รวม 10 Gadget อุปกรณ์ไอทียอดแย่แห่งปี 2018 ที่เปิดตัวมาแล้วเฟลและน่าผิดหวังสุด ๆ
2. Palm Phone
3. NVIDIA RTX 2080 TI
4. PlayStation Classic
5. RED Hydrogen One
6. Samsung Galaxy Book 2
7. Microsoft Surface Headphones
8. Chromecast
9. Apple HomePod
10. HTC U12+
มือถือระดับเรือธงรุ่นใหม่ มาพร้อมหน้าจอ 6 นิ้ว ความละเอียด QHD+ รองรับการแสดงผล HDR10 ซีพียู Snapdragon 845 แรม 6GB กล้องหลังคู่ กล้องหน้าคู่ ได้รับคะแนนจาก DxOMark สูงเป็นอันดับ 2 เป็นรองแค่ Huawei P20 Pro โดยทำคะแนนรวมได้ 103 คะแนน ขึ้นแท่นเป็นมือถือกล้องดีที่สุด ส่วนดีไซน์ตัวเครื่องเป็นกระจก 3D glass ดีไซน์สวยงามและยังกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 รองรับฟีเจอร์ Edge Sense 2 บีบตัวเครื่องเพื่อสั่งการทำงานต่าง ๆ แต่ก็น่าผิดหวังที่แบตเตอรี่ไม่อึดอย่างที่หวังไว้ อีกทั้งขอบหน้าจอก็ใหญ่เกินความจำเป็น และปุ่มที่เป็นแบบทัชแทนที่จะเป็นแบบกดก็ดูไม่ค่อยน่าปลื้มนัก
ผ่านไปแล้วสำหรับปี 2018 โดยตลอดปีที่ผ่านมานั้นก็มีอุปกรณ์ไอทีและ Gadget ของแบรนด์ต่าง ๆ เปิดตัวออกมามากมาย ซึ่งแน่นอนว่าก็มีทั้งที่เปิดตัวแล้วออกมาดีกับที่เปิดตัวแล้วออกมาเฟลเพราะทำให้หลายคนผิดหวัง โดยก่อนหน้านี้เว็บไซต์ TIME ได้เผย 10 สุดยอด Gadget ยอดเยี่ยมแห่งปี 2018 และวันนี้เราก็เลยรวบรวม Gadget ยอดแย่แห่งปี 2018 ที่เปิดตัวมาแล้วเฟลมาให้ชมกัน ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย
Facebook
Portal หน้าจอตั้งโต๊ะอัจฉริยะสำหรับใช้งาน Video Call
เป็นหน้าจอพร้อมแท่นตั้งโต๊ะในตัว มีให้เลือกสองขนาดหน้าจอคือ 10 นิ้ว และ
15 นิ้ว โดยจุดเด่นหลัก ๆ ของเจ้า Portal
ก็คือเน้นการใช้งานแบบไม่ต้องใช้มือ สามารถสั่งการด้วยเสียงได้ทั้งหมดด้วย
Alexa จะสั่งให้โทร. Video Call หาใคร หรือต้องค้นหาข้อมูลใด ๆ
รวมทั้งให้รายงานสภาพอากาศก็เพียงแค่พูดเท่านั้น
แต่เนื่องจากออกมาในช่วงปีที่ Facebook
กำลังมีประเด็นเรื่องการทำข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้หลุด ทำให้หลาย ๆ
คนระแวงและไม่กล้าซื้อมันมาใช้
2. Palm Phone
มือถือรุ่นแรกของบริษัท
Palm ที่สวนกระแสตลาดสมาร์ตโฟนในปัจจุบัน
ด้วยตัวเครื่องที่มีขนาดเล็กเท่ากับบัตรเครดิต และมีหน้าจอแค่ 3.3 นิ้ว
เหมาะสำหรับที่จะใช้เป็นเครื่องสำรอง พร้อมฟีเจอร์การใช้งานต่าง ๆ
ที่สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี และตัวเครื่องที่มีขนาดเล็ก พกพาสะดวก
หรือจะเรียกว่าเป็นอุปกรณ์แฟชั่นอีกชิ้นก็ไม่ผิด
เพราะมันสามารถใช้งานคู่กับมือถือเครื่องหลักของคุณได้
