เปิดทำเนียบ 10 นักกีฬาชายที่มีรายได้นอกสนามสูงสุดในโลกปี 2019 มาดูกันว่าเหล่านักกีฬาชื่อดัง นอกจากจะได้ค่าเหนื่อยหรือฟันเงินรางวัลมหาศาลจากการแข่งขันแล้ว พวกเขายังทำเงินมาจากทางไหนกันบ้าง
อาชีพนักกีฬา ถือเป็นอีกอาชีพที่ทำเงินได้ในระดับที่น่าอิจฉาเมื่อเทียบกับอาชีพอื่น โดยเฉพาะหากเป็นนักกีฬาอาชีพที่อยู่ระดับแถวหน้าของโลกในแต่ละวงการ พวกนี้เอาเฉพาะแค่ค่าเหนื่อยจากการลงเล่นก็นับว่ามหาศาลแล้ว ซึ่งในยุคนี้นักกีฬาระดับท็อปทั้งหลายก็ไม่ได้มีรายได้จากความสามารถหรือผลงานในการเล่นอย่างเดียวด้วย ผู้เล่นระดับซูเปอร์สตาร์ที่เราคุ้น ๆ ชื่อกันดีเช่น ลิโอเนล เมสซี่ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ หรือ เลบรอน เจมส์ ยังสามารถทำเงินจาก ภาพลักษณ์ ความเป็นตัวตน ได้อีกเป็นกอบเป็นกำ หลาย ๆ คนก็เซ็นสัญญาเป็นพรีเซนเตอร์ นายแบบโฆษณาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ หรือบางคนใช้ชื่อเสียงของตัวเองสร้างธุรกิจจนเรียกว่าทำเงินจากนอกสนามเยอะกว่ารายได้หลักด้วยซ้ำ
ล่าสุดทาง ฟอร์บส์ (Forbes) เว็บไซต์จัดอันดับชื่อดัง ได้ทำการเผยแพร่อันดับ นักกีฬาชายที่ทำรายได้จากส่วนอื่นนอกเหนือจากค่าเหนื่อยและเงินรางวัลสูงที่สุดในโลกของปี 2019 ซึ่งทางกระปุกดอทคอมก็ได้รวบรวมมาให้เพื่อน ๆ ได้ดูกันครับ ว่ามีใครติดท็อป 10 บ้าง รายได้อื่น ๆ ของพวกเขาเหล่านั้นมาจากทางไหน โดยย้ำว่านี่คือตัวเลขข้อมูลจำนวนเงินที่แต่ละคนได้รับใน 1 ปี
10. รอรี่ แม็คอิลรอย (Rory McIlroy)

ภาพจาก : ANDY BUCHANAN / AFP
รายได้ / เงินรางวัลจากการแข่งขัน : 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้นอกสนาม : 31 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้รวมทั้งสิ้น : 39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,200 ล้านบาท (#32 ของโลก)
เหมือนเลข 4 จะเป็นเลขนำโชคของ รอรี่ แม็คอิลรอย โปรกอล์ฟจากไอร์แลนด์เหนือวัย 30 ปี คือเจ้าของผลงานแชมป์ระดับเมเจอร์ได้ 4 สมัย และเป็นนักกอล์ฟ 1 ใน 4 คนของโลกที่คว้าแชมป์เมเจอร์ 3 รายการ (พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ, ยูเอสโอเพ่น, ดิ โอเพ่น แชมเปี้ยนชิพ) ได้ในวัย 25 ปี โชคไม่ดีที่ในช่วงปี 2018 รอรี่ ดันมีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับหัวใจ ซึ่งส่งผลต่อผลงานการเล่น แต่ยอดโปรรายนี้ก็ยังเก๋าพอที่จะคว้าแชมป์รายการ Arnold Palmer Invitational ติดไม้ติดมือมาได้
ทั้งนี้รายรับหลัก ๆ ของ รอรี่ แม็คอิลรอย กว่า 80 เปอร์เซ็นต์มาจากการเซ็นสัญญา 10 ปี กับ Nike รับเหนาะ ๆ ไป 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังได้เซ็นสัญญาระยะยาวกับแบรนด์ไม้กอล์ฟ TaylorMade ด้วย รวมถึงการเป็นหุ้นส่วนกับ Optum บริษัทผู้ผลิตสินค้าและบริการด้านสุขภาพและเวชภัณฑ์ที่ดำเนินธุรกิจกระจายอยู่ 150 ประเทศทั่วโลก
9. เคอิ นิชิโคริ (Kei Nishikori)

