สรุปกติกามวยสากลสมัครเล่น ในส่วนของวิธีการให้คะแนนของกรรมการผู้ให้คะแนน ว่ามีหลักเกณฑ์อย่างไร ตัดสินคะแนนยังไงในแต่ละยก ตามข้อบังคับของ สหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ หรือ AIBA กำหนดการนับคะแนนไว้ยังไงบ้าง
มวยสากลสมัครเล่น นับได้ว่าเป็นกีฬายอดนิยมและเป็นที่สนใจของชาวไทยมาอย่างยาวนาน นี่คือกีฬาที่สร้างชื่อเสียงและความภาคภูมิใจในเวทีระดับโลกอย่าง กีฬาโอลิมปิก และ กีฬาเอเชียนเกมส์ รวมถึงสร้างฮีโร่อย่าง สมรักษ์ คำสิงห์ หรือ สมจิตร จงจอหอ ให้กลายเป็นที่รู้จักของคนเกือบทั้งประเทศมาจนถึงทุกวันนี้
แน่นอนว่าในขณะที่คอยติดตามชมและเอาใจช่วยเหล่านักกีฬาขวัญใจ การศึกษาข้อมูลเรื่องกติกา ข้อบังคับ วิธีการให้คะแนนของมวยสากลสมัครเล่น ก็ถือว่ามีประโยชน์และน่าจะช่วยเพิ่มความเข้าใจและทำให้เชียร์มวยได้อย่างมีอรรถรสมากขึ้น รวมถึงช่วยให้เข้าใจแท็กติก แผนการชกของนักกีฬาทั้งสองฝ่ายได้ดียิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน
กติกามวยสากลสมัครเล่น
สำหรับกติกาของมวยสากลสมัครเล่นตามที่ สหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ หรือ AIBA ได้บัญญัติไว้นั้น มีมากถึง 49 ข้อ ซึ่งครอบคลุมข้อกำหนดในทุกด้าน ไล่ตั้งแต่การจัดการแข่งขัน, กำหนดพิกัดน้ำหนักของแต่ละรุ่น, ระเบียบเกี่ยวกับอุปกรณ์ เวที เครื่องแต่งกายของทั้งนักกีฬาและผู้ตัดสิน รวมไปจนถึงข้อปฏิบัติทั้งก่อนการชก ระหว่างการชก และหลังจากการชกได้เสร็จสิ้นลง
ส่วนกติกาการชกหลัก ๆ โดยทั่วไปก็คือ การชกในแต่ละไฟต์ ทำการชก 3 ยก ยกละ 3 นาที พักระหว่างยก 1 นาที ซึ่งการชกที่ไม่ใช่การแข่งขันระดับมาตรฐานก็อาจจะมีข้อกำหนดที่แตกต่างกันไปตามความเหมาะสม
มวยสากลสมัครเล่น - การให้คะแนน
กติกาว่าด้วยการให้คะแนนสำหรับการแข่งขันมวยสมัครเล่นมีกำหนดอยู่ในข้อที่ 18 และข้อที่ 19 ของ AIBA ซึ่งมีเนื้อหาโดยสรุปคือ
-
การให้คะแนนใช้ระบบ 10 คะแนนเต็มในแต่ละยก โดยกำหนดให้มีกรรมการผู้ให้คะแนน 5 คน นั่งอยู่ในตำแหน่งรอบ ๆ เวที
-
วิธีการให้คะแนนในการแข่งขันระดับมาตรฐานของ AIBA กรรมการจะใช้อุปกรณ์ในการกดเพื่อให้คะแนนนักชกแต่ละฝ่ายเมื่อเห็นว่าชกคู่ต่อสู้ได้เข้าเป้า และคะแนนจะถูกคำนวณด้วยระบบคอมพิวเตอร์พร้อมกับแสดงให้เห็นผ่านสกอร์บอร์ดหรือผ่านการถ่ายทอดสด ซึ่งวิธีนี้นับว่าเป็นการตัดสินตามจำนวนหมัดที่ต่อยเข้าเป้าจริง
-
ในกรณีที่การแข่งขันไม่ได้ใช้ระบบให้คะแนนด้วยคอมพิวเตอร์ กรรมการผู้ให้คะแนนจะทำการให้คะแนนคู่ชกทั้งสองฝ่ายเมื่อจบการแข่งขันในแต่ละยก โดยฝ่ายที่ชกได้เหนือกว่าในยกนั้นจะได้ 10 คะแนน ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งจะได้ 9 คะแนนหรือน้อยกว่านั้น (คะแนนต่ำสุดคือ 7 คะแนน) ขึ้นอยู่กับผลงานและฟอร์มการชก ซึ่งมีหลักเกณฑ์สำหรับพิจารณาการให้คะแนนระบุไว้ตามกติกาข้อที่ 18.11 ว่า
- จำนวนหมัดที่ชกเข้าเป้าได้อย่างแม่นยำและหนักหน่วง
- การทำได้เหนือกว่าในแง่ของเทคนิคและแท็กติก
- การแสดงให้เห็นความสามารถในการชก
ขณะที่กติกาข้อ 18.12 กำหนดรูปแบบการให้คะแนนไว้ ดังนี้
- ให้คะแนน 10 ต่อ 9 กรณีที่การชกทำได้สูสีกัน
- ให้คะแนน 10 ต่อ 8 กรณีที่การชกมีฝ่ายที่ทำได้เหนือกว่าชัดเจน
- ให้คะแนน 10 ต่อ 7 กรณีที่การชกมีฝ่ายที่เหนือกว่าอย่างขาดลอย
-
เมื่อทำการชกครบ 5 ยกแล้ว ให้รวมคะแนนเพื่อตัดสินผู้ชนะ โดยอาจเป็นการชนะคะแนนแบบเอกฉันท์ (มีคะแนนจากกรรมการทั้ง 5 คนเหนือกว่าคู่ชก) หรือไม่เป็นเอกฉันท์ก็ได้
ทั้งนี้ ในการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่นนั้น นอกจากจะตัดสินผลกันด้วยคะแนนแล้ว การชกอาจจะมีการตัดสินในรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งที่มักจะเห็นกันโดยทั่วไปก็คือ
-
ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดขอยอมแพ้
-
กรรมการบนเวทีสั่งยุติการชก (RSC) ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นเมื่อเห็นว่านักกีฬาไม่อยู่ในสภาพที่จะทำการชกต่อไปได้
-
กรรมการบนเวทีสั่งยุติการชกเนื่องด้วยอาการบาดเจ็บ (RSC-I)
-
ชนะฟาวล์ (Disqualification – DSQ) ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นเมื่อกรรมการบนเวทีเห็นว่าคู่ชกทำผิดกติกา
-
ชนะน็อก (KO)
ไม่ว่าจะเป็นการชกในระดับสากลบนเวทีมาตรฐาน หรือการแข่งขันเพื่อความบันเทิง มวยสากลสมัครเล่น ก็ถือเป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬา ที่เป้าหมายคือการได้ร่วมแข่งขันตามกติกาด้วยสปิริตของนักกีฬา ได้เรียนรู้ถึงชัยชนะ ความพ่ายแพ้ และการให้อภัย ซึ่งถือเป็นแก่นแท้ของการแข่งขัน
ขอบคุณข้อมูลจาก aiba.org