แต่เนื่องจากมันรองรับเฉพาะเครือข่าย Verizon เท่านั้น
และเหมือนจะไม่ค่อยรองรับการเชื่อมต่อกับ iPhone รวมทั้งกล้องคุณภาพแย่
ทำให้ไม่ค่อยมีใครใช้มัน
3. NVIDIA RTX 2080 TI
การ์ดจอตัวท็อปรุ่นใหม่จาก
NVIDIA ใช้สถาปัตยกรรมจีพียู NVIDIA Turing
แรงกว่าการ์ดจอรุ่นท็อปก่อนหน้านี้ถึง 6 เท่า
ชูจุดเด่นด้านการประมวลผลกราฟิก Ray Tracing และ Shading
การแสดงผลแสงและเงาสะท้อนภายในเกมแบบเรียลไทม์ที่สวยงามและลื่นไหล พร้อม AI
ในการช่วยประมวลผลภาพ รองรับความละเอียดสูงสุดถึง 8K HDR @ 60Hz
ที่จะมอบประสบการณ์สุดว้าวให้กับเกมเมอร์
แต่เมื่อเทียบกับราคาแสนโหดแล้วดูจะไม่ค่อยคุ้มค่านัก
เพราะยังไม่ค่อยมีเกมที่ใช้ประสิทธิภาพของมันได้เต็มที่ในตอนนี้
4. PlayStation Classic
เครื่องเกม
PlayStation 1 ไซซ์มินิที่ถูกย่อขนาดให้เล็กลง 45% มาพร้อมพอร์ต HDMI
สำหรับต่อเข้ากับทีวียุคปัจจุบัน มี Memory Card จำลองในตัวสำหรับเซฟเกม
และมีจอยรุ่นแรกที่ไม่ใช่ DualShock ให้มาอีกสองจอย ไม่สามารถใส่แผ่นเกมได้
แต่จะบรรจุสุดยอดเกมคลาสสิกมาในเครื่องให้เลือกเล่นทั้งหมด 20 เกม
แต่น่าเสียดายที่เกมกว่าครึ่งนั้นเป็นเวอร์ชั่น PAL
ของยุโรปซึ่งมีประสิทธิภาพแย่กว่า แถมยังไม่มีเกมคลาสสิกดัง ๆ
อีกหลายเกมที่ควรจะมีอีกต่างหาก
5. RED Hydrogen One
มือถือรุ่นแรกของ
RED บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายกล้องถ่ายทำภาพยนตร์ชื่อดัง
และเป็นรุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมหน้าจอขนาด 5.7 นิ้ว แบบ Retina Riveting
รองรับการแสดงผลภาพโฮโลกราฟิก สามารถเลือกรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้ทั้งภาพ
2D, 3D, Augmented Reality (AR) Virtual Reality (VR) และ Mixed reality
(MR) โดยไม่ต้องใช้แว่นผ่านเทคโนโลยีนาโน นอกจากนี้ใช้ระบบเสียง 5.1
สเตอริโอรอบทิศทาง
ตัวเครื่องสามารถใส่โมดูลเสริมเพื่อการถ่ายภาพเคลื่อนไหวและภาพนิ่งคุณภาพสูงรวมทั้งถ่ายภาพโฮโลกราฟิกได้ในอนาคต
แต่ราคาที่สูงเกินไปทำให้ดูไม่คุ้มค่าที่จะซื้อเมื่อเทียบกับฟีเจอร์ลูกเล่นของมัน
6. Samsung Galaxy Book 2
โน้ตบุ๊กถอดหน้าจอได้แบบ
Always-on ที่จะเชื่อมต่อเน็ตตลอดเวลา
พร้อมแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานหลายวัน (รวม 20 ชม.) รองรับ Gigabit LTE
และมาพร้อมคีย์บอร์ดกับ S Pen
จัดว่าเป็นหนึ่งในแท็บเล็ตที่พยายามจะเป็นโน้ตบุ๊กแต่ทำได้ไม่สุด
ด้วยสเปกที่ไม่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคาที่ค่อนข้างสูง
และประสบการณ์ในการใช้งานก็ยังเทียบกับโน้ตบุ๊กไม่ค่อยได้
