เปรียบเทียบสเปกระหว่าง iPad Air 2020 กับ iPad Pro 2020 ควรซื้อรุ่นไหนดี ซื้อ iPad รุ่นไหนในปี 2020 จะตอบโจทย์ในการใช้งานมากกว่า มาดูเปรียบเทียบประกอบการพิจารณากัน
หลังจากที่แอปเปิลเปิดตัว iPad Air (2020) ซึ่งมีดีไซน์เหมือนกับ iPad Pro (2020) ไปแล้ว หลายคนก็เริ่มเกิดความลังเลว่าควรจะซื้ออะไรดีระหว่าง iPad Air กับ iPad Pro แต่ละรุ่นมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ซื้อรุ่นไหนจะตอบโจทย์มากกว่า วันนี้เราก็เลยจะมาเปรียบเทียบให้ดูกัน โดยเป็นการเปรียบเทียบกับ iPad Pro รุ่นหน้าจอ 11 นิ้ว ซึ่งใกล้เคียงกับ iPad Air มากที่สุด
ดีไซน์
iPad Air 2020
iPad Pro 2020
ดีไซน์ตัวเครื่องจะใช้ดีไซน์แบบเดียวกัน แต่โมดูลกล้องหลังของ iPad Pro จะมีขนาดใหญ่กว่า เนื่องจากมีจำนวนเลนส์ที่มากกว่า ส่วนสีตัวเครื่องนั้น iPad Air จะมีให้เลือกหลากหลายสีสันกว่า ได้แก่ สีเงิน เทาสเปซเกรย์ โรสโกลด์ เขียว และสกายบลู ในขณะที่ iPad Pro มีเพียงแค่สีเงินกับสีเทาสเปซเกรย์เท่านั้น
หน้าจอ
ทั้งสองรุ่นมีหน้าจอ Liquid Retina เหมือนกัน โดย iPad Air มีหน้าจอขนาด 10.9 นิ้ว ความละเอียด 2360 x 1640 ที่ 264 ppi ส่วน iPad Pro มีขนาด 11 นิ้ว ความละเอียด 2388 x 1668 ที่ 264 ppi ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน แต่หน้าจอของ iPad Pro จะมีเทคโนโลยี ProMotion ที่ไม่มีใน iPad Air
สเปก
iPad Air 2020
iPad Pro 2020
ถึงแม้ว่า iPad Air จะใช้ชิปตัวใหม่อย่าง A14 Bionic ซึ่งใหม่กว่าชิป A12Z Bionic ของ iPad Pro แต่คาดว่าในด้านประสิทธิภาพนั้นอาจจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน สำหรับด้านความจุนั้น iPad Air มีให้เลือกความจุสูงสุดคือ 256GB ส่วน iPad Pro นั้นมีรุ่นความจุสูงสุดถึง 1TB และสำหรับพอร์ตสำหรับชาร์จและเชื่อมต่อนั้นก็ใช้ USB-C เหมือนกันทั้งคู่ และมีช่อง Smart Connector รวมทั้งแบตเตอรี่ก็สามารถใช้งานได้นานประมาณ 9-10 ชั่วโมง เท่ากันทั้งสองรุ่น
กล้อง
iPad Air 2020
iPad Pro 2020
แน่นอนว่ากล้องหลังของ iPad Pro นั้นต้องดีกว่า เพราะจัดมาให้ถึง 2 เลนส์ ประกอบด้วย กล้องไวด์ ความละเอียด 12MP และกล้องอัลตราไวด์ ความละเอียด 10MP บวกกับ LiDAR scanner ในขณะที่ iPad Air นั้นมีเพียงกล้องเดียว ความละเอียด 12MP ส่วนกล้องหน้าของ iPad Air จะเป็นกล้อง FaceTime HD แต่ของ iPad Pro จะเป็นกล้อง TrueDepth ที่มีโหมดภาพถ่ายบุคคล การจัดแสงภาพถ่ายบุคคล รวมทั้งรองรับ Animoji และ Memoji
คุณสมบัติอื่น ๆ
Pad Pro จะมีระบบเสียง 4 ลำโพง ใช้การสแกนใบหน้าด้วย Face ID ส่วน iPad Air จะมีระบบเสียง 2 ลำโพงในโหมดแนวนอน ใช้การสแกนลายนิ้วมือด้วย Touch ID นอกจากนี้ทั้งสองรุ่นก็รองรับ Apple Pencil (รุ่นที่ 2), Magic Keyboard และ Smart Keyboard Folio เหมือนกัน รวมทั้งรองรับ Wi-Fi 6 และมีรุ่น Cellular ให้เลือกเหมือนกัน
ราคา
หากเทียบรุ่น Wi-Fi ที่มีความจุเท่ากันอย่าง 256GB นั้น iPad Air จะมีราคาอยู่ที่ 24,900 บาท ซึ่งถูกกว่า iPad Pro ที่มีราคา 31,400 บาท อยู่พอสมควร
ถ้าหากมีงบจำกัดหรือชอบการสแกนนิ้วด้วย Touch ID แน่นอนว่า iPad Air น่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุด แต่ถ้าหากต้องการกล้องที่ดีกว่า หน้าจอดีกว่า ชอบการสแกนใบหน้าด้วย Face ID และมีงบมากกว่า ก็คงต้องเป็น iPad Pro ที่มีคุณสมบัติโดยรวมจัดเต็มมากกว่า