ภาพจาก : ADRIAN DENNIS / AFP
รายได้ / เงินรางวัลจากการเล่นกีฬา : 4.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้นอกสนาม : 33 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้รวมทั้งสิ้น : 37.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,150 ล้านบาท (#35 ของโลก)
เคอิ นิชิโคริ นักเทนนิสชาวญี่ปุ่นวัย 29 ปี มือวางอันดับ 7 ของโลก และเป็นนักเทนนิสชายมือ 1 ของเอเชียในปัจจุบัน ในปีที่แล้วเขาเพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บที่ข้อมือ แต่ผลงานการเล่นในการคัมแบ็กถือว่ายอดเยี่ยมจนสามารถกลับขึ้นมาติดท็อป 10 ได้อีกครั้ง
ด้วยความที่ นิชิโคริ เป็นขวัญใจของคนญี่ปุ่น จึงมีงานโฆษณาสินค้าเยอะมาก ๆ ทั้ง Asahi, NTT, Japan Airlines, Lixil, Procter & Gamble และ Nissin เรียกว่าครบทุกสายเลยจริง ๆ
8. ลิโอเนล เมสซี่ (Lionel Messi)

ภาพจาก : Instagram leomessi
รายได้ / เงินรางวัลจากการเล่นกีฬา : 92 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้นอกสนาม : 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้รวมทั้งสิ้น : 127 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3,926 ล้านบาท (#1 ของโลก)
ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า ลิโอเนล เมสซี่ ซุปตาร์ลูกหนังชาวอาร์เจนตินาวัย 32 ปี เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 5 สมัย คือหนึ่งในนักฟุตบอลที่ดีที่สุดในยุคนี้ โดยลงเล่นให้สโมสรบาร์เซโลน่าไป 687 แมตช์ ยิงได้ 603 ประตู คว้าแชมป์รวมทั้งสิ้น 33 รายการ และตามสัญญาล่าสุดกับต้นสังกัด เมสซี่ ได้รับค่าเหนื่อยมากกว่า 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีเลยทีเดียว
ส่วนในเรื่องเงินทองจากนอกสนาม เมสซี่ มีรายได้มหาศาลจากการเซ็นสัญญาตลอดชีพกับ Adidas รวมถึงโฆษณาที่เห็นกันบ่อย ๆ เลย คือ Lays และ Pepsi ซึ่งยังมีสินค้าอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน ทำให้ เมสซี่ ขึ้นแท่นเป็น นักกีฬาที่ทำเงินได้รวมสูงที่สุดในโลกปี 2019 ส่วนรายได้นอกสนามอยู่ในอันดับที่ 8
7. เควิน ดูแรนท์ (Kevin Durant)

ภาพจาก : Instagram easymoneysniper
รายได้ / เงินรางวัลจากการเล่นกีฬา : 30.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้นอกสนาม : 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้รวมทั้งสิ้น : 65.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2,000 ล้านบาท (#10 ของโลก)
เควิน ดูแรนท์ นักบาสเกตบอลวัย 30 ปีชาวอเมริกัน ที่ท็อปฟอร์มจัด ๆ กับทีม โกลเด้น สเตท วอร์ริเออร์ส (Golden State Warriors) เมื่อปีที่แล้วสามารถพาทีมสะพานทอง คว้าแชมป์ NBA ได้สำเร็จ พร้อมสอยรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า NBA Finals MVP ไปนอนกอดอีกด้วย ทำให้ ดูแรนท์ ฟาดเงินรางวัลไปอย่างอื้อซ่า ก่อนล่าสุดเจ้าตัวจะตัดสินใจย้ายไปซบ บรูคลิน เนตส์ (Brooklyn Nets) ด้วยสัญญา 4 ปี
สำหรับรายได้ส่วนอื่นของ ดูแรนท์ มาจากค่าโฆษณาให้สินค้าแบรนด์ต่าง ๆ เพียบ ทั้ง Alaska Airlines, American Family Insurance, Beats By Dre, Nike, Panini นั่นยังไม่รวมการเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับอีกหลายสิบบริษัท
6. ฟิล มิคเคลสัน (Phil Mickelson)

ภาพจาก : GLYN KIRK / AFP
รายได้ / เงินรางวัลจากการเล่นกีฬา : 12.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้นอกสนาม : 36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้รวมทั้งสิ้น : 48.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,490 ล้านบาท (#19 ของโลก)
ฟิล มิคเคลสัน สุดยอดโปรกอล์ฟวัย 49 ปี ที่กวาดแชมป์ พีจีเอ ทัวร์ มามากถึง 44 รายการ, แชมป์ระดับเมเจอร์อีก 5 รายการ และเป็นหนึ่งในโปรกอล์ฟที่ถูกยกให้ดีที่สุดตลอดกาล โดยถูกบรรจุชื่อเข้าสู่ เวิล์ด กอล์ฟ ฮอล ออฟ เฟรม เมื่อปี 2012
ในช่วงที่ผ่านมา มิคเคลสัน เจ้าของฉายา สิงห์อีซ้าย ห่างหายจากบัลลังก์แชมป์นานถึง 5 ปี จนกระทั่งมาปลดล็อกได้ในปี 2018 ด้วยการทำ 16 อันเดอร์พาร์ ฟาดแชมป์ในศึก WGC Mexico Championship ได้สำเร็จ
จากชื่อเสียงที่เทียบเท่าระดับตำนาน ฟิล มิคเคลสัน จึงได้รับโอกาสเซ็นสัญญากับแบรนด์ชั้นนำของโลกมากมาย อาทิ Amgen, ExxonMobil, Greenbrier, Intrepid Financial Partners, KPMG และ Rolex ร่วมกับการถือหุ้นบริษัทเสื้อผ้าผู้ชาย Mizzen + Main ที่ตอนนี้กำลังไปได้สวย สร้างกำไรมหาศาล
5. สตีเฟน เคอร์รี่ (Stephen Curry)

ภาพจาก : ERIC FEFERBERG / AFP
รายได้ / เงินรางวัลจากการเล่นกีฬา : 37.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้นอกสนาม : 42 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้รวมทั้งสิ้น : 79.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2,460 ล้านบาท (#9 ของโลก)
สตีเฟน เคอร์รี่ คือสุดยอดนักยัดห่วงที่ดีที่สุดของวงการบาสเกตบอลอเมริกันในทศวรรษที่ผ่านมา ปี 2017 เขาต่อสัญญา 5 ปี กับ โกลเด้น สเตท วอร์ริเออร์ส ได้รับค่าเหนื่อยสูงถึง 201 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สร้างสถิติเป็นผู้เล่นที่มีมูลค่าสัญญาสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของ NBA และปีที่แล้วก็พาทีมผงาดคว้าแชมป์ได้ด้วย
แน่นอนว่า สตีเฟน เคอร์รี่ ก็มีรายรับจากการโฆษณาและเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับสินค้าต่าง ๆ ทั้ง Brita, Chase, JBL, Nissan/Infiniti, Under Armour, และ Vivo ส่งให้ชื่อของเขาได้ติดอยู่ในอันดับที่ 5 ของปีนี้
4. คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (Cristiano Ronaldo)