7. Microsoft Surface Headphones
หูฟังไร้สายระดับพรีเมียมรุ่นแรกของไมโครซอฟท์
ใช้ได้กับทั้งอุปกรณ์ตระกูล Surface และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่รองรับ Bluetooth
รวมทั้ง PC ที่ใช้ Windows สามารถเชื่อมต่อได้อย่างง่ายดายด้วยฟีเจอร์
Swift Pair พร้อมฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน
ที่ตัวหูฟังสามารถปรับระดับเสียงและการตัดเสียงรบกวนได้ด้วยระบบสัมผัส
มีไมโครโฟน 8 ตัว และมี Cortana สั่งการด้วยเสียงได้ แบตเตอรี่ใช้ได้นานถึง
15 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
แต่จากรีวิวส่วนใหญ่พบว่าในการใช้งานจริงนั้นเสียงไม่ดีสมราคา
แถมตัวหูฟังสวมแล้วก็ไม่ค่อยสบายนัก
8. Chromecast
Chromecast
นั้นถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่ดีและได้รับความนิยมค่อนข้างมาก และรุ่น
Chromecast ใหม่ที่ออกมาในปี 2018 นี้ก็สามารถใช้งานได้ดีไม่แพ้รุ่นก่อน ๆ
แต่สิ่งที่ทำให้หลายคนผิดหวังก็คือมันแทบไม่ได้ต่างจากรุ่นก่อน ๆ เลย
ฟีเจอร์และสเปกที่ดีขึ้นก็ไม่ได้ตรงตามที่หลายคนอยากได้
ซึ่งคนส่วนใหญ่น่าจะอยากได้ Chromecast ที่เล็กกะทัดรัดกว่านี้มากกว่า
9. Apple HomePod
ลำโพงอัจฉริยะจากแอปเปิลที่มาพร้อมผู้ช่วย
Siri ที่สามารถรับคำสั่งเสียงต่าง ๆ ได้ เช่น
สั่งให้ค้นหาเพลงที่ต้องการได้, สั่งให้ตั้ง Playlist สำหรับจัดการเพลงได้,
สอบถามสภาพอากาศ, สั่งให้แจ้งเตือนต่าง ๆ สั่งงานควบคุมภายในบ้าน
มาพร้อมลำโพง 7 ตัว ขับเสียงออกมาได้รอบทิศทาง 360 องศา
และมีลำโพงซับวูฟเฟอร์ ช่วยเพิ่มพลังเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ประมวลผลการทำงานด้วยซีพียู Apple A8 ซึ่งดูรวม ๆ แล้วเหมือนจะเจ๋ง
แต่เอาเข้าจริง Siri ก็ยังไม่ฉลาดพอที่จะควบคุมทั้งบ้านได้
แถมราคายังแพงกว่าลำโพงแบรนด์อื่น ๆ เป็นเท่าตัว
10. HTC U12+
มือถือระดับเรือธงรุ่นใหม่ มาพร้อมหน้าจอ 6 นิ้ว ความละเอียด QHD+ รองรับการแสดงผล HDR10 ซีพียู Snapdragon 845 แรม 6GB กล้องหลังคู่ กล้องหน้าคู่ ได้รับคะแนนจาก DxOMark สูงเป็นอันดับ 2 เป็นรองแค่ Huawei P20 Pro โดยทำคะแนนรวมได้ 103 คะแนน ขึ้นแท่นเป็นมือถือกล้องดีที่สุด ส่วนดีไซน์ตัวเครื่องเป็นกระจก 3D glass ดีไซน์สวยงามและยังกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 รองรับฟีเจอร์ Edge Sense 2 บีบตัวเครื่องเพื่อสั่งการทำงานต่าง ๆ แต่ก็น่าผิดหวังที่แบตเตอรี่ไม่อึดอย่างที่หวังไว้ อีกทั้งขอบหน้าจอก็ใหญ่เกินความจำเป็น และปุ่มที่เป็นแบบทัชแทนที่จะเป็นแบบกดก็ดูไม่ค่อยน่าปลื้มนัก