันเงา บางสูตรอาจมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เมื่อใช้แล้วเส้นผมจะมีความแห้งและแข็ง มีให้เลือกทั้งแบบ Light Hold สำหรับผมเส้นเล็ก และแบบ Strong Hold สำหรับผมเส้นใหญ่หนา โดยแบบ Light จะมีความยืดหยุ่นกว่า สามารถจัดเปลี่ยนทรงได้ง่ายกว่า เนื้อเจลส่วนใหญ่จะมีความเข้มข้นน้อยกว่าแว็กซ์และโพเมด
2. แว็กซ์ (Wax)
wax มีลักษณะเป็นขี้ผึ้งที่เนื้อมีความเข้มข้นแบบปานกลาง มีให้เลือกทั้งแบบมันเงาและไม่มันเงา เมื่อใช้เซตผมแล้วจะมีความแข็งพอสมควร แต่ยังมีความยืดหยุ่นอยู่ให้พอสามารถจัดเปลี่ยนทรงใหม่ระหว่างวันได้ โดยรวมแล้วแว็กซ์จะเหมาะกับทรงผมที่ไม่ต้องการความเนี้ยบมากหรือลุคเซอร์ ๆ หน่อย
3. โพเมด (Pomade)
โพเมดจะไม่ทำให้ผมแห้งแข็งเหมือนเจล สามารถใช้ได้กับทรงผมหลากหลายสไตล์ โดยเฉพาะสายเนี้ยบ เหมาะกับทั้งผมตรงและผมหยักศก แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ สูตรน้ำมัน ที่ทำจากไขมันสัตว์ เน้นความแข็งและมันเงา กับสูตรน้ำ ที่สามารถล้างออกได้ง่ายกว่า ดีต่อสุขภาพหนังศีรษะกว่า โดยยังคงให้ความแข็งและมันเงาได้ใกล้เคียงกับสูตรน้ำมัน แต่มีราคาแพงกว่า
4. เคลย์ (Clay)
เป็นโพเมดที่เพิ่มส่วนผสมของเคลย์เข้าไป ช่วยทำให้ผมมีความหนาและมีน้ำหนักมากขึ้น มีความแข็งมากขึ้น แต่มักจะเป็นแบบด้าน ไม่มีความมันเงา เคลย์เป็นส่วนผสมที่สามารถดูดซึมเข้าสู่เส้นผมได้ง่าย อีกทั้งยังช่วยบำรุงเส้นผมไม่ให้แห้ง เหมาะกับผู้ที่มีผมหยักศกหรือผมที่ค่อนข้างยาว
5. เพสต์ (Paste)
เนื้อของเพสต์จะมีความเข้มข้นกว่าโพเมด สามารถทำให้ผมอยู่ทรงได้ในระดับปานกลางไปจนถึงมาก โดยมีความมันเงาในระดับหนึ่ง อีกทั้งยังคงมีความยืดหยุ่นพอสมควร และสามารถทำให้เส้นผมมีน้ำหนักมากขึ้นด้วยการใช้ไดร์เป่าให้แห้ง สามารถใช้ได้กับทุกทรงผม
6. ครีม (Cream)
โดยปกติแล้วครีมมักจะช่วยให้ผมอยู่ทรงได้ไม่มากนัก แต่จะเน้นไปที่การบำรุงเส้นผมไปในตัวมากกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นผมแห้ง ผมหยิก หรือผมเสีย นอกจากนี้ก็จะช่วยให้เส้นผมดูมันเงามากขึ้นด้วย
7. มูส (Mousse)
ช่วยเพิ่มน้ำหนักให้กับเส้นผมด้วยการนวดลงบริเวณรากผมแล้วใช้ไดร์เป่า มีข้อดีกว่าประเภทเจลคือไม่ทำให้ผมแห้งแข็งและมีสะเก็ดตกค้าง เหมาะสำหรับใช้แล้วตามด้วยเพสต์เพื่อจัดทรงผมในขั้นตอนต่อไป
7. แฮร์เซรั่ม (Hair Serum)
เซรั่มสำหรับบำรุงเส้นผมที่เหมาะสำหรับคนผมหยักศกหรือผมยาว ช่วยให้ผมมีความนุ่มและเรียบขึ้น ช่วยลดปัญหาผมหยิกชี้ฟู นอกจากนี้ก็ยังทำให้ผมดูเงางามมากขึ้นอีกด้วย
8. สเปรย์ฉีดผม (Hairspray)
สเปรย์ฉีดผมนี้สามารถใช้ได้ทั้งแบบเดี่ยว ๆ หรือใช้ร่วมกับเพสต์หรือโพเมด สามารถใช้ฉีดภายนอกเพื่อให้ผมอยู่ทรง หรือจะฉีดลึกไปที่รากผมเพื่อให้เส้นผมตั้งขึ้นมาก็ได้เช่นกัน โดยจะมีระดับความ Hold ได้ตั้งแต่น้อยไปจนถึงมาก
9. แป้งเทกเจอร์ (Texture Powder)
เป็นแป้งสำหรับใช้เน้นการเพิ่มน้ำหนักให้กับเส้นผม ด้วยการนวดแป้งลงไปที่เส้นผม เหมาะสำหรับใช้ในการเตรียมก่อนตกแต่งทรงผมด้วยโพเมดหรือเพสต์เป็นขั้นตอนต่อมา
และทั้งหมดนี้คือผลิตภัณฑ์แต่งผมที่สามารถเลือกหามาใช้ได้ ซึ่งจะเห็นว่าแต่ละชนิดก็มีความแตกต่าง และลักษณะการใช้ไม่เหมือนกัน รวมทั้งมีให้เลือกหลายแบรนด์หลายสูตรขึ้นอยู่กับความต้องการ ถ้าคิดว่าแบบไหนตอบโจทย์สไตล์ของตัวเองก็ลองเลือกซื้อมาใช้กันได้เลย
ขอบคุณข้อมูลจาก realmenrealstyle.com, artofmanliness.com