ภาพจาก : Instagram cristiano
รายได้ / เงินรางวัลจากการเล่นกีฬา : 65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้นอกสนาม : 44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้รวมทั้งสิ้น : 109 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3,370 ล้านบาท (#2 ของโลก)
อีกหนึ่งนักฟุตบอลที่ถูกยกให้ดีที่สุดในยุคนี้ สำหรับกัปตันทีมชาติโปรตุเกส คริสเตียโน่ โรนัลโด้ วัย 34 ปี ที่เพิ่งตัดสินใจย้ายจาก เรอัล มาดริด ไปอยู่กับ ยูเวนตุส เมื่อปีที่แล้ว ได้รับค่าเหนื่อยเนาะ ๆ ประมาณปีละ 35 ล้านดอลลาร์หสรัฐ เมื่อรวมกับการคว้าแชมป์ และส่วนแบ่งสิทธิประโยชน์จากการขายสินค้าต่าง ๆ แล้ว CR7 มีรายรับจากต้นสังกัดอยู่ที่ประมาณ 65 ล้านดอลลาร์หสรัฐ น้อยกว่าตอนค้าแข่งอยู่ ลา ลีกา สเปน เล็กน้อย
เฉพาะส่วนที่รับจาก ยูเว่ นั่นว่าเยอะมหาศาลแล้ว รายได้นอกสนามของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็จัดว่าสูงไม่แพ้กัน ทั้งการเป็นตัวแทนให้แบรนด์ Nike, KFC, Armani, Clear และอื่น ๆ อีกหลายสิบตัว แถม โรนัลโด้ ยังเปิดแบรนด์ CR7 เป็นของตัวเอง จับธุรกิจทางด้านโรงแรมและแฟชั่น ฟาดรายได้อื้อซ่ามหาศาล นอกจากนี้ยังได้รับเงินจากการโพสต์อินสตาแกรมส่วนตัวด้วย เก็บทุกทางรวยขึ้นทุกนาทีจริง ๆ
3. เลอบรอน เจมส์ (LeBron James)

ภาพจาก : Instagram kingjames
รายได้ / เงินรางวัลจากการเล่นกีฬา : 36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้นอกสนาม : 53 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้รวมทั้งสิ้น : 89 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2,460 ล้านบาท (#8 ของโลก)
เลอบรอน เจมส์ ยอดนักยัดห่วงวัย 34 ปี ว่าที่ตำนานรุ่นถัดไป การันตีจากแชมป์ NBA 3 สมัย ติดทีม NBA All-Star 15 ปีซ้อน และถ้วยรางวัลอีกนับไม่ถ้วน แม้ปีที่แล้วจะไม่สามารถพาต้นสังกัดใหม่ ลอสแอนเจลิส เลเกอร์ส (Los Angeles Lakers) กลับสู่เส้นทางแชมป์ได้ แต่ค่าเหนื่อยที่เซ็นสัญญาไว้ก็ถือว่าสูงมากทีเดียว
ส่วนรายได้นอกสนามของ เลอบรอน เจมส์ ก็ถือว่าเยอะมาก ๆ ทั้งการเป็นพรีเซนเตอร์ให้ Nike, Coca Cola (Sprite), Beats By Dre, Kia Motors และเป็นผู้ร่วมทุนกับแบรนด์พิซซ่า Blaze Pizza บริษัทมัลติมีเดีย พร้อมกับถือหุ้นของสโมสรฟุตบอล ลิเวอร์พูล อยู่ 2 เปอร์เซนต์ ซึ่งเป็นทีมที่มูลค่ากำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ
2. ไทเกอร์ วูดส์ (Tiger Woods)

ภาพจาก : Instagram tigerwoods
รายได้ / เงินรางวัลจากการเล่นกีฬา : 9.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้นอกสนาม : 54 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้รวมทั้งสิ้น : 63.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,975 ล้านบาท (#11 ของโลก)
ไทเกอร์ วูดส์ สุดยอดโปรกอล์ฟวัย 43 ปี ผู้ถูกยกให้เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดกาลของวงการกอล์ฟ เขาเคยครองบังลังก์อันดับ 1 ของโลกมายาวนาน และเคยเป็นนักกีฬาที่ทำรายได้สูงที่สุดในโลกเป็นระยะเวลาหลายปี ล่าสุดปี 2018 พญาเสือได้กลับมาคำรามดังอีกครั้ง ด้วยการคว้าแชมป์ รายการ Tour Championship เป็นแชมป์ระดับ PGA Tour ครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่ผ่าน และในปีนี้เจ้าเสือไม้ก็กลับมาผงาดสู่จุดสูงสุดอีกครั้งด้วยการคว้าแชมป์ Masters Tournament เป็นการครองแชมป์ระดับเมเจอร์ได้อีกครั้งในรอบ 11 ปี พร้อมกับกลับขึ้นมารั้งอันดับ 6 ของ ถือเป็นการคัมแบ็กที่สวยหรูไม่เบา
ปัจจัยหลักที่ทำให้ ไทเกอร์ วูดส์ ขึ้นมายืนเป็นเบอร์ 1 ของนักกีฬาทำรายได้สูงสุดของโลก คือผลตอบแทนนอกสนามอันมหาศาลบานตะไทจากสปอนเซอร์หลักทั้ง Bridgestone, Monster Energy, Nike, TaylorMade และอื่น ๆ รวมกว่า 15 แบรนด์ พร้อมกับได้เซ็นสัญญาเป็นหุ้นส่วนกับ Discovery Golf TV ในปีที่ผ่านมา
1. โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ (Roger Federer)

ภาพจาก : JOE TOTH AELTC POOL / AFP
รายได้ / เงินรางวัลจากการเล่นกีฬา : 7.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้นอกสนาม : 86 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้รวมทั้งสิ้น : 93.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2,887 ล้านบาท (#5 ของโลก)
ด้วยวัย 37 ปี โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ถือว่าอยู่ในช่วงปลายของการเล่นอาชีพ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เฟดเอ็กซ์ จะไม่สามารถยืนหยัดทำผลงานในระดับสุดยอดได้ โดยปีนี้คว้าแชมป์ เอทีพี ทัวร์ มาครองได้ 3 รายการ รวมถึงการเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ วิมเบิลดัน ก่อนที่จะพ่ายให้กับ โนวัค ยอโควิช ไปแบบสุดมัน
แม้ในตอนนี้จะไม่ได้ครองเบอร์หนึ่งของวงการลูกสักหลาด แต่ถ้าว่ากันเรื่องรายรับนอกสนาม โรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ คืออันดับหนึ่งของวงการนักกีฬาอาชีพ นักหวดชาวสวิสมีรายได้จากสินค้าที่เป็นสปอนเซอร์หลักอย่าง Credit Suisse, Mercedes-Benz และ Rolex และล่าสุดเขาเพิ่งเซ็นสัญญากับ Uniqlo เป็นระยะเวลา 10 ปี ฟาดก้อนเงิน 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปนอนกอดหนำใจ จนได้มายืน 1 เป็นนักกีฬาที่ทำรายได้นอกสนามมากที่สุดในโลก 2019
อย่างไรก็ตาม รายได้ของนักกีฬาแต่ละคนอาจจะมีเข้ามาจากทางอื่น ๆ ที่ไม่ได้นำเสนอไป ซึ่งอาจมีการขยับขึ้นลงได้ในอนาคต โดยทางกระปุกดอทคอมจะพยายามติดตามและนำมาอัปเดตให้ทุกคนทราบกันภายหลัง อย่าลืมติดตามกันด้วยนะครับ