ความเครียด ภาวะอันตรายต่อสุขภาพที่ผู้ชายหลายคนกำลังเผชิญ มาดูผลกระทบของโรคเครียดเรื้อรัง วิธีการสังเกตอาการคนที่มีภาวะเครียด และวิธีป้องกันจัดการความเครียดกันครับ
ต้องบอกว่าช่วงนี้มีข่าวที่ส่งผลกระทบทำให้เกิดความเครียดมากมาย ทั้งเรื่องสุขภาพ สภาวะเศรษฐกิจ และหน้าที่การงาน โดยผู้ชายที่ต้องเผชิญกับปัญหาเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะเป็น โรคเครียด สูงมาก ซึ่งอันตรายและหากปล่อยไอาจว้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงชีวิตในทางที่แย่ลงได้
วันนี้กระปุกดอทคอมจึงได้นำ ผลกระทบของความเครียดที่เกิดขึ้นกับผู้ชาย มาให้ทุกคนได้อ่านและทำความเข้าใจ หาวิธีแก้ไขกันครับ...
1. ผู้ชายจะเครียดหนักกว่าผู้หญิง
คนส่วนใหญ่มักคิดว่า ผู้ชายเป็นเพศที่แข็งแกร่งและน่าจะเอาชนะเครียดได้ไม่ยาก แต่การวิจัยล่าสุดของประเทศแคนาดา ได้สำรวจผู้ชายที่มีภาวะเครียด เสี่ยงตกงาน จำนวนมากกว่า 24,000 คน ปรากฏว่าพวกเขามีแนวโน้มเป็นโรคซึมเศร้าสูงมาก ในขณะที่ผู้หญิงในการศึกษา แม้จะเผชิญกับความเครียดวิตกกังวล แต่กลับไม่มีอาการที่บ่งบอกถึงการเป็นโรคซึมเศร้า
นอกจากนี้ทางด้านนักวิจัยจากวิทยาลัยแพทย์ในนิวยอร์ก เปิดเผยว่า ผู้ชายที่ตกอยู่ในภาวะความเครียดนาน ๆ มีโอกาสเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคหัวใจมากกว่าผู้หญิง
2. เครียดหนักเป็นอันตรายถึงชีวิต
เหตุการณ์ที่มีความกระทบกระเทือนจิตใจอย่างหนัก เช่น สูญเสียคนสำคัญในชีวิต โดนไล่ออกจากงาน ฯลฯ อาจก่อให้เกิดความเครียดซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ จากการวิเคราะห์ข้อมูลของนักวิจัยที่มหาวิทยาลัยชื่อดังในประเทศแคนาดา ที่สำรวจคนตกงานจำนวนกว่า 20 ล้านคน พบว่า ผู้ชายวัยกลางคนมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตสูงมาก เนื่องจากสูญเสียงานหลัก
สอดคล้องกับผลการวิจัยของผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจและอายุรศาสตร์ชาวสหรัฐอเมริกาที่กล่าวว่า ความเครียดจากเหตุการณ์ที่แสนเจ็บปวด อาทิ ตกงาน หย่าร้าง โรครุมเร้า และการจากไปของคนรัก คือสาเหตุหลักที่ทำให้คนหันไปใช้พฤติกรรมรุนแรง พึ่งพายาเสพติด อดอาหาร และอาจร้ายแรงถึงขั้นวางแผนฆ่าตัวตาย
3. ความเครียดไม่ดีต่อหัวใจ
การศึกษาล่าสุดเกี่ยวกับความเครียดและสุขภาพหัวใจที่ได้รับการตีพิมพ์ลงวารสารประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า ความเครียดสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ ความดันสูง และโรคหลอดเลือดสมอง
ไม่ใช่แค่นั้น เว็บไซต์ของโรงพยาบาลกรุงเทพ ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า ความเครียดฉับพลันที่เกิดขึ้นจากการสูญเสียคนรัก ส่งผลให้คนที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดมีโอกาสเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า และหากมีภาวะซึมเศร้าร่วมด้วยจะยิ่งเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจกว่าปกติประมาณ 1.5-2 เท่าเลยทีเดียว
4. ภาวะเครียดนำไปสู่โรคเบาหวานชนิดที่ 2 นกเขาไม่ขัน
เมื่อไหร่ที่ปล่อยให้ความเครียดครอบงำ ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) มากเกินไป ก็อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตต่าง ๆ ได้ เช่น ข้ามมื้ออาหารเพราะกินข้าวไม่ลง แต่พอได้กินก็ใส่ไม่ยั้ง เลือกกินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ นอนน้อยกว่าปกติ ตื่นกลางดึกบ่อย ๆ โดยพฤติกรรมดังกล่าวนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ น้ำหนักขึ้น น้ำตาลและไขมันในเลือกสูง เสี่ยงต่อโรคอ้วน และโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งผู้ชายที่เป็นโรคเบาหวาน จะได้รับความเสี่ยงเป็นโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศและองคชาตไม่แข็งตัวตามไปด้วย
5. ปวดเมื่อยเรื้อรัง
ความเครียดส่งผลให้ร่างกายมีตอบสนองไวต่ออาการเจ็บปวด โดยทำให้กล้ามเนื้อตึง ปวดเมื่อยตามคอ บ่า ไหล่ และหลัง รวมไปถึงอาการปวดหัวอย่างหนักหรือไมเกรน ซึ่งอาการปวดเมื่อยเรื้อรังนี้จะส่งผลให้เกิดความเครียดสะสม แล้วยิ่งเครียดก็ยิ่งปวดมากขึ้น กลายเป็นวงจรปัญหาสุขภาพที่น่ากลัวมาก ๆ
วิธีสังเกตอาการความเครียดในผู้ชาย
อาการของความเครียดจะแสดงออกมาได้ 3 ทางคือ ทางกายภาพ จิตวิทยา และพฤติกรรม ซึ่งแต่ละคนจะส่งสัญญาณไม่เหมือนกัน หากพบว่าตัวเองหรือคนรอบข้างมีอาการเหล่านี้ แนะนำให้รีบหาทางออกหรือเข้าพบแพทย์โดยเร็ว
อาการทางกายภาพ
- เจ็บหน้าอก
- หายใจถี่
- ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ หลัง และคอ
- ปวดหัว เวียนหัวบ่อย ๆ
- กัดฟัน
- ท้องผูก ท้องเสีย ปวดท้อง อาหารไม่ย่อยโดยไม่มีสาเหตุ
- เหงื่อออกมากผิดปกติ
- น้ำหนักเพิ่ม-ลดลง
- ผิวหนัง ใบหน้าทรุดโทรม
อาการทางจิตวิทยา
- อารมณ์แปรปรวน
- วิตกกังวลตลอดเวลา
- ซึมเศร้า
- โกรธหรือหงุดหงิดง่าย
- ไม่มีอารมณ์ทางเพศเหมือนปกติ
อาการทางพฤติกรรม
- สูบบุหรี่หนัก
- หันหน้าพึ่งยาเสพติด หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ฝันร้าย
- กินมากผิดปกติ หรือไม่กินอะไรเลย
- ไม่ค่อยเข้าร่วมสังคม
- นอนไม่หลับ หรือตื่นกลางดึกบ่อย ๆ
วิธีกำจัดความเครียด
- ปรึกษาคนที่ไว้ใจ : บางครั้งแค่เราหันหน้าเปิดใจเล่าทุกอย่างให้ครอบครัว แฟน หรือเพื่อนสนิทฟัง เท่านี้ก็สามารถช่วยบรรเทาอาการเครียดได้เยอะมาก ๆ แต่หากใครมีปัญหาที่ไม่สะดวกจะพูดคุยกับคนรอบตัว แนะนำให้เล่าหรือปรึกษาจิตแพทย์แทน อย่างน้อยก็ดีกว่าเก็บไว้คิดคนเดียว
- หาวันหยุดพักผ่อน : หลายคนแบกรับภาระมากเกินไป หรือทำงานติดต่อกันโดยไม่ได้พัก จึงเกิดเป็นความเครียดสะสม อยากให้ลองลาหยุดสัก 1-2 วัน หาเวลาไปพักผ่อนหย่อนใจบ้าง วิธีนี้ได้ผลดีมากเลยทีเดียว
- ใช้เวลาอยู่กับอื่น : ผู้ชายมักจะปลีกตัวออกห่างจากสังคมเมื่อรู้สึกเครียด และสิ่งนี้จะยิ่งทำให้อาการแย่ลงซ้ำไปอีก ฉะนั้นกลับไปหัวเราะ ทำกิจกรรมเหมือนเดิมซะ ยังไงก็ดีกว่าอยู่คนเดียวแน่นอน
- ออกกำลังกาย : อันนี้คือวิธีแก้อาการเครียดที่ดีมาก ๆ การออกกำลังกาย เดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน ช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล นอกจากนี้ยังสามารถช่วยให้คุณนอนหลับได้สนิทขึ้นด้วย
- หางานอดิเรก : การทำในสิ่งที่ชอบหรือกิจกรรมที่คุ้นเคย เช่น เล่นเกม ดูภาพยนตร์ อ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้ สามารถช่วยให้คุณผ่อนคลายในเวลาที่มีความเครียดได้ดี
ลองสำรวจตัวเองและคนรอบข้างดี ๆ นะครับ ว่ามีอาการที่บ่งบอกถึงความเครียด หรือภาวะซึมเศร้าหรือเปล่า เพราะวันที่เครียดมาก ๆ วันเดียว มันอาจเปลี่ยนคนนั้นให้กลายเป็นอีกคนหนึ่งได้ สิ่งเหล่านี้จึงไม่ควรละเลยเด็ดขาดและต้องได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี
ข้อมูลจาก : everydayhealth.com, healthline.com, verywellmind.com, bangkokhospital.com