หูฟังมีกี่ประเภท เลือกซื้อหูฟังยังไงให้เหมาะกับคุณ

          หูฟังมีกี่ประเภท แตกต่างกันอย่างไรบ้าง แนะนำวิธีเลือกซื้อหูฟังให้เหมาะกับสไตล์การใช้งานของคุณ
หูฟัง

          ใครที่กำลังหาซื้อหูฟังรุ่นใหม่อยู่ อาจจะกำลังมีปัญหาเลือกซื้อไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะซื้อหูฟังประเภทไหนดี เพราะที่มีขายนั้นก็มีให้เลือกสารพัดแบบสารพัดรุ่น มีทั้งหูฟังเล็ก หูฟังใหญ่ วันนี้เราก็เลยจะมาช่วยแนะนำคร่าว ๆ เกี่ยวกับหูฟังแต่ละประเภทว่ามีข้อดีและข้อเสียต่างกันอย่างไรบ้าง สำหรับมือใหม่ให้เลือกซื้อหูฟังได้ตรงกับความต้องการของตัวเองมากขึ้น โดยหลัก ๆ แล้วหูฟังจะมีอยู่ 4 ประเภท ดังนี้

1. หูฟัง In-ear

หูฟัง

          เป็นหูฟังประเภทที่มีคนนิยมใช้กันมากที่สุดในขณะนี้ เนื่องจากมีขนาดเล็ก พกพาสะดวก และมักเป็นหูฟังที่แถมมาให้พร้อมเครื่องเมื่อซื้อมือถือ สวมใส่สะดวก ใช้ฟังได้ตลอดทุกที่ ทุกเวลา ทุกสถานการณ์ และเนื่องจากเป็นการสอดในรูหู จึงช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดี แต่หูฟังประเภทนี้ก็มีข้อเสียคือตัวขับเสียงที่มีขนาดเล็ก ทำให้เสียงไม่ดังกระหึ่มเท่าหูฟังประเภทอื่น ๆ และในบางคนอาจรู้สึกอึดอัดเมื่อใช้เป็นเวลานาน ๆ นอกจากนี้ยังต้องระวังไม่เปิดเสียงให้ดังเกินไปด้วย เพราะอาจเป็นอันตรายต่อหูได้

2. หูฟัง Earbud

หูฟัง 
          หูฟังที่แพร่หลายมาอย่างยาวนานหลายสิปปี มีขนาดเล็ก พกพาสะดวก ใช้ง่าย แต่ก็หลุดง่ายด้วยเช่นกัน เป็นหูฟังประเภทที่มีราคาถูกที่สุด แต่ในปัจจุบันได้รับความนิยมน้อยลงเนื่องจากมักมีแต่รุ่นราคาถูกที่คุณภาพเสียงไม่ค่อยดี อีกทั้งยังลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ไม่ค่อยดี และมีดีไซน์ที่ล้าสมัย แต่บางคนก็ยังเลือกใช้ Ear-bud เนื่องจากมีราคาถูกกว่าและใช้แล้วสบายกว่าแบบ In-ear (แต่บางคนก็บอกว่าใส่แล้วเจ็บหู)

3. หูฟัง On-ear

หูฟัง 
          หูฟังประเภทนี้จะเป็นแบบคาดบนหัว ตัวหูฟังจะใหญ่และแนบกับใบหูทั้งสองข้าง แต่ไม่ได้ครอบทั้งใบหู มีตัวขับเสียงที่ใหญ่กว่าหูฟัง In-ear แม้หูฟัง On-ear จะมีขนาดใหญ่กว่าหูฟังแบบสอดหู แต่ก็ถูกออกแบบมาให้มีน้ำหนักเบา สวมใส่สบาย สามารถใส่ออกไปนอกบ้านได้ โดยหูฟังแบบ On-ear นี้เมื่อใส่แล้วจะยังคงได้ยินเสียงจากภายนอกอยู่ และถ้าเปิดดัง ๆ เสียงในหูฟังก็อาจดังออกมาให้คนรอบตัวได้ยินได้

4. หูฟัง Full Size

หูฟัง 
          หรือเรียกอีกอย่างว่าหูฟังแบบ Over-ear เป็นหูฟังประเภทที่มีขนาดใหญ่เทอะทะและมีน้ำหนักมากที่สุด ไม่เหมาะสำหรับใส่ออกนอกบ้าน แต่เป็นหูฟังที่มีคุณภาพเสียงดังกระหึ่มมากที่สุดและมีมิติเสียงดีที่สุด ตัวหูฟังจะใหญ่จนครอบใบหูทั้งหมด ลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีมาก และเนื่องจากตัวขับเสียงอยู่ห่างจากรูหู ทำให้เหมาะแก่การใช้ฟังนาน ๆ โดยไม่เป็นอันตรายต่อหู (ถ้าไม่เปิดดังมากเกินไป) แต่ก็อาจรู้สึกร้อน เมื่อย หรือหนักได้ถ้าใช้ต่อเนื่องหลายชั่วโมง และจัดอยู่ในกลุ่มหูฟังที่มีราคาค่อนข้างสูง

5. หูฟังไร้สาย

หูฟังไร้สาย

          หูฟังไร้สายเป็นหูฟังที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องมีสายเกะกะ ส่วนใหญ่จะเป็นหูฟังแบบ Bluetooth โดยตัวหูฟังจะมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ทั้ง In-ear, Earbud, On-ear และ Full Size มีข้อดีคือสามารถพกพาและหยิบมาใช้งานได้สะดวก ไม่มีสายเกะกะ แต่ก็มีข้อเสียคือราคาที่แพงกว่า และต้องชาร์จเมื่อแบตเตอรี่หมด รวมทั้งคุณภาพเสียงก็อาจด้อยกว่าหูฟังแบบมีสายบ้างเล็กน้อย (แต่บางคนอาจแยกความต่างไม่ออก) และต้องไม่ลืมว่าอุปกรณ์ที่ใช้จะต้องรองรับการเชื่อมต่อกับหูฟังไร้สายด้วย

สรุปซื้อหูฟังแบบไหนจะเหมาะกับเราที่สุด ?

          ถ้าหากเน้นความสะดวก ราคาไม่แพง ก็ซื้อแบบ In-ear ได้เลย แต่ถ้าหากไม่ชอบใช้ In-ear ก็อาจเลือกเป็น Earbud หรือ On-ear แทน ขึ้นอยู่กับว่าชอบแบบไหนมากกว่า แต่โดยรวม On-ear จะมีรุ่นที่คุณภาพเสียงดีมากกว่า หรือถ้าต้องการเรื่องคุณภาพเสียงเป็นสำคัญและเน้นฟังแต่ในบ้าน ไม่สนใจเรื่องขนาดและน้ำหนักของหูฟัง มีงบมากพอ ก็จัดเต็ม Full Size ไปได้เลย ส่วนจะซื้อแบบมีสายหรือไร้สาย ซื้อแบบมีไมโครโฟนในตัวหรือไม่ อันนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งานของแต่ละคน

 
ข้อมูลจาก theroundingsound, bestbuy, lifewire, wirerealm

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
หูฟังมีกี่ประเภท เลือกซื้อหูฟังยังไงให้เหมาะกับคุณ อัปเดตล่าสุด 23 กรกฎาคม 2562 เวลา 14:17:49 7,918 อ่าน
TOP